ฟอร์ด ประเทศไทย จัดกิจกรรม “Ford Experience World Class Engineering” เชิญคณะสื่อมวลชนและผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมและยานยนต์ ร่วมทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ ที่มีอยู่ในรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ พร้อมเยี่ยมชมการผลิตรถยนต์ ฟอร์ด ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย และการบริหารจัดการภายในโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง ณ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ–ชลบุรี–ระยอง ผู้เข้าร่วมงานได้ทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่อันชาญฉลาดในรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค 3.2 ลิตร และ รถยนต์อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.2 ลิตร และ 3.2 ลิตร ไทเทเนียม พลัส รุ่นปี 2016 ที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อมอบสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ พร้อมเพิ่มความมั่นใจสูงสุดขณะขับขี่ตลอดการเดินทาง ได้แก่
ทั้งนี้ ยังมีการทดสอบเทคโนโลยีเพิ่มเติมใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียม พลัส ได้แก่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ที่ช่วยให้การนำรถเข้าจอดเทียบข้างเป็นเรื่องง่ายดายด้วยการเหยียบคันเร่ง เข้าเกียร์ และเบรค โดยไม่จำเป็นต้องบังคับพวงมาลัย รวมไปถึง ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert) ซึ่งจะคอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่มีรถคันอื่นอยู่ในจุดบอด หรือเมื่อมีรถตัดผ่านในขณะถอยออกจากซองจอด ช่วยให้การถอยรถออกจากช่องจอดได้เป็นได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง
นอกจากการทดสอบการขับและการใช้เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะของรถ ฟอร์ด แล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังได้เยี่ยมชมการผลิตรถยนต์ ฟอร์ด ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมชมการบริหารจัดการภายในโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง ณ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ เอฟทีเอม เริ่มเปิดทำการเมื่อปี 2555 ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อตอกย้ำความสำคัญของประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของ ฟอร์ด และเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปทั่วภูมิภาค ในปี 2559 ฟอร์ด ได้เพิ่มการลงทุนจำนวน 186 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 6,269 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์
โรงงานเอฟทีเอม มีพื้นที่ขนาด 200,000 ตารางเมตร และมีพนักงานทั้งหมดกว่า 2,000 คน เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท ฟอร์ด โฟคัส และฟอร์ด ฟิเอสตา สำหรับจำหน่ายทั้งในประเทศ และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของประเทศไปยังตลาดสำคัญต่างๆ ของโลก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา บรูไน และแอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30 คัน/ชั่วโมง แบ่งเป็นรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 16 คัน และรถยนต์นั่ง 14 คัน
ทั้งนี้ กระบวนการผลิตรถยนต์ในโรงงานเอฟทีเอม จะประกอบไปด้วย 4 กระบวนการหลัก ได้แก่
1) โรงปั๊มขึ้นรูปและประกอบตัวถัง โดยใช้แท่นพิมพ์ความเร็วสูง พร้อมเทคโนโลยีระบบป้อนชิ้นงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และหุ่นยนต์จำนวน 243 ตัว ในโรงงานประกอบตัวถังช่วยเชื่อมชิ้นส่วนแบบเชื่อมอัด (Spot Welding) เพื่อผนึกชิ้นส่วนและส่งต่องาน โดยระบบการประกอบตัวถังมีความยืดหยุ่น 8 ระบบ พร้อมการเก็บริมแบบ Table Top
2) โรงพ่นสี ซึ่งใช้เทคโนโลยี Rotational Dip ที่หมุนรถทั้งคันแบบ 360 องศาในถังเคมี เพื่อรองพื้นและเคลือบผิวทั่วคันรถอย่างสม่ำเสมอ และเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ Three-Wet High Solid หรือให้รถผ่านการพ่นสีซ้อนทับกัน 3 ชั้น ก่อนเข้าเตาอบเพียงครั้งเดียว
3) โรงประกอบรถยนต์และการตรวจสอบคุณภาพ โดยเน้นสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรในด้านสรีรศาสตร์ (Ergonomic Friendly Environment) เช่น ระบบพื้นมีการยกปรับระดับในสายพานการผลิต ออกแบบให้เหมาะสมกับสรีระ ช่วยให้พนักงานเคลื่อนไหวได้โดยสะดวก รวมถึงระบบติดตามปัญหาระหว่างการผลิต Quality Leadership System (QLS) ที่เป็นระบบอีเลคทรอนิคส์ที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต
4) ขั้นตอนการขนส่งวัสดุ ซึ่งใช้รถขนส่งอัตโนมัติ (AGV – Automatic Guided Vehicle) และใช้ระบบประกอบและลำเลียง (Kitting and Sequencing) สำหรับงานที่มีความซับซ้อนสูง
นอกจากนี้ ฟอร์ด ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียวในอาเซียน ที่ใช้กระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นเทคโนโลยี Rotational Dip และ เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ Three-Wet High Solid ในการผลิตรถยนต์ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จึงเป็นหนึ่งในโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในภูมิภาค
ก่อนปิดท้ายกิจกรรมทั้งหมด ฟอร์ด ยังได้จัดกิจกรรมการฝึกอบรมพิเศษ “ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย” (Driving Skills for Life) ซึ่งผู้เข้าร่วมการอบรมได้เรียนรู้เทคนิคการขับรถยนต์อย่างปลอดภัย ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติภายใต้สถานการณ์เสมือนจริง รวมถึง วิธีการขับขี่ที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อสร้างเสริมพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน
“ฟอร์ด ถือเป็นบริษัทยานยนต์และการสัญจร ที่เน้นและให้ความสำคัญกับการคิดค้น พัฒนา และนำเทคโนโลยีระดับสูงมาใช้ เพื่อสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับรถยนต์ทุกรุ่นของเรา กิจกรรม Ford Experience World Class Engineering จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะที่มีอยู่ใน ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค 3.2 ลิตร และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียม พลัส รุ่นปี 2016 ทั้งนี้ เทคโนโลยีต่างๆ นั้น ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ฟอร์ด ในการนำเสนอรถที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลกเพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสในราคาที่สามารถจับต้องได้” ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
“เรามั่นใจว่าเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะที่นำเสนอนี้ จะทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสการขับขี่ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่คนไทยได้เป็นอย่างดี และ ฟอร์ด ยังคงไม่หยุดยั้งกับการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก ที่จะช่วยให้การสัญจรเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ” ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา กล่าวสรุป
Model | Start Price (THB) |