ระเบียงรถใหม่
Toyota GR Corolla ขุมพลังเทอร์โบ 300 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ
Toyota GR Corolla 2023 ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 300 แรงม้า พ่วงเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-Four เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
Toyota Gazoo Racing หรือ Toyota GR/TGR เป็นแบรนด์มอเตอร์สปอร์ท และรถสมรรถนะสูงของ Toyota ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของ Gazoo Racing ถือกำเนิดขี้นในปี 2007 จากการที่ทีม Toyota Motor วางแผนไปแข่ง Nurburgring 24 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถใช้ชื่อทีม Toyota เข้าแข่งได้ จึงตั้งชื่อทีมว่า Team Gazoo คำว่า Gazoo มาจากภาษาญี่ปุ่นว่า Gazō 画像 (หมายถึง ภาพ/ภาพลักษณ์)
Toyota มีความมุ่งมั่นในการพัฒนา และสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า (Making Ever-Better Cars) เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ในปี 2017 โรงงาน Toyota Gazoo Racing ซึ่งเคยพัฒนายานยนต์มอเตอร์สปอร์ท ได้เปลี่ยนเป็นบริษัท "Gazoo Racing Company" เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และแยกส่วนความเป็นอิสระ ด้วยการดึงความรู้ ด้านเทคโนโลยีที่ได้รับจากการแข่งขัน ไปสู่รถยนต์ที่ใช้งานบนถนน
ในปี 2019 GR Supra รถจากแบรนด์ GR คันแรกได้ถูกเปิดตัว โดยใช้พแลทฟอร์มร่วมกับ BMW Z4 (G29) ก่อนจะตามมาด้วย Toyota GR Yaris ในปี 2020
ตามมาด้วย Toyota GR 86 ในปี 2021 ที่เน้นตลาดรถขับสนุกราคาไม่แพง และพร้อม ถ้าคุณต้องการลงสนามแข่งขันในวันที่อยากจะท้าทาย แต่ถ้าคุณไม่ได้เน้นเร็วแรง แค่ชอบความสปอร์ทของชุดแต่ง GR sport ในราคาที่แพงกว่ารุ่นธรรมดาเล็กน้อย ก็มีให้เลือก เช่น Toyota Hilux Revo GR Sport และ Toyota Fortuner GR Sport, Toyota Corolla Cross GR Sport เป็นต้น ได้เน้นการเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ มีการเก็บรายละเอียดให้ความรู้สึกสปอร์ทมากขึ้น อาจมีการปรับทูนการตอบสนองเกียร์ หรือช่วงล่างบ้าง แต่ยังใช้เครื่องยนต์เดิม
ล่าสุดทาง Toyota ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว Toyota GR Corolla อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นรถในตระกูล GR รุ่นที่ 4 โดยแบ่งการทำตลาดออกเป็น 2 รุ่น คือ Circuit Edition และ Core Grade
โครงสร้างพื้นฐานของ Toyota GR Corolla 2023 ได้รับการพัฒนามาจาก Toyota Corolla Hatchback เวอร์ชัน 5 ประตู ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา โดยดีไซจ์นภายนอกของตัวรถ ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้มีความดุดันมากขึ้น คล้าย GR Yaris ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ ติดสัญลักษณ์ GR พร้อมช่องดักลมสำหรับระบายความร้อนของระบบเบรค
โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยท่อไอเสีย 3 ใบ ซึ่งทาง Toyota กล่าวว่า การออกแบบท่อตรงกลางทรงรี ที่ทำหน้าที่เป็นวาล์วเพื่อลดแรงดันไอเสีย และทรงกลมอีก 1 คู่ ด้านข้างเป็นท่อไอเสียธรรมดา
Toyota GR Corolla ตัวรถใช้พแลทฟอร์ม TNGA-C ที่ถูกปรับปรุงให้มีจุดเชื่อมที่มากกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน เพื่อความแข็งแกร่งที่มากขึ้น การออกแบบภายในของ GR Corolla คล้าย Corolla Hatchback แต่ได้มีการเพิ่มออพชันต่างๆ ให้เหมาะสมกับตัวรถ
ด้วยจอมาตรวัดแบบดิจิทอลขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ซึ่งสามารถบอกข้อมูลการขับขี่ของตัวรถได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแรงดันเทอร์โบ ระบุตำแหน่งเกียร์ และมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ จอกลางระบบมัลทิมีเดีย Toyota Audio Multimedia ขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมโลโก GR ที่นั่งแบบสปอร์ท รวมไปถึงแป้นเหยียบอลูมิเนียม
ความแตกต่างของ Circuit Edition และ Core Grade แตกต่างกันดังนี้
1. ฝากระโปรงนูนพร้อมช่องระบายอากาศ
2. หลังคาแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
3. สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่สีดำด้าน (รุ่น Core จะเป็นสีดำเงา)
4. ช่องดักลมขนาดใหญ่บนฝากระโปรงหน้า
5. กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงา
6. คาลิเพอร์เบรคสีแดงพร้อมโลโก GR
7. Torsen Limited-Slip Differentials ที่เพลาหน้า/หลัง
8. เบาะนั่งแบบสปอร์ท หุ้มด้วยหนังกลับ Brin Naub และการเย็บตะเข็บสีแดง พร้อมระบบทำความร้อน
9. พวงมาลัยมาพร้อมกับระบบอุ่นมือ
10. ระบบเครื่องเสียงจาก JBL พร้อมลำโพง 8 ตัว
ด้านเครื่องยนต์ ขุมพลังของรถคันนี้ยกมาจาก GR Yaris เครื่องยนต์รหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร จ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง D-4ST พ่วงด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ แต่ได้มีการอัพเกรดให้แรงมากยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์บลอคนี้ สามารถเค้นแรงม้าสูงสุดได้มากถึง 300 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000-5,550 รตน.
มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมเทคโนโลยี iMT ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยทาง Toyota เคลมว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำกว่า 5.5 วินาที
เสริมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-Four ซึ่งสามารถเลือกกระจายการส่งกำลังระหว่างล้อคู่หน้า/หลัง ได้ 3 โหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนทั้งเปียก และแห้ง
โหมด Normal ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 60 %-ล้อหลัง 40 %
โหมด Sport ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 30 %-ล้อหลัง 70 %
โหมด Track ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 50 %-ล้อหลัง 50 %
จุดเด่นของ Toyota GR Corolla อีกหนึ่งอย่างก็คือ ระบบช่วงล่าง ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เน้นความสปอร์ท โดย Toyota ระบุว่าได้มีการปรับทูนช่วงล่างของรถรุ่นนี้ เพื่อรองรับการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะด้านความเร็ว และการเข้าโค้งที่แม่นยำ ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบดับเบิลวิชโบน พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรคด้านหน้า มาพร้อมกับคาลิเพอร์แบบ 4 ลูกสูบ พร้อมจานเบรคขนาด 356 มม. ด้านหลังมาพร้อมกับคาลิเพอร์แบบ 2 ลูกสูบ พร้อมจานเบรคขนาด 297 มม. ล้อแมกสีดำเงา ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40 R18
ขณะที่รุ่น Circuit Edition ถูกเพิ่มเติมด้วยระบบลิมิเทด สลิพแบบ Torsen ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรค ทำให้ทรงตัวดียิ่งขึ้นขณะเบรค แม้ว่า Toyota GR Corolla จะถูกพัฒนาเพื่อเน้นสมรรถนะเป็นหลัก แต่ยังคงจัดเต็มระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 ที่ประกอบไปด้วย
ระบบป้องกันการชนด้านหน้า พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว, ระบบช่วยติดตามเลนดึงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้ามาอยู่ในเลน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติด้วยเรดาร์แบบไดนามิค, ไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนป้ายจราจร, ระบบตรวจสอบจุดบอด, ระบบเตือนการจราจรทางด้านหลัง และระบบควบคุมการช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบ Toyota Safety Connect ซึ่งจะแจ้งเตือนการชนอัตโนมัติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พร้อมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน และบริการระบุตำแหน่งรถที่ถูกขโมย ส่วนด้านราคายังไม่เผยออกมา
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย อาจต้องรอลุ้นช่วงสิ้นปีว่าทาง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ จะนำรถรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายหรือไม่ แต่จากกระแสตอบรับของ GR Yaris ที่สามารถทำยอดจอดอย่างถล่มทลาย มีการอบรมการขับขี่ให้แก่เจ้าของทุกคน ก็มีความเป็นไปได้ที่ลูกค้าชาวไทยจะได้จับจองเป็นเจ้าของ
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
ภาพโดย : carscoops.com
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/405772