ทดลองขับ(formula)
ทดลองขับ BMW 520d LUXURY/530i M SPORT
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เขิญสื่อมวลชนสัมผัส BMW 5-Series Sedan โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 7 รหัสประจำตัว G30 ที่จัดขึ้น ณ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2560 และเข้ากิจกรรมทดลองขับ 530i M Sport และ 520d Luxury
ภายนอกออกแบบภายใต้แนวคิด BMW EfficientLightweight ซึ่งเน้นการใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้า ที่มีความทนทานสูง แต่น้ำหนักเบา BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ G30 เมื่อเทียบกับ F10 มีน้ำหนักเบากว่าถึง 100 กก. เส้นสายตัวถังบริเวณชายประตูด้านล่างแบบเดียวกับ BMW 7-Series
BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ มีความยาวฐานล้อ 2,975 มม. (เพิ่มขึ้น 7 มม.) ประกอบกับความกว้างฐานล้อหน้า 1,605 มม. (เพิ่มขึ้น 5 มม.) และความกว้างฐานล้อหลัง 1,630 มม. (เพิ่มขึ้น 3 มม.) แม้จะไม่มากมายอะไรนัก แต่เมื่อมองโดยรวมก็สัมผัสได้ว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน
ดีไซจ์นภายนอกของ BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ ทั้ง 2 รุ่น ยังโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย อันถือเป็นเอกลักษณ์ของ BMW รุ่นใหม่ๆ โดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับในขณะเข้าโค้ง หรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร
ฝากระโปรงหลังขนาดใหญ่ขึ้น โดยส่วนขอบล่างของกระโปรงคลุมลงต่ำกว่าในรุ่นก่อน จึงทำให้สามารถจัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้ง่ายขึ้น ภายในช่องเก็บของที่ทั้งเปิดฝากระโปรงได้กว้างขึ้น และมีขนาดที่กว้างกว่าเดิม ด้วยความจุถึง 530 ลิตร นอกจากนี้ ฝากระโปรงหลังของ BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ ยังทำจากอลูมิเนียมทั้งบาน ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้กว่า 4.2 กก.
นอกจากน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนแล้ว ตัวถังของ BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ ยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน จึงผสมผสานการขับขี่ที่คล่องตัวเข้ากับความนุ่มสบายสำหรับผู้โดยสารได้อย่างลงตัว ทีมวิศวกรของ BMW สามารถลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศของ BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ลง 10 % เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่ 0.22 เท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ซีดาน
และปรับให้มีน้ำหนักชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ลงมา เช่น การรวมระบบเบรคมือไฟฟ้าเข้ากับก้ามปูเบรคล้อหลัง ซึ่งช่วยให้สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 3 กก. เมื่อรวมกับการลดน้ำหนักของล้อและยาง ทำให้ BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ มีน้ำหนักของระบบช่วงล่างเบาลงถึง 9 กก. ซึ่งมีผลต่อการตอบสนองและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด
BMW 5-Series Sedan รุ่นใหม่ ยังมาพร้อมชุดแต่งแบบ M Sport และ Luxury Line ให้เลือกตามสไตล์ที่ต้องการ
530i M Sport โฉบเฉี่ยวหรูหราด้วยชุดแต่ง M aerodynamics และล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วแบบ Double-spoke ภายในโดดเด่นด้วยพวงมาลัยหนังในแบบ M ส่วนหลังคากระจกเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า และกระโปรงหลังพร้อมระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ
520d Luxury มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ W-spoke ดูเรียบหรู เน้นใช้งาน
ภายในห้องโดยสาร นอกเหนือจากพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น และเทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) เพดานห้องโดยสารติดตั้งวัสดุเก็บเสียงในตัว จึงช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร โดยเฉพาะในบริเวณที่ใกล้กับศีรษะ
530i M Sport และ 520d Luxury มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังค์ชันพร้อมระบบสัมผัส iDrive พร้อมแสดงระบบนำทาง ระบบโทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว โดยรองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง
กุญแจ Display Key พร้อมฟังค์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เช่น สั่งการทำงานของระบบปรับอากาศในรถ นอกจากนี้ กุญแจดังกล่าวยังมาพร้อมหน้าจอสีแสดงผลแบบระบบสัมผัส ซึ่งแสดงสถานะต่างๆ ของรถ ปริมาณของน้ำมันและระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ รวมถึงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ โดยกุญแจนี้สามารถชาร์จได้ด้วยเครื่องชาร์จไร้สายที่ติดตั้งมากับรถ หรือจากพอร์ท USB ทั่วไป
ระบบโทรศัพท์พร้อมกับการชาร์จแบทเตอรีไร้สาย รวมถึงแท่นชาร์จแบทเตอรี และพอร์ทเสริมสำหรับสาย USB สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง และอุปกรณ์ฟังเพลง 1 เครื่อง ผ่านบลูทูธไปพร้อมๆ กันได้
530i M Sport ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบรุ่นใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ซึ่งมาแทนเครื่องยนต์เบนซินเดิมที่ใช้ใน 528i พร้อมมอบกำลังสูงสุด 252 แรงม้า หรือ 185 กิโลวัตต์ ที่ 5,200-6,500 รตน. พร้อมแรงบิด 35.7 กก.-ม. หรือ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,450-4,800 รตน. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 17.5 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 129 กรัม/กม. ลดลงจากรุ่นก่อน 11 % สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.2 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม.
520d Luxury ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 190 แรงม้า หรือ 140 กิโลวัตต์ ที่ 4,000 รตน. พร้อมแรงบิด 40.8 กก.-ม. หรือ 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รตน. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ 132 กรัม/กม. สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กม./ชม.
ระบบ Driving Experience Control ทางเลือก 2 รูปแบบ ระหว่างโหมด Comfort แบบมาตรฐาน นั่นคือ Eco Pro Mode ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ และ Sport Mode ซึ่งจะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะยิ่งขึ้น ฟังค์ชันการใช้งาน Adaptive Mode แบบใหม่จะช่วยปรับเปลี่ยนระบบ Dynamic Damper Control, พวงมาลัย, และเกียร์ Steptronic ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขับขี่
นอกจากระบบรองรับแน่นหนึบ ควบคุมง่ายกว่าเดิม ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการติดตั้ง ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) จะทำให้การจอดรถง่ายดายขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถในรูปแบบแนวขนาน หรือการจอดแบบเข้าซอง ทั้งยังมาพร้อมกับฟังค์ชันพิเศษเพิ่มเติม โดยในรุ่นนี้ ระบบสามารถทำการจอดรถได้ในพื้นที่จอดที่มีความยาวกว่าตัวรถเพียง 80 ซม. ซึ่งช่วยให้การเข้าจอดในพื้นที่จำกัดสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น ระบบ Ultrasonic Sensors สามารถช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสมได้ในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชม. โดยเมื่อพบจุดจอดแล้ว ระบบจะทำการจอดรถเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเกียร์ หมุนพวงมาลัย ตลอดจนผ่อนคันเร่งหรือเบรคโดยอัตโนมัติ และในกรณีที่พื้นที่จอดรถทำมุมกับถนน ในการทำงานแบบอัตโนมัติต้องการพื้นที่ว่างด้านข้างตัวรถเพียงข้างละ 40 ซม. เท่านั้น
ระบบ Gesture Control ซึ่งเป็นฟีเจอร์ควบคุมฟังค์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือแบบเดียวกับ BMW 7-Series ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ที่แสดงผลได้ทั้งข้อมูลระบบนำทาง โทรศัพท์ เพลง หรือเมนูฟังค์ชันต่างๆ ของตัวรถ นอกจากจะสั่งการได้ผ่านทางปุ่ม iDrive Controller แล้ว ระบบควบคุมนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ เสียง หรือการสัมผัสปุ่มบนหน้าจอ สำหรับระบบ Gesture Control นั้น นำเสนอการใช้งานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสะดวกสบายในทุกฟังค์ชัน ทั้งระบบ Infotainment และโทรศัพท์ ผ่านการขยับมือหรือนิ้วมือ ซึ่งจะถูกตรวจจับโดยระบบเซนเซอร์ 3D บริเวณคอนโซลและแปลเป็นคำสั่งต่างๆ ตามการเคลื่อนไหว เช่น สามารถรับโทรศัพท์ได้ด้วยการชี้นิ้วชี้ไปที่หน้าจอ หรือสามารถปัดมือเพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า
นอกเหนือจาก 530i M Sport ราคา 4,399,000 บาท และ 520d Luxury ราคา 3,899,000 บาทแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมี 520d Luxury (Limited) ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือน 520d Luxury แต่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้ว ที่ทำงานควบคู่กับระบบ iDrive Controller ในราคา 3,599,000 บาท
เรื่องโดย : THANASAN SAOWAMOL
ภาพโดย : BMW
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/169388