ทดลองขับ
ทดลองขับ Volvo S90 : ซีดานหรูที่ยังโดดเด่นเรื่องความปลอดภัย กับระบบ Pilot Assist ที่ใช้งานได้จริง
ขึ้นชื่อว่า Volvo หลายคนคงรับรู้ว่า นี่คือ บแรนด์รถยนต์ที่เน้นเรื่องระบบความปลอดภัย หากใครยังจำได้กับสโลแกนดั้งเดิมที่ว่า “ทุกชีวิต ปลอดภัยใน Volvo” วันเวลาผ่านไป แนวคิดนั้นจะยังคงอยู่หรือไม่ เราจะได้รู้กันกับการทดลองขับซีดานหรู ตัวธงประจำค่ายอย่าง S90Volvo S90 เป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่หมด นับตั้งแต่การถูกครอบครองโดยค่ายรถสัญชาติจีนอย่าง Geely โดยผลงานรุ่นแรกมีให้เห็น และจำหน่ายในบ้านเราระยะหนึ่งแล้วกับเอสยูวี XC90 สิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ยุคใหม่ของค่ายรถแห่งนี้ คือ เส้นสายที่เน้นเหลี่ยมสัน แต่แฝงความทันสมัย โดยเฉพาะไฟหน้าทรง “ค้อนของเทพเจ้าธอร์” คือ สิ่งที่จะได้เห็นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของ Volvo ยุคปัจจุบัน ตัวรถแฝงมาดสปอร์ท แนวหลังคาตลอดจนกระจกข้างดูปราดเปรียว ไฟท้ายทรงเหลี่ยมที่ดูแปลกตาเล็กน้อย สิ่งที่แฝงอยู่ภายใต้เส้นสายที่ทันสมัย คือ ตัวถังที่มีความยาวถึง 4,963 มม. และระยะฐานล้อ 2,941 มม. จัดว่ามีขนาดตัวใหญ่โตระดับ “หัวแถว” ของซีดานระดับเดียวกัน ก่อนจะไปหัวข้ออื่น เราหันมาดูเรื่องระบบความปลอดภัยของ Volvo S90 กันก่อน รถรุ่นนี้ติดตั้งมาครบครัน จุใจ ไม่เสียชื่อรถยนต์สัญชาติสวีเดน แต่หนึ่งในระบบที่น่าสนใจ คือ Pilot Assist ที่ทางผู้ผลิตระบุว่า สามารถช่วยการขับขี่ในระดับ “กึ่งอัตโนมัติ” นั่นเชียว และเราก็มีโอกาสทดลองประสิทธิภาพของระบบดังกล่าวกันพอสมควร ระหว่างขับขี่บนทางหลวง (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ต่อเนื่องถึงถนนมิตรภาพบางช่วง) การใช้งานระบบ Pilot Assist จะอยู่ในช่วงความเร็วระหว่าง 30-130 กม./ชม. เริ่มจากการกดปุ่มบริเวณฝั่งซ้ายของพวงมาลัย เป็นการเริ่มใช้งานระบบ Adaptive Cruise Control จากนั้นกดลูกศรไปทางขวาจะเข้าสู่โหมด Pilot Assist โดยปุ่มลูกศรขึ้น/ลงใช้สำหรับเพิ่ม/ลดความเร็วของระบบดังกล่าว ถัดมาทางขวาเล็กน้อยเป็นปุ่มสำหรับปรับระยะห่างของรถยนต์คันหน้า (ระบบคำนวณระยะเวลาการเข้าใกล้ของตัวรถ แปรผันตามความเร็วที่ใช้ นั่นคือ หากใช้ความเร็วสูงขึ้น ระบบจะปรับระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากขึ้นตาม) การแปรผันความเร็วตามรถยนต์คันหน้าทำได้ดี แม้เราลองปรับระยะห่างให้สั้นที่สุด พบว่าระยะห่างยังอยู่ในระดับที่มั่นใจได้ เมื่อเข้าใกล้รถที่มีความเร็วต่ำกว่าที่ปรับตั้งเอาไว้ ระบบจะเริ่มชะลอความเร็วลงในระดับที่รู้สึกได้ แต่ไม่ถึงกับรุนแรงเกินไป จากนั้นจึงจะเคลื่อนตามรถคันหน้าอย่างนุ่มนวล และมั่นคง หากรถคันหน้าเปลี่ยนเลนออกไป หรือผู้ขับบังคับเลี้ยวไปยังเลนอื่นที่ไม่มีรถคันหน้า ระบบจะค่อยๆ เพิ่มความเร็วจนถึงระดับที่ปรับตั้งเอาไว้ (การเพิ่มความเร็วมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป) ในส่วนนี้ถือว่าไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะระบบ Adaptive Cruise Control มีติดตั้งในรถยนต์บางรุ่นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่จุดเด่นของระบบ Pilot Assist คือ การหักเลี้ยวตามทางโค้งได้ !! ในทีแรกเราก็ไม่แน่ใจนัก ค่อยๆ ขับแบบประคองพวงมาลัยไปด้วย จนกระทั่งการจราจรปลอดโปร่ง ก็ลองปล่อยมือจากพวงมาลัยดู (แต่มือยังอยู่ไม่ห่าง) พบว่าตัวรถสามารถแล่นตามโค้งได้จริงๆ ตัวรถอยู่กลางเลน ไม่มีอาการขยับส่ายไปซ้าย/ขวา คาดว่า นี่คือ การประสานการทำงานกับระบบ Lane Keeping Aid ที่แม่นยำ Volvo S90 ที่เราขับสามารถอยู่ภายใต้โหมดการทำงานของระบบ Pilot Assist เกือบตลอดทาง ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางโค้ง โดยแทบไม่ต้องกดคันเร่ง หรือแป้นเบรค แม้แต่น้อย ส่วนพวงมาลัยยังต้องให้ความเอาใจใส่เสมอ แม้ระบบสามารถบังคับเลี้ยวได้โดยอัตโนมัติ แต่นี่ไม่ใช่ระบบ “Auto Pilot” ระบบจึงบังคับให้ผู้ขับต้องจับพวงมาลัยเสมอ หากตรวจพบว่าผู้ขับละมือจากพวงมาลัยระยะหนึ่ง (ประมาณ 10-15 วินาที) ไฟเตือนสีส้มจะแสดงขึ้นมา พร้อมกับข้อความระบุให้ผู้ขับกลับมาจับพวงมาลัย หากข้อความเตือนระยะหนึ่งแล้ว ผู้ขับยังไม่จับพวงมาลัย ระบบ Pilot Assist จะตัดการทำงานทันที เพราะถือว่าผู้ขับไม่มีความรับผิดชอบต่อการควบคุมรถด้วยตนเอง แล้วระบบรู้ได้อย่างไรว่า ผู้ขับกำลังจับพวงมาลัยหรือไม่ ? คำตอบ คือ การรับรู้แรงต้านทานบนพวงมาลัย แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ในความเป็นจริงขณะแล่นบนทางตรง (รวมถึงรถยนต์ทั่วไปด้วย) หากผู้ขับจับพวงมาลัยเอาไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะต้องขยับทิศทางไปมา ตรงนี้เอง คือ แรงกระทำบนพวงมาลัยที่ระบบใช้ตรวจสอบว่า ผู้ขับยังจับพวงมาลัยหรือไม่ สำหรับระบบ Pilot Assist หากมีข้อความเตือนขึ้นมาหลังจากละมือจากพวงมาลัย เพียงเอามือแตะ และออกแรงบริเวณพวงมาลัยเบาๆ ระบบก็จะหยุดเตือนทันใด (เพื่อการทดลองระบบเท่านั้น) แต่สุดท้ายแล้ว การจับพวงมาลัย และมีสมาธิบนการจราจร คือ สิ่งที่ต้องตระหนักเสมอตลอดเวลา จุดประสงค์หลักของระบบ Pilot Assist คือ ความสะดวกสบายขณะขับขี่ ให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะการขับขี่ทางไกล นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถยนต์ยุคปัจจุบัน นอกจากแปรผันความเร็วตามรถคันหน้าแล้ว ระบบยังรองรับการชะลอความเร็วจนกระทั่งหยุดสนิท (Queue Assist) หากรถหยุดสนิทไม่เกิน 10 วินาที แล้วรถคันหน้าเคลื่อนตัวต่อไป ระบบจะช่วยเพิ่มความเร็วโดยอัตโนมัติ (เช่น ในสภาวะการจราจรที่หนาแน่นเป็นพักๆ) หากหยุดนิ่งนานเกินกว่านั้นระบบจะหยุดการทำงาน และผู้ขับต้องกดคันเร่งเอาเอง นอกจากนี้การทำงานของระบบ Adaptive Cruise Control และ Pilot Assist จะตัดการทำงาน หากพบว่า ผู้ขับมีการเบรค และกดคันเร่งด้วยตนเองค่อนข้างมาก สังเกตได้ว่าแถบสีข้างตัวเลขความเร็ว (บ่งบอกความเร็วที่ถูกปรับตั้งเอาไว้) จะหายไป จุดที่ต้องระมัดระวังให้มาก นั่นคือ เส้นแบ่งเลนบนท้องถนนของบ้านเราอาจชัดเจนในบางช่วง แต่หากแล่นผ่านช่วงที่ถนนกำลังก่อสร้าง หรือซ่อมปรับปรุง อาจมีผลต่อการควบคุมรถให้อยู่ในเลนของระบบ Pilot Assist รวมถึงสิ่งกีดขวางต่างๆ บนถนนที่ระบบอาจไม่ตรวจพบ (เช่น เศษยางที่อยู่บนถนน) ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ คือ เหตุผลที่ผู้ขับต้องมีสมาธิบนท้องถนนเสมอ ดังที่ระบุไปแล้ว ทั้งหมดนี้ คือ การใช้งานของระบบ Pilot Assist ที่เราได้ทดลองใช้งานกับ Volvo S90 จากทริพทดลองขับครั้งนี้ อาจมีเงื่อนไขอื่นๆ อีก เช่น ทางโค้งที่คดเคี้ยว ระบบจะมีข้อจำกัดมากน้อยแค่ไหน คงต้องยกยอดเอาไว้เมื่อเราได้มีโอกาสนำรถมาทดสอบกันอีกครั้ง หันมาดูที่ภายในห้องโดยสาร Volvo S90 คือ ซีดานนำเข้าทั้งคัน การออกแบบ และวัสดุที่ใช้มีความประณีตอย่างน่าพอใจ ตามแบบฉบับรถยนต์สัญชาติสวีเดน ปุ่มใช้งานคล้ายกับ XC90 เช่น ปุ่มหมุนสตาร์ทเครื่องยนต์บริเวณคอนโซลเกียร์ข้างผู้ขับ ชุดควบคุมหลายรายการติดตั้งบนหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 9 นิ้ว รวมถึงการใช้งานระบบปรับอากาศ ปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิม คือ การปรับระดับความดังของชุดเครื่องเสียง เบาะนั่งคู่หน้าโอบสรีระได้ดี ค่อนข้างแข็ง แต่ยังนั่งได้สบาย ตำแหน่งต่ำลงมาเล็กน้อย ให้อารมณ์สปอร์ท รายล้อมด้วยลำโพงถึง 19 ตัวของ Bower & Wilkins คุณภาพเสียงน่าพอใจมาก (จากการสาธิตของทางเจ้าหน้าที่จาก Volvo) เครื่องยนต์มีทางเลือกเดียวของ Volvo S90 D4 Incription แบบดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,250 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,750-2,500 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จากการทดลองขับพบว่า อัตราเร่งทำได้ดี ไม่กระแทกกระทั้น แต่ไต่ความเร็วได้อย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงความเร็วสูง เน้นการตอบสนองที่นุ่มนวล มีจุดเด่น คือ การประหยัดเชื้อเพลิง จุดที่น่าเสียดายเล็กน้อย คือ การขาดแพดเดิล ชิฟท์ ที่พวงมาลัย จากการทดลองขับ Volvo S90 เรามีความรู้สึกว่า ซีดานตัวธงรุ่นนี้ มีความเพียบพร้อมหลายด้าน หายห่วงเรื่องความหรูหรา ทั้งภายนอก และภายใน การออกแบบที่ลงตัว พร้อมความโดดเด่นเรื่องระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่อัดแน่น กับค่าตัวที่ 3,990,000 บาท นำเข้าทั้งคัน ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากของเซกเมนท์นี้ !! ระบบความปลอดภัยอื่นๆ ของ Volvo S90
- เบาะหลังพับลงมาได้ พร้อมระบบเข้ารหัสนิรภัย (พร้อมกับฝากระโปรงท้าย) สำหรับสัมภาระที่มีค่า
- ระบบตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน ผู้ขับขี่จักรยาน และสัตว์ขนาดใหญ่ พร้อมระบบหยุดรถอัตโนมัติ
- ระบบปกป้องผู้โดยสารเมื่อตัวรถเกิดความเสี่ยงที่จะตกจากขอบถนน (Run-Off Road Protection)
- ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ประกอบด้วยไฟ แอลอีดี หลายดวง แปรผันทิศทางการส่องสว่างอัตโนมัติ หากมีรถสวนมา
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Park Assist) ทั้งการจอดเทียบข้าง และแบบเข้าซอง (ผู้ขับยังต้องควบคุมแป้นเบรค)
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/159450