ทดลองขับ(formula)
ทดลองขับ MG3 เจาะเวลา ทั้งอดีต และปัจจุบัน ค้นหาจุดเด่นของแฮทช์แบคสัญชาติอังกฤษ !
MG3 คือ แฮทช์แบคที่ได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร หลังจากเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน กับแนวคิด “Brit Dynamic” เน้นอารมณ์ขับสนุก เส้นสายมีเอกลักษณ์ ล่าสุดกับการต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวด้วยโฉมล่าสุดของแฮทช์แบครุ่นนี้. เส้นสายเฉียบคมขึ้น จุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดของ MG3 รุ่นล่าสุด คือ ตัวถังด้านหน้าที่เปลี่ยนแปลงใหม่หมด ด้วยเอกลักษณ์ของเส้นสายของค่าย MG ยุคใหม่ ไฟหน้าทรงเหลี่ยม มีความความยาวจรดกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ แบบที่เห็นกันมาแล้วจากครอสส์โอเวอร์ MG ZS ล้อแมกลายใหม่ ในรุ่นทอพ V ที่เราได้ทดลองขับ มีขนาด 16 นิ้ว ส่วนท้ายรถปรับเปลี่ยนเส้นสายให้มีความเฉียบคมกว่าเดิม สันเหลี่ยมด้านหลังพาดยาวตลอดช่วงความกว้างของตัวถัง ไฟท้ายรูปทรงเดิม แต่เปลี่ยนการจัดวางใหม่ เสริมความโดดเด่นด้วยสีตัวถังแบบทูโทน โดยเฉพาะตัวถังสีเหลือง และสีแดง ตัวถังส่วนบน (เสา และหลังคา) จะเป็นสีดำ ขณะที่ตัวถังสีน้ำเงินจะเป็นสีขาว ส่วนตัวถังสีดำ และสีขาว จะใช้สีตัวถังเหมือนกันทุกส่วน
ย้อนอดีต ดูรูปทรงของ MG3 โฉมก่อนหน้านี้ ! : MG3 โฉมแรก มีเส้นสายที่เฉียบคมเช่นกัน แต่ส่วนหน้าจะใช้ชุดไฟขนาดเล็ก เน้นความกะทัดรัดของตัวถัง รูปทรงของกระจังหน้า และกันชนจึงมีความแตกต่างเช่นกัน รวมถึงรูปทรงของส่วนท้าย และประตูบานท้าย ที่มีสันเหลี่ยมแตกต่างกัน นอกจากนี้ MG3 โฉมเดิมมีตัวเลือกแบบครอสส์โอเวอร์ (เสริมชุดตกแต่งตัวถัง และยกสูงขึ้นเล็กน้อย) แต่สำหรับ MG3 โฉมล่าสุด รุ่นย่อยแบบดังกล่าวถูกตัดออกไปเสียแล้ว
ขุมพลังปรับปรุงใหม่ กำลังมากขึ้น เปลี่ยนระบบเกียร์ ขุมพลังของ MG3 โฉมล่าสุด คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. มีพละกำลังโดยรวมมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงระบบเกียร์ที่เปลี่ยนมาใช้เป็นแบบอัตโนมัติ 4 จังหวะ จากการทดลองขับเป็นระยะทางไกล บนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เรามีความรู้สึกว่า การตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีความยืดหยุ่นเกินคาด ในช่วงความเร็วต่ำ อัตราเร่งอาจไม่หวือหวา เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล แต่เมื่อเพิ่มความเร็วขึ้นช่วง 80-90 กม./ชม. ขึ้นไป การตอบสนองของคันเร่งมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น สามารถไต่ไปถึงช่วงความเร็วสูงได้ไม่ยากเย็น (เพื่อการทดลองขับเท่านั้น) เราสังเกตว่าในช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 2,500 รตน. ถือว่าไม่สูงเกินไปนัก แม้ปัจจุบันรถยนต์หลายรุ่นจะแล่นที่ความเร็วระดับดังกล่าวที่ 2,000 รตน. ก็ตาม หากต้องการความกระฉับกระเฉงทันทีทันใดจากการออกตัว หรือช่วงความเร็วต่ำ ผู้ขับต้องกดคันเร่งมากหน่อย แน่นอนว่าจุดนี้ย่อมส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงบ้างเป็นธรรมดา (เครื่องยนต์รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ E85 ได้)
ย้อนอดีต กับขุมพลังของ MG3 โฉมก่อนหน้านี้ : MG3 รุ่นก่อนหน้านี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 13.8 กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. น้อยกว่า MG3 โฉมล่าสุดทุกด้าน แม้เพียงเล็กน้อย ความแตกต่างสำคัญ คือ การใช้เกียร์อัตโนมัติคลัทช์ไฟฟ้า (คลัทช์เดี่ยว) 5 จังหวะ เน้นการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง เทียบเท่าเกียร์ธรรมดา แต่การเปลี่ยนจังหวะเกียร์มีช่วงหน่วงที่รู้สึกได้ค่อนข้างชัดเจน อาจมีผลดีสำหรับอารมณ์ขับขี่ที่สนุก (สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ) แต่ก็ลดทอนความนุ่มนวล และความราบรื่นระหว่างขับขี่เช่นกัน
ห้องโดยสารเปลี่ยน (เกือบ) ใหม่หมด ! การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัดเจน ยิ่งกว่าตัวถังภายนอก คือ การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา ! เห็นได้จากคอนโซลหน้าที่หันมาใช้วัสดุที่ดูสปอร์ท เล่นระดับ และโทนสีที่แตกต่างกัน ดูไม่น่าเบื่อ คันเกียร์ และรอบคอนโซลเกียร์ ตัดขอบด้วยวัสดุโครเมียม แผงประตูใช้วัสดุขึ้นรูปที่มีลวดลายมากขึ้น พวงมาลัยทรงสปอร์ท (หากปรับความสูงได้มากกว่านี้อีกสักนิดจะดีมาก) เบาะนั่งโอบกระชับสรีระ วัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยเสริมมาดสปอร์ทได้ดี ห้องโดยสารมีความกว้างขวางใกล้เคียงกับแฮทช์แบคระดับ บี-เซกเมนท์ แต่ MG3 ยังคงเน้นความกระชับแน่นขณะขับขี่ สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน MG3 โฉมล่าสุด คือ ระบบ i-Smart กับการรวมระบบใช้งานเพื่อความบันเทิง และการสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงระบบเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ในรุ่นทอพ ติดตั้งระบบเนวิเกเตอร์มาพร้อม นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบฟังเพลงออนไลน์เข้ามาเป็นครั้งแรก ใช้งานกับแอพพลิเคชันของ TrueMusic ติดตั้งมาจากโรงงาน อาศัยสัญญาณอินเตอร์เนทจากซิมคาร์ดที่ฝังอยู่ในชุดเครื่องเสียง (ภายใต้อัตราการใช้ข้อมูลที่เหมาะสมจากผู้ผลิต) นับว่ามีความทันสมัยไม่น้อย สำหรับรูปแบบการฟังเพลงออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ที่ขาดไม่ได้ คือ ระบบสั่งงานด้วยเสียง สามารถสั่งงานการทำงานได้หลากหลาย เริ่มต้นการทำงานด้วยการกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือด้วยวลีเด็ดของค่ายแห่งนี้ นั่นคือ “Hello, MG” และระบบแจ้งข้อมูลสถานะของตัวรถจากระยะไกล มีติดตั้งมาให้เช่นกัน . อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของระบบ i-Smart ที่ติดตั้งใน MG3 และ MG ZS นั่นคือ ระบบของ MG3 จะไม่มีการสั่งงานด้วยเสียงสำหรับเปิด/ปิดซันรูฟ (แม้แฮทช์แบครุ่นนี้จะติดตั้งซันรูฟในรุ่นทอพมาด้วยก็ตาม) และไม่มีระบบสตาร์ทรถผ่านแอพพลิเคชัน พร้อมการเปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้า เป็นเวลา 10 นาที
ย้อนอดีต ดูห้องโดยสารของ MG3 โฉมก่อนหน้านี้ : ห้องโดยสารของ MG3 โฉมก่อนหน้า มีความเรียบง่ายอย่างเห็นได้ชัด หากจะให้พูดตรงๆ คือ ค่อนข้างล้าสมัยด้วยซ้ำไป วัสดุที่ใช้ตกแต่งบริเวณคอนโซล เป็นแบบขึ้นรูป โทนสีดำสนิท ระบบเครื่องเสียงแบบ 1 DIN พยายามออกแบบปุ่มใช้งาน และปุ่มมัลทิฟังค์ชันบนพวงมาลัยให้เป็นแบบทรงเรียบ นอกจากนี้รูปทรงของแผงประตูด้านในก็เน้นความเรียบง่ายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสนใจของ MG3 โฉมก่อนหน้านี้ (และมีติดตั้งในรุ่นโฉมล่าสุดเช่นกัน) คือ หลังคาซันรูฟ ถือเป็นแฮทช์แบคเจ้าเดียวในเซกเมนท์เดียวกันที่มีติดตั้งมาให้
ระบบรองรับที่หนึบนุ่ม เพิ่มระบบความปลอดภัย หนึ่งในจุดเด่นที่เราพบในรถยนต์ของ MG คือ ระบบรองรับที่มีการตอบสนองอย่างน่าพอใจ แน่นอนว่า MG3 ก็เป็นหนึ่งในนั้น ระบบรองรับของแฮทช์แบครุ่นนี้ มีความหนึบที่พอเหมาะ มั่นใจในทางโค้ง มั่นคงขณะที่ใช้ความเร็วสูง ภายใต้พื้นฐานช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม พวงมาลัยหักเลี้ยวได้แม่นยำดี แม้ในช่วงความเร็วต่ำจะมีน้ำหนักค่อนข้างมากก็ตาม บุคลิกของระบบรองรับ และพวงมาลัย ทำให้ MG3 เป็นแฮทช์แบคที่ขับสนุกอย่างน่าพอใจ จากการปรับแต่งให้มีความลงตัวมากกว่าโฉมก่อนหน้า นอกจากระบบรองรับที่หนึบอย่างลงตัว ระบบความปลอดภัยของ MG3 โฉมล่าสุดมีครบครัน ได้แก่ ระบบควบคุมแรงเบรคขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ระบบป้องกันการลื่นไถล รวมถึงขณะลดจังหวะเกียร์กะทันหัน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ย้อนอดีต ระบบรองรับ และระบบความปลอดภัยของ MG3 โฉมก่อนหน้านี้ : ระบบรองรับของ MG3 รุ่นก่อนหน้ายังคงมีจุดเด่นที่ความหนึบในระดับที่พอเหมาะ จากการทดลองขับเมื่อ 3 ปีก่อน เรามีความรู้สึกว่า MG3 โฉมเก่า มีระบบรองรับที่น่าพอใจดีอยู่แล้ว ทำได้ดีเทียบเคียงกับรุ่นโฉมล่าสุด แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ระบบความปลอดภัย MG3 โฉมก่อนหน้านี้มีเพียงระบบเบรคเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้าเท่านั้น
บทสรุปกับเวลาในปัจจุบันของ MG3 โฉมล่าสุด MG3 แฮทช์แบคจากค่ายรถสัญชาติอังกฤษ (แต่ย้ายมาตั้งรกรากที่ประเทศจีนพักใหญ่แล้ว) ปรับปรุงจุดเด่นในตัวหลายประการ ตั้งแต่รูปทรงที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ห้องโดยสารที่ดูดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ระบบรองรับที่ยังไว้ใจได้ นอกจากนี้ยังเสริมด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์ใช้งานที่ทันสมัย (เช่น ระบบ i-Smart) เพียงแค่นี้ก็แทบจะทำให้ MG3 เป็นรถใหม่แกะกล่องทั้งคัน แม้จะใช้ขุมพลังบลอคเดิม แต่ถูกปรับแต่งให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การหันมาใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ดูจะตกยุคไปเล็กน้อยในแง่ของรถยนต์หลายรุ่นที่หันมาใช้เกียร์หลายจังหวะในปัจจุบัน หรือเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผัน ซีวีที ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า อย่างไรก็ตามการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทำได้ดีพอสมควร กระฉับกระเฉงดีในช่วงความเร็วปานกลาง และความเร็วสูง สุดท้าย คือ ราคา เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญของรถรุ่นนี้ กับช่วงราคาระหว่าง 519,000-629,000 บาท ทั้งที่เป็นรถยนต์ระดับ บี-เซกเมนท์ แต่ยังคงมีค่าตัวใกล้เคียงกับอีโคคาร์หลายรุ่น นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาความแตกต่าง MG3
- รุ่น C ราคา 519,000 บาท
- รุ่น D ราคา 549,000 บาท
- รุ่น X ราคา 589,000 บาท
- รุ่น V ราคา 629,000 บาท
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/237734