บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดกิจกรรม "Isuzu D-Max" Press Trip เพื่อให้สื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ รถพิคอัพ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ใหม่ รุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี บนเส้นทางกรุงเทพฯ-ตาก-สุโขทัย ระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร
คาราวาน อีซูซุ ดี-แมกซ์ ใหม่ นัดพบกันที่ ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ฯ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อฟังบรรยายสรุปเส้นทาง โดยทริพนี้จัดมาเต็มทั้ง อีซูซุ ดี-แมกซ์ วี-ครอสส์ แมกซ์ 4x4 และ อีซูซุ ดี-แมกซ์ บลูเพาเวอร์ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 3.0 ลิตร ทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา
เราได้ขับ อีซูซุ ดี-แมกซ์ บลูเพาเวอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งจัดเป็นรุ่นธงขายดี ล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 9.00 น. เป้าหมายแรก คือ ครัวท่าน้ำอ้อย ร้านอาหารขึ้นชื่อ ก่อนเข้าตัวเมืองนครสวรรค์
ที่นี่มีโอกาสพิจารณาโฉม ดี-แมกซ์ บลูเพาเวอร์ ใหม่ อย่างเต็มที่ ทั้งรูปแบบไฟหน้าที่โดดเด่นทันสมัยแบบ Bi-LED ปรับสูง/ต่ำได้ถึง 4 ระดับ ภายในโคมยังติดตั้ง Multifunctional Daylight แบบบิลท์-อิน ที่ได้รับการออกแบบใหม่ เป็นทั้งไฟส่องสว่างกลางวันและไฟหรี่ในตัว ไฟตัดหมอกเพิ่มกรอบโครเมียม บันไดข้างดีไซจ์นใหม่ เสาข้างประตูสีดำ ดูต่อเนื่องสวยงาม โป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่ เสาอากาศแบบ Shark fin ชุดไฟท้าย LED
ห้องโดยสารพร้อมเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีน้ำตาล ที่พักแขนและแผงข้างกระตู และอีกหลายจุด เปลี่ยนมาใช้วัสดุแบบซอฟท์ทัช รวมถึงชุดแต่ง Piano black style ที่คอนโซลกลาง แผงข้างประตู และช่องแอร์ ส่วนระบบเสียง หน้าจอขนาด 8 นิ้วใหม่ มีฟังค์ชันทันสมัย อาทิ ระบบ Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน มีระบบนำทางพร้อมแผนที่ และระบบเสีย Isuzu Surround Sound System พร้อมลำโพงบนเพดาน ให้มิติเสียงกระหึ่มรอบคัน ด้วยลำโพง 8 ตัว
หลังจากอิ่มท้อง รถทุกคันมุ่งหน้าสู่ จ. ตาก จุดหมายปลายทางในวันนี้ ได้ลองสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ รหัส 4jj1-tcx 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขนาด 3.0 ลิตร 177 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. ให้แรงบิดสูงถึง 38.7 กก.-ม.ที่ 1,800-2,800 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Rev Tronic พบว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองการขับขี่ดี ขับสนุก เร่งแซงได้ทันใจ จังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลราบเรียบ
เส้นทางบายพาสส์ นครสวรค์-กำแพงเพชร มีการซ่อมแซมถนนอยู่บางช่วง ผิวจราจรขรุขระ ช่วงล่าง i-grip platfoam แข็งแกร่งและซับอาการโยนโคลงได้ดี ตัวรถนิ่ง บังคับควบคุมง่าย สัมผัสได้ถึงระบบรองรับที่เซทมาได้อย่างนุ่มนวล ขับและนั่งสบาย
บ่ายสามโมงเศษ ถึงตัวเมืองตาก แวะพักผ่อน ณ ร้านเถียงนา coffee and bakery ร้านกาแฟชิคแอนด์ชิลล์ ของคนเมืองตาก ตกแต่งสวยงาม ก่อนแวะเชคอินที่โรงแรม white house แล้วเข้ากราบสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บนถนนจรดวิถีถ่อง
แต่เดิมศาลนี้อยู่ที่วัดดอยเขาแก้ว ฝั่งตรงข้ามตัวเมือง ต่อมาในปี 2490 ชาวเมืองเห็นว่าศาลนั้นไม่สมพระเกียรติ จึงช่วยกันสร้างขึ้นใหม่ จากนั้นเราเดินทางต่อไปยังสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี สร้างขึ้นเมื่อปี 2525 ตัวสะพานมีขนาด กว้าง 2.5 เมตร ยาว 700 เมตร ฐานรากและเสาเป็นคอนกรีท 5 จุด พื้นทำด้วยไม้โยงและเสาคอนกรีท ประดับไฟสวยงาม ยามค่ำคืนตัวสะพานจะดูเด่นสว่างไสว และยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่ดีที่สุดของจังหวัดตาก
รุ่งขึ้น สัมผัสอากาศหนาวเย็น ในช่วงเช้ามืด อุณหภูมิราว 13 องศาเซลเซียส ล้อหมุนจากโรงแรมตั้งแต่ 9.00 น เข้ากราบไหว้วัดพระบรมธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวโรงแรม 27 กม. อยู่ที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก องค์พระบรมธาตุโบราณ ได้รับการบูรณะเลียนแบบมาจากเจดีย์ชเวดากอง ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า หรือ เมียนมาร์ ครอบองค์เดิมไว้ มีเจดีย์องค์เล็กๆ รายรอบไว้ด้วยองค์เดิม สร้างขึ้นโดย สุรกวัตถี เศรษษฐีแห่งดอยมหิยกะ
วัดพระบรมธาตุ บางคนเรียกว่า "วัดพระธาตุ" เดิมเป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นราวสมัยสุโขทัย ต่อมาระยะหลังขาดการทะนุบำรุง จึงกลายสภาพเป็นวัดร้าง จนได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ ในช่วงปี 2440 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 8 กพ. 2492 ตัวอุโบสถมีประตูไม้แกะสลักสวยงาม หน้าบันและจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันไดเป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่าแก่ เพดานสูง 2 ชั้น นับเป็นวัดที่มีคุณค่าทางโบราณคดีมาก
จากนั้นขับต่อไปยังวนอุทยานไม้กลายเป็นหิน ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากฟอสซิลชนิดหนึ่ง โดยซากต้นไม้ถูกแทนที่ด้วยน้ำบาดาล ซึ่งมีสารละลายของซิลิคาเกิดการตกตะกอนจนกลายสภาพเป็นหินอย่างช้าๆ คือ มีการแทนที่แบบโมเลกุล จนกระทั่งกลายเป็นหินทั้งหมด
ซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและยาวที่สุดในโลก มีความยาวประมาณ 72.22 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร ถูกขุดขึ้นมาเพื่อจัดแสดงและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วจำนวน 8 ท่อน จากจำนวน 7 หลุมขุดค้น จากการวิจัยพบว่าเป็นไม้ทองบึ้ง 6 ท่อน และไม้มะค่าโมง 2 ท่อน คาดว่าจะเกิดการสะสมตัวในยุคควอเตอร์นารีตอนตัน อายุประมาณ 2 ล้านปี จากการแพร่กระจายตัวของตะกอนตะพักที่ปรากฏ น่าจะเกิดสะสมตัวบริเวณตะพักคุ้งน้ำของแม่น้ำปิงโบราณนั่นเอง จากนั้นเรากลับเข้าเมืองมาจัดเต็มมื้อกลางวัน ที่ร้านครัวแม่บางหัวเดียด ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ ซึ่งมีทั้ง ก๋วยเตี๋ยว หมูสะเต๊ะ และขนมถ้วย แสนอร่อย
หลังอิ่มท้อง เราออกเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์เมืองเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองริมแม่น้ำปิง จังหวัดตากสร้างพิพิธภัณฑ์เมืองจังหวัดตาก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยปรับปรุงอาคารจวนผู้ว่าราชการจังหวัดตากหลังเก่า ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากในอดีตสถานที่ดังกล่าวเคยเป็น "เรือนประทับ" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเมืองตาก ในปี 2501
พิพิธภัณฑ์ฯ จัดแสดงและรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทรัพย์สินทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดตากที่มีอยู่จำนวนมาก ชั้นบนเป็นห้องแสดงพระราชกรณียกิจ ที่เป็นภาพถ่ายและโบราณวัตถุและศิลปวัตถุต่างๆ อาทิ ถ้วยชามกระเบื้อง พระพุทธรูป ส่วนชั้นล่างจัดเป็นห้องแสดงสิ่งของมีค่าของจังหวัดตาก ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการทำเวิร์คชอพ เครื่องหอม ที่ทำจากใบเตยและมะกรูด โดยนำในเตยมาพับเป็นกลีบแล้วปักเข้าไปในส่วนของลูกมะกรูดโดยรอบ เพื่อให้ดูสวยงาม ที่สำคัญส่งกลิ่นหอมของมะกรูดและใบเตยมาพร้อมกัน ทำให้สดชื่น โล่งสบาย จากนั้นเราออกเดินทางจากตาก ระยะทางประมาณ 80 กม. มุ่งหน้าสู่โชว์รูม อีซูซุ จ. สุโขทัย หรือ บริษัท สุโขทัย ฮกอันติ้ง (1978) จำกัด
สรุปว่าทริพนี้ได้ทั้งลองขับพิคอัพ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ใหม่ และเรียนรู้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใน จ. ตาก ด้วย คุ้มค่าจริงๆ
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/205167