ธุรกิจ
ชไนเดอร์ อีเลคทริค เชิญชวนอนุรักษ์ระบบนิเวศวิทยา เพื่อโลกสวยในอนาคต
วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันหนี้นิเวศโลก หรือ Earth Overshoot Day โดยเป็นวันที่กำหนดขึ้นในรอบปี เมื่อถึงจุดที่มนุษยชาติใช้ทรัพยากรบนโลกมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ป่าไม้ รวมถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เกินความสามารถที่ระบบนิเวศบนโลกจะดูดซับแกสคาร์บอนไดออกไซด์ และฟื้นฟูกลับคืนมาได้ตลอดทั้งปี ชไนเดอร์ อีเลคทริค ผู้นำด้านดิจิทอลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงาน และระบบออโทเมชัน เชื่อว่าการนำเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น พแลทฟอร์ม EcoStruxure ที่ให้ศักยภาพด้าน IoT เป็นส่วนหนึ่งในการเลื่อนวันหนี้นิเวศโลก ให้ไกลออกไปได้อีก 21 วัน หากมีการนำพแลทฟอร์มดังกล่าวมาช่วยในการปรับปรุงอาคารที่ใช้งานอยู่แล้ว รวมถึงในอุตสาหกรรม โครงสร้างดาทาเซนเตอร์ พร้อมอัพเกรดการผลิตกระแสไฟฟ้า
ชไนเดอร์ อีเลคทริค ได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สามารถทำได้ พร้อมส่งเสริมแนวทางใหม่เพื่อนำไปสู่การคิดในเชิงธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับ Global Footprint Network ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยระหว่างประเทศ ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่โลกจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้บัญชี Ecological Footprint ของ Global Footprint Network ในการตามรอยคาร์บอนในระบบนิเวศ เพื่อช่วยในการคำนวณวันหนี้นิเวศโลก
การลดแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน
ชไนเดอร์ อีเลคทริค เชื่อว่าสถานการณ์นี้สามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ บริษัทคำนวณว่าหากอาคาร อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานของดาทาเซนเตอร์ ทั้ง 100 % ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีพร้อมอยู่แล้ว รวมถึงอัพเกรดโครงข่ายไฟฟ้าให้ความสามารถรองรับพลังงานหมุนเวียน ก็จะช่วยให้โลกสามารถเลื่อนวันออกไปได้อีก 21 วัน
“การดำเนินการบนโลกที่มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัด ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเข้ามาช่วย” ซาเวียร์ ฮูต์ รองประธานอาวุโสด้านสิ่งแวดล้อม ชไนเดอร์ อีเลคทริค กล่าว “เราร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรของเรา เพื่อปลดลอคศักยภาพในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน และนำรูปแบบทางธุรกิจในลักษณะหมุนเวียนมาใช้ พร้อมกับวัดว่าเรื่องนี้ช่วยให้เราประหยัดทรัพยากรและลดแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างไร เพื่อสามารถดำรงชีวิตที่เติบโตขึ้นในทรัพยากรที่จำกัด
EcoStruxure ของ ชไนเดอร์ อีเลคทริค มีศักยภาพในการเลื่อนวันหนี้ระบบนิเวศโลกออกไปได้
ความท้าทายนี้ นับเป็นหัวใจสำคัญด้านยุทธศาสตร์ของ ชไนเดอร์ อีเลคทริค ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ EcoStruxure ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมและพแลทฟอร์มแบบ EcoDesigned เพื่อการทำงานร่วมกันในระบบเปิด ในลักษณะ plug-and-play ที่ให้ศักยภาพรองรับการใช้ IoT โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนที่ใช้พลังงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร ดาทาเซนเตอร์ โครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรม
ตัวอย่างของพแลทฟอร์มที่เราได้นำมาช่วยโลกของเรา ได้แก่ EcoStruxure Building ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถมอบประสิทธิภาพด้านพลังงานได้มากกว่า 50 % ขณะที่ช่วยลดต้นทุนทางด้านพลังงานได้ถึง 30 % โดย EcoStruxure ทำงานใน 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับแรก Connected Products: การเชื่อมต่อเซนเซอร์ และมิเตอร์ในอาคาร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบแสงสว่าง ความร้อน และระบบปรับอากาศ รวมทั้งเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ใช้พื้นที่ในอาคารได้อย่างเหมาะสมที่สุด
- ระดับที่ 2 Edge Control: เป็นระดับที่มอบศักยภาพให้กับผู้ใช้ในการจัดการข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกับ IoT ในพื้นที่นั้นๆ พร้อมช่วยให้ใช้พลังงานในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผ่านการเข้าใช้งานจากระยะไกล และระบบอัตโนมัติขั้นสูง
- ระดับที่ 3 Apps, Analytics & Services: เป็นรายงานที่ให้ภาพการใช้พลังงานได้เสมือนจริง ผ่านแดชบอร์ดในลักษณะอินเตอร์แอคทีฟ ทั้งการตรวจหา และวินิจฉัยข้อผิดพลาด รวมถึงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ และการสอดส่องสินทรัพย์ ที่ช่วยในการตรวจหาโอกาสเพิ่มเติมเพื่อการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปลี่ยนไปสู่การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ได้อย่างเห็นผล
เรื่องโดย : ลิขิต น้าประเสริฐ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/236385