Porsche 911 Carrera S เจเนอเรชันที่ 8

Porsche 911 กำลังเข้าสู่ยุคใหม่พร้อมกับการพัฒนาใหม่ๆ มากมาย การออกแบบและตกแต่งภายในนั้นผสมผสานสไตล์คลาสสิคเข้ากับโซลูชันใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ แชสซีส์ PASM ใหม่ พร้อมความกว้างของทแรคที่กว้างขึ้น​ ล้อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่างกันบนเพลาหน้าและเพลาหลังเป็นครั้งแรก การออกแบบภายนอกเป็นของใหม่อย่างสมบูรณ์ และเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ 911 รุ่นนี้ 911 Carrera S แบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้านหน้า/หลังกว้างกว่าเดิม 45/44 มม. และเป็น 911 รุ่นแรกฝากระโปรงที่มีช่องระหว่างไฟหน้า LED 911 ติดตั้งไฟหน้า LED จากโรงงานตามมาตรฐาน สิ่งเหล่านี้รวมถึงลำแสงสูงเสริมและการควบคุมช่วงไดนามิค พวกเขาเป็นพื้นฐานสำหรับไฟหน้าเสริมด้วย PDLS Plus นอกจากนี้ยังมีไฟเลี้ยวโค้งแบบไดนามิค ระบบช่วยไฟสูงเช่นเดียวกับฟังค์ชันมอเตอร์เวย์ และไฟตัดหมอก ไฟหน้าเมทริกซ์ LED เป็นการพัฒนาใหม่อย่างสมบูรณ์ มือจับประตูพอพอัพแบบไฟฟ้ารูปทรงเรียว เรียบไปกับด้านข้างตัวรถ สปอยเลอร์หลังออกแบบรวมกับท้ายรถๆโดยปีกหลังที่กว้างขึ้นอย่างมาก และแถบแสงไฟท้ายที่สง่างามที่ไร้รอยต่อ​ ซึ่งกว้างครอบคลุมทั้งหมดของท้ายรถ สปอยเลอร์หลังแบบปรับตัวใหม่ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิค มีขนาดใหญ่ขึ้น และกว้างขึ้น​ 45 % สปอยเลอร์ท้ายของ 911 ใหม่​ ปรับเป็น​ 3​ ตำแหน่งหลัก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่ และโหมดการขับขี่ที่เลือก และเก็บกลับได้ที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กม./ชม. โหมดการขับขี่ Eco สปอยเลอร์หลังยังคงอยู่ในตำแหน่ง Eco จนกระทั่งถึงความเร็ว 150 กม./ชม. สปอยเลอร์หลังจะยก/ลงโดยอัตโนมัติ ในโหมด Sport, Sport Plus และ Wet สปอยเลอร์หลังจะยกไปยังตำแหน่ง Performance ตั้งแต่ความเร็ว 90 กม./ชม. ไปจนถึงความเร็วสูงสุด 911 ใหม่​ ยังมีลิ้นอากาศรองรับการระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยลิ้นอากาศเปิดตั้งแต่ 150 กม./ชม. และเปิดเต็มที่เมื่อความเร็วสูงกว่า 170 กม./ชม. การตกแต่งภายในใหม่อย่างสมบูรณ์นั้น โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ชัดเจนและตรงของแดชบอร์ด พร้อมกับเครื่องมือที่ทำให้พักผ่อน ข้างเคาน์เตอร์หมุนรอบส่วนกลาง หน้าจอกลางขนาด 10.9 นิ้ว พร้อมระบบการจัดและการสื่อสาร PCM สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อฟังค์ชันและบริการใหม่ๆ PCM ยังมีคุณสมบัติการนำทางออนไลน์โดยใช้ข้อมูลที่มีการจับกลุ่ม และ Porsche Connect Plus เครื่องยนต์เบนซิน​ 3.0 ลิตร แบบ​ 6​ สูบนอน​ เทอร์โบของ​ 911 Carrera S​ และ 911 Carrera 4S ให้กำลังสูงสุด​ 450 แรงม้า​ นอกเหนือจากกำลังที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน​ 30 แรงม้า (22​ ​กิโลวัตต์​) เป็น 450 แรงม้า​ (331 กิโลวัตต์)​ ที่ 6,500 รตน.​ เครื่องยนต์ยังให้แรงบิดที่สูงขึ้น​ 3.1 กก.-ม. (30 นิวตัน-เมตร)​ อยู่​ที่ 54.0 กก.-ม. (530 นิวตัน-เมตร)​ ระหว่าง 2,300-5,000 รตน.​ ส่งกำลังผ่านคลัทช์คู่ ดูอัลคลัทช์ (PDK) 8 จังหวะ​ ที่พัฒนาขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ การบังคับเลี้ยวนั้นทำได้โดยตรง และเบรตก็ตอบสนองได้ดีขึ้น 911 s ใหม่ ทั้ง 2 รุ่นนั้น เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 4 วินาที โดย Porsche 911 Carrera S ใช้เวลา 3.7 วินาที และ Porsche 911 Carrera 4S พร้อมขับเคลื่อนทุกล้อ ใช้เวลาเพียง ​3.6 วินาที แต่ละรุ่นเร็วกว่ารุ่นก่อน 0.4 วินาที และเร็วกว่าอีก 0.2 วินาที​ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม Sport Chrono Package 911 Carrera S สร้างสถิติใหม่ใน Nordschleife ของ Nürburgring ด้วยเวลาเพียง 7.25 นาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 5 วินาที การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (สัมพันธ์กับ NEDC) ของ 911 Carrera S คือ 8.9 ลิตร/100 กม. ในขณะที่ 911 Carrera 4S บันทึกตัวเลขนี้เป็น 9.0 ลิตร/100 กม. นอกจากนี้​ Porsche​ ยังมี​ Sport Chrono Package พร้อมสวิทช์โหมดใหม่ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เมื่อพูดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความพึงพอใจในการขับขี่ ซึ่งรวมถึงสวิทช์โหมดใหม่ พร้อมปุ่ม Sport Response และโหมด PSM Sport รวมถึงนาฬิกาจับเวลา และแอพพลิเคชัน Porsche Track Precision โหมดการขับขี่จะถูกเลือกโดยการใช้สวิทช์โหมดใหม่ในพวงมาลัยและโหมดที่ใช้งานในปัจจุบันจะแสดงในแผงหน้าปัด โหมด PSM Sport นี้ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใกล้ขีดจำกัดของรถได้อย่างปลอดภัย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาแข่งรถ ปุ่ม Sport Response มีตัวเลือกในการตั้งค่าเครื่องยนต์และการตอบสนองการส่งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในเวลา 20 วินาที แอพพลิเคชัน Porsche Track Precision ช่วยให้สามารถวัดเวลาต่อรอบ และข้อมูลการขับขี่บนสนามแข่งได้ ข้อมูลนี้สามารถบันทึกและจัดการผ่านสมาร์ทโฟน แชร์และเปรียบเทียบกับผู้ขับรายอื่นๆ เมื่อใช้ร่วมกับ Sport Chrono Package ซึ่งเป็นโหมด Wet ใหม่​ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับ 911 ทุกรุ่น สามารถเลือกได้จากสวิทช์โหมด ฟังค์ชันมาตรฐานในโหมด Sport สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยสวิทช์โหมดเท่านั้น เส้นผ่าศูนย์กลางของจานเบรคหลังเพิ่มขึ้นจาก 330 มม. เป็น 350 มม. ทำให้ระยะเหยียบเบรคสั้นลง มีการตอบสนองของเบรคเร็วขึ้น และปรับเปลี่ยนจากบูสเตอร์ลมเบรคเป็นบูสเตอร์ไฟฟ้า