ธุรกิจ
Bosch กับความปลอดภัยบนท้องถนน
อุบัติเหตุที่เกิดกับยานพาหนะไม่ได้เป็นเพียงการปะทะกันของวัตถุ 2 อย่างเท่านั้น แต่เป็นการบรรจบกันของหลายองค์ประกอบที่ทำให้เกิดการชนปะทะอย่างกะทันหัน และมักมีผู้เสียชีวิต ความผิดพลาด หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ คือ สาเหตุอันดับ 1 ของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลก แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เลวร้าย ถนนชำรุด หรือมีไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ ป้ายจราจรมีจำกัด คนเดินเท้า หรือสัตว์ข้ามถนนตัดหน้า ตลอดจนการชำรุดของยานพาหนะที่อาจเกิดจากความบกพร่องในการออกแบบ หรือขาดการดูแลรักษา รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนน 1.3 ล้านคนทั่วโลก ผลวิจัยของธนาคารพัฒนาเอเชียระบุว่าร้อยละ 60 ของอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นในทวีปเอเชีย
มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละวัน ประเทศไทยมีอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต 60 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 500 ราย และ 20 ราย ต้องกลายเป็นผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนน ข้อมูลในปี 2564 พบว่า ประเทศไทยมีรถจักรยานยนต์ประมาณ 21.7 ล้านคัน อุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์โดยมีอัตราส่วนการเสียชีวิต 3 ใน 4 ราย ทำให้ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Bosch เชื่อมั่นว่าการเพิ่มความปลอดภัยจราจรจะบรรลุผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ด้วยการใช้ข้อมูลอุบัติเหตุอย่างรอบด้านเพื่อพัฒนา และดำเนินมาตรการปกป้องชีวิตบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงไม่ใช่การคาดการณ์ การวิจัยอุบัติเหตุต้องใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อทำความเข้าใจในต้นตอของสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุยานยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
การวิจัยอุบัติเหตุทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ
ประเทศไทยกำหนดนโยบายสาธารณะ และจัดลำดับความสำคัญเพื่อยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาโครงสร้างของอุบัติเหตุทางถนนอย่างครอบคลุม Bosch แนะนำแนวทางแบบครบวงจรในการวิเคราะห์ความสำคัญของสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งข้อมูลที่ถูกรวบรวมจากการตรวจสอบในสถานที่เกิดเหตุจะถูกวิเคราะห์เพื่อระบุปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้นจะมีการสรุปต้นเหตุ ความรุนแรง และสถิติของอุบัติเหตุ พร้อมกับการคาดการณ์ประโยชน์ของการดำเนินมาตรการเชิงป้องกัน โธมัส ลิช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฝ่ายการวิจัยอุบัติเหตุของ Bosch อธิบายว่า “ระเบียบวิธีวิจัยเช่นนี้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่จะทำให้รถยนต์มีความปลอดภัยมากขึ้น และสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดมาตรการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การบังคับใช้กฎหมาย และการตอบสนองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมีความจำเป็นสำหรับการคมนาคมยุคใหม่
การจราจรมีปริมาณหนาแน่นมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตใจกลางเมือง พื้นที่ที่แออัดยิ่งขึ้น และยานพาหนะที่มีจำนวนมากขึ้นยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ TomTom รายงานว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 3 ของเมืองที่มีความหนาแน่นบนถนนสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ซึ่งทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีนัยสำคัญ และลดความเครียดบนถนน คือ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัยซึ่งช่วยได้ทั้งป้องกันอุบัติเหตุ และลดความสูญเสีย
ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติหรือ AEB (Automatic Emergency Braking) ทำงานด้วยเครือข่ายเซนเซอร์ในระบบควบคุมเสถียรภาพอีเลคทรอนิค (ESC) ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุด้วยการวิเคราะห์การจราจรด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง และตรวจจับวัตถุที่อยู่นิ่ง หรือเคลื่อนที่อยู่ใกล้ในระดับเฝ้าระวัง ระบบ AEB ยังช่วยเบรคในเบื้องต้นเพื่อลดความเร็ว แต่หากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง ระบบ AEB จะสั่งการระบบเบรคเต็มกำลังเพื่อป้องกันการชนท้าย ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้ อย่างน้อยการทำงานของระบบนี้สามารถจะช่วยลดแรงปะทะ และลดอาการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
ในส่วนของเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ Bosch ได้ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้สูงขึ้นอย่างมากด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบเบรกป้องกันล้อลอค (ABS) และระบบควบคุมเสถียรภาพรถจักรยานยนต์ MSC รายงานฉบับเดียวกันขององค์การอนามัยโลกระบุว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนเดินเท้า คือ กลุ่มเคราะห์ร้ายที่มีความเสี่ยงมากที่สุด โดยมีอัตราส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุทางถนน Bosch เปิดตัวอีกระดับของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบเรดาร์ (ARAS) ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ยานยนต์ที่ใช้เซนเซอร์เรดาร์
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบตรวจจับมุมอับสายตาช่วยเฝ้าระวังทุกทิศทางเพื่อให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สามารถเปลี่ยนช่องจราจรอย่างปลอดภัย เซนเซอร์เรดาร์ทำงานเหมือนเป็นดวงตาของระบบตรวจจับมุมอับสายตาด้วยการระบุวัตถุที่อยู่ในพื้นที่ที่ยากแก่การมองเห็น เมื่อใดก็ตามที่มียานพาหนะอยู่ในมุมอับสายตาของผู้ขับขี่ เทคโนโลยีนี้จะเตือนด้วยสัญญาณภาพ อาทิ บนกระจกมองข้าง อีกหนึ่งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยคือ ระบบลอคความเร็วแบบแปรผัน หรือ ACC (adaptive Cruise Control) ช่วยปรับความเร็วของตัวรถให้เคลื่อนที่ไปตามสภาพจราจร และรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้ช่วยป้อง กันการชนท้ายซึ่งเกิดจากการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไม่มากพอ และช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิ นอกจากนี้ ระบบ ARAS ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการแจ้งเตือนการชน ลดความเสี่ยงต่อการชนท้าย หรือบรรเทาความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ร้อยละ 90 ของอุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์
มีความเสี่ยงมากมายที่ถูกมองข้าม หรือสถานการณ์ที่มีการตัดสินใจผิดพลาดบนถนน ส่งผลให้ผู้ขับขี่ตอบสนองช้าเกินไป หรือไม่ถูกต้อง Bosch ใช้แนวทางการดำเนินงานแบบองค์รวมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ทั้งหมดจากขอบเขตต่างๆ อย่างหลักทางกลศาสตร์ อีเลคทรอนิคส์ การพัฒนาฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ รวมถึงระบบเทเลมาติคส์
เพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ให้ก้าวล้ำ จำเป็นต้องมีโซลูชันอย่างระบบเฝ้าระวังผู้ขับขี่ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมสำคัญอย่างการขาดสมาธิของผู้ขับขี่ และอาการง่วงนอน นอกจากการใช้งานแอพพลิเคชันเพื่อความปลอดภัยที่หลากหลายแล้วนั้น โซลูชันนี้ยังมีการตอบสนองต่อการสั่งการด้วยนวัตกรรมหลายแบบ อย่างการเคลื่อนไหวมือเพื่อสั่งการทำงานของระบบอินโฟเทนเมนท์โดยที่ไม่รบกวนสมาธิ ระบบเฝ้าระวังในห้องโดยสารของยานยนต์แห่งอนาคตมีความจำเป็นอย่างยิ่งในยานพาหนะที่ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถในสถานการณ์ที่จำเป็น
ความมุ่งมั่นร่วมกัน
รายงานขององค์การอนามัยโลกที่เผยแพร่ในปี พศ. 2561 ระบุว่า อุบัติเหตุบนถนนส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถึงร้อยละ 3 รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่าอุบัติเหตุทางถนนจะกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 7 ภายในปี พศ. 2573 หากไม่มีการดำเนินมาตรการที่ยั่งยืน
“นอกจากความสูญเสียทางเศรษฐกิจ การบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนยังทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับความโศกเศร้า และการพลัดพราก” โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ Bosch ประเทศไทย และประเทศลาวกล่าว “Bosch เดินหน้าลงทุนในด้านการวิจัย และพัฒนาอย่างมหาศาล มุ่งเน้นสร้างเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องชีวิต ทั้งการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ และการสร้างโซลูชันส์ที่ช่วยให้รถยนต์ และท้องถนนมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น”
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/410936