เรื่องน่ารู้
ผู้บริโภคมากกว่า 1 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ผลการศึกษาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความพร้อม และสนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาค ที่จะเร่งให้เกิดยานยนต์ไฟฟ้านิสสัน ให้การสนับสนุนการศึกษาของ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ในหัวข้อ "อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (Future of Electric Vehicles in South East Asia) โดยมาจากการตอบคำถามของลูกค้าทางออนไลน์ และการพูดคุยแบบตัวต่อตัว 1,800 ราย และเปิดเผยสู่สาธารณชนที่งาน นิสสัน ฟิวเจอร์ส (Nissan Futures) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานที่มีการรวมกันของผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ กลุ่มอุตสาหกรรม และสื่อมวลชน การวิจัยนี้ครอบคลุมทั้งใน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยเผยว่า 37 % ของผู้ที่กำลังจะซื้อรถยนต์มีความสนใจที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นคันต่อไป โดยลูกค้าใน ฟิลิปปินส์ ไทย และอินโดนีเซีย คือ กลุ่มที่มีความต้องการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด จากผลวิจัยชี้ให้เห็นการเสนอแรงจูงใจ (Incentive) ที่เหมาะสม จะส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ภายในงาน นิสสัน ยังเน้นความมุ่งมั่นในการก้าวสู่อนาคตของระบบขับเคลื่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิที (Nissan Intelligent Mobility) เพื่อพลิกโฉมพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์ การขับขี่ และการเชื่อมต่อเป็นเป็นส่วนหนึ่งในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนก้าวสู่โลกที่ดีขึ้น และบริษัทฯ ได้ประกาศเปิดตัว นิสสัน ลีฟ ซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้า 100 % ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดของ นิสสัน โดยรถยนต์ดังกล่าวจะจัดจำหน่ายที่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย ในช่วงปีงบประมาณหน้าของบริษัทฯ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า 2 ใน 3 ผู้บริโภคทั่วภูมิภาคให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าเป็นปัจจัยอันดับที่ 2 ตรงข้ามกับความเข้าใจเดิมๆ ราคาไม่ใช่ปัญหา และโดยข้อเท็จจริงแล้ว ลูกค้ามีความพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถยนต์แบบทั่วไป อย่างไรก็ตามผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงจะทำให้คนจำนวนมากขึ้นคิดที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าพวกเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนจากรถยนต์ทั่วไปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าถ้ามีการยกเว้นภาษี รวมถึงแรงจูงใจอื่นๆ และที่จะสร้างความน่าสนใจให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในอาคารที่อยู่อาศัย (70 %) การมีช่องทางขับขี่พิเศษสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (56 %) และการไม่เสียค่าที่จอดรถ (53 %) ปัจจัยที่มีผลต่อผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แม้ว่าจำนวนผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีค่อนข้างน้อย แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังทราบถึงความแตกต่างของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อาทิ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ นิสสัน อี-เพาเวอร์ ผู้บริโภค 83 % ยังมีความเข้าใจว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ใน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ผู้คนมีการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีมากที่สุด ขณะที่ รถยนต์แบบไฮบริดที่มีจำนวนมากในมาเลเซีย และไทย ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ขจัดกำแพงกั้นการตัดสินใจซื้อ ถึงแม้จะมีความต้องการต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สูง แต่ก็ยังมีอุปสรรคหลายด้านเช่นกัน อาทิ การขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ความกังวลใจเรื่องแบทเตอรีจะหมดลง คือ อุปสรรคหลักของการตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่นดียวกันกับที่ลูกค้ายังไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า "การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้า จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงแนวทางการดำเนินการในระยะยาว ที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละตลาด" ยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโส ระดับภูมิภาคของ นิสสัน กล่าวในงาน นิสสัน ฟิวเจอร์ส ว่า "ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่าภาครัฐมีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “ขณะเดียวกัน เราในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็จะต้องทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่ออธิบายว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีความปลอดภัย มีความชาญฉลาด และเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนในทุกสภาพอากาศ” ซานาดะ ยังเสริมด้วยว่า “รถยนต์ไฟฟ้าของ นิสสัน ได้รับการทดสอบอย่างจริงจังในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด เรามีความภาคภูมิใจที่ลูกค้า นิสสัน ลีฟ จำนวน 300,000 ราย ได้ขับรถของเรา ไปมากกว่า 3.9 พันล้านกิโลเมตรทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2553 โดยไม่มีปัญหาใหญ่ๆ เกิดขึ้นกับแบทเตอรีเลย” ขณะที่ วิเวก ไวทยา รองประธานอาวุโสฝ่ายระบบขับเคลื่อนของ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ความเข้าใจในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงซึ่งสูงกว่ามาก ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อที่ว่า ราคาที่สูงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นอุปสรรค แต่จากการสำรวจเผยว่าผู้บริโภคกลับมีความกังวลด้านความปลอดภัยและการชาร์จไฟ ซึ่ง หากภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐบาลสามารถขจัดอุปสรรคเหล่านี้ลงได้ ความเป็นไปได้ของยานยนต์ไฟฟ้าก็จะมีอยู่สูง"
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : ผู้ผลิต และฝ่ายภาพ
คอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/211257