Honda กับ GM ขยายความร่วมมือในการพัฒนารถไฟฟ้า

 

ข้อตกลงใหม่ของ Honda กับ General Motors ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท ในการพัฒนา platform ใหม่ โดยมีเป้าหมายในการสร้างชิ้นส่วนมาตรฐาน และลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตรถ BEV ให้ต่ำที่สุด

ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เมื่อ 2 ปีก่อน Honda และ General Motors ทำข้อตกลงร่วมมือกันผลิตรถไฟฟ้า BEV 2 รุ่น ตั้งเป้าหมายวางตลาดในปี 2567 และดูเหมือนการร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท เป็นไปได้ด้วยดี จึงขยายความร่วมมือออกไปอีก จะผลิตรถรุ่นใหม่อีกรุ่นใช้ platform ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ไม่ใช่ platform Ultium ของ GM อีกต่อไป แต่ยังใช้แบทเตอรีของ Ultium เช่นเดิม ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันแบ่งปันนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ และกลยุทธ์ด้านการผลิต เพื่อได้รถ EV ในราคาที่จับต้องได้ และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะตลาด อเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้ และจีน เพื่อบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยสินค้าและให้บริการครอบคลุมทั่วโลกภายในปี 2583 ด้วยการลดมลพิษจากไอเสียของรถใช้งานเบาภายในปี 2583 จากความร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท จะผลักดันให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงรถ EV ได้เร็วกว่าการพยายามบรรลุเป้าหมายของทุกบริษัทที่ขาดความร่วมมือกัน ข้อตกลงเดิมเป็นการทำสัญญาของบริษัท Honda และ Acura ในการแชร์เทคโนโลยี platform และแบทเตอรีของ GM เพื่อผลิตรถ EV ใหม่ 2 รุ่น สำหรับ Acura และ Honda โดยใช้ชื่อรุ่น Prologue มีกำหนดเปิดตัวในปี 2567 หากเทียบกับรถไฟฟ้า EV ของ GM ที่ใช้ platform นี้ วิ่งได้ถึง 640 กม. คงต้องติดตามว่าทาง Honda จะสามารถพัฒนา platform นี้ให้เข้ากับบุคลิกของบริษัทได้อย่างไร ข้อตกลงใหม่นั้นเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท ในการพัฒนา platform ใหม่ โดยมีเป้าหมายในการสร้างชิ้นส่วนมาตรฐาน และลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตรถ BEV ให้ต่ำที่สุด จากความร่วมมือในการพัฒนารถ BEV ตั้งแต่ปี 2561 ตามด้วยการร่วมกันพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า Honda Prologue เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท ที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่า ให้ได้รถรุ่นใหม่ที่มีราคาสมเหตุผล ทั้งยังสามารถใช้จุดแข็งจากทั้ง 2 บริษัทร่วมกันพัฒนา และผลิตรถขนาดกลางคุณภาพสูง การขยายข้อตกลงหลังการเปิดตัวรุ่น Prologue ในปี 2570 คาดว่าจะผลิตครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขนาดกลาง นอกจากนั้นทั้ง 2 บริษัท ยังร่วมกันพัฒนาถังบรรจุไฮโดรเจน ส่วนทาง GM ยังเร่งพัฒนาระบบรถโดยสารแบบไร้คนขับ และแบทเตอรีโซลิดสเตท ที่มีประสิทธิภาพสูงให้พร้อมใช้งานได้เร็วที่สุด