วี เค เอส กรุ๊ป (เอเซีย)ฯ รุกตลาดตั้งตัวแทนจำหน่าย ปรับโฉมศูนย์บริการ

พิมพา ชลาลัย ประธานบริหาร บริษัท วี เค เอส กรุ๊ป (เอเซีย) จำกัด หรือ V-KOOL Group Thailand เปิดเผยว่า V-KOOL Group Thailand ได้ลงนาม แต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย (ดีเลอร์) อย่างเป็นทางการ โดยศูนย์ วี-คูล อย่างเป็นทางการในเขตกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งหมด 7 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย และจังหวัดสงขลา 1 ราย ซึ่งดีเลอร์ทั้ง 9 รายนี้ มีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงจากผู้แทนจำหน่าย เป็นศูนย์ วี-คูล ฟูลล์ฟเลดจ์ (Full-fledged) ซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวน 2-3 ล้านบาท/ศูนย์ ขึ้นอยู่กับขนาดของศูนย์บริการซึ่งยังไม่รวมค่าสถานที่ โดย ศูนย์ วี-คูล ฟูลล์ฟเลดจ์ ทั้ง 9 แห่งนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1 ปี 2560 ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนและดำเนินการตามแนวนโยบายยกระดับขึ้นเป็น ศูนย์ วี-คูล ฟูลล์ฟเลดจ์ มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ การปรับเปลี่ยนโลโกตราสินค้า วี-คูล ที่ได้ดำเนินการไปแล้วทั่วโลก ศูนย์บริการของผู้แทนจำหน่ายจะได้รับการปรับเปลี่ยนตามการออกแบบที่ถูกกำหนดโดยบริษัทแม่ในต่างประเทศ เพื่อรองรับ และบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบาย ในช่วงเวลาที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯ รวมถึงความชัดเจนในการจำหน่ายสินค้า วี-คูล ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นอีก และจากการสำรวจในปีที่ผ่านมาสินค้าของ วี-คูล ได้ขยายเข้าไปเจาะกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดทันสมัย และต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย “การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นแนวนโยบายของ วี-คูล ทั่วโลก และการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะสร้างความมั่นใจให้แก่ ร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากศูนย์บริการจะมีภาพลักษณ์และการจัดจำหน่ายสินค้า วี-คูล อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นที่มาของการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันนี้ และในปี 2560จะทยอยปรับเปลี่ยน ผู้แทนจำหน่ายรายอื่นๆ ต่อไป ซึ่งปัจจุบันในภาคอีสานมีผู้แทนจำหน่ายอยู่ 17 ราย ภาคเหนือ 8 ราย ภาคใต้ 13 ราย ภาคตะวันออก 6 ราย” นอกจากนี้ในไตรมาสสุดท้ายปี 2559 บริษัทเสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ วี-คูล รุ่น X40 ซึ่งเป็นฟีล์มป้องกันความร้อนและให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ด้วยนวัตกรรม XIR เป็นการพัฒนารูปแบบการเรียงตัวของชั้นโลหะมูลค่าสูงในเนื้อฟีล์ม นวัตกรรมดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้น ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสุดยอดเทคโนโลยีเฉพาะที่มีอยู่ในฟีล์ม วี-คูล เท่านั้น โดย รุ่น X40 จะจำหน่ายอยู่ในแพคเกจ อีโค สแตเชอร์ (Eco Stature Package) ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ถึง 85 % ป้องกันรังสียูวีได้ถึง 99 % แสงสว่างส่องผ่าน 39 % กลุ่มเป้าหมายจะเป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้ฟีล์ม วี-คูล มาก่อน มั่นใจว่า  รุ่น X40 จะตอบโจทย์ในเรื่องการป้องกันความร้อน และคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน พร้อมกันนั้นบริษัทได้จัดรายการส่งเสริมการขายกระตุ้นตลาดฟีล์มกรองแสงให้คึกคักในช่วงปลายปี ส่งพโรโมชันขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ด้วยพโรโมชันพิเศษ 2 ต่อ คือ ต่อแรก รับส่วนลดพิเศษ 1. แพคเกจ โซลิแทร์ เอเนอร์จี (Solitaire Energy Package) รับส่วนลด 6,500 บาท และแพคเกจ อีโค สแตเชอร์ รับส่วนลดถึง 8,000 บาท ส่วนต่อที่ 2 เมื่อลูกค้าติดตั้งฟีล์ม วี-คูล ลุ้นรับแพคเกจท่องเที่ยวกรุงเทพฯ-ฮ่องกง บินชั้นธุรกิจด้วยสายการบินสุดหรู 3 วัน 2 คืนทั้งหมด 5 รางวัล 10 ที่นั่ง มูลค่ากว่า 400,000 บาท พิมพา กล่าวถึงตลาดรวมฟีล์มกรองแสง ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาว่า ในตลาดยังคงมีปัจจัยลบ  เช่น ยอดขายรถยนต์ที่ลดลง และสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในครึ่งปีแรก ส่งผลให้ตลาดฟีล์มกรองแสงชะลอตัวลงตามตลาดรถยนต์ คาดว่าปีนี้ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท สำหรับ วี-คูล ก็ยังคงรักษาการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คาดว่าอยู่ที่ 5-7 % โดยยอดขายของ วี-คูล จะแบ่งเป็นขายส่งดีเลอร์ 60 % ขายผ่านโชว์รูม 20 % และเป็นส่วนของฟีล์มอาคารอีก 20 % “ยอดขายของเรายังเติบโตได้ดี เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก ส่วนใหญ่เป็นรถหรู บแรนด์ยุโรป ซึ่งยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถญี่ปุ่น นั้นเป็นกลุ่มรถอเนกประสงค์ (SUV) และรถพีพีวี (PPV) ยอดขายยังเติบโตได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันผู้บริโภคในประเทศไทยได้ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและนวัตกรรมระดับสูงที่มีในฟีล์มกันร้อนมากขึ้น ดังนั้นสินค้าที่จะอยู่ในตลาดได้ต้องมีคุณภาพจริงๆ เราจึงมั่นใจว่ายอดขายของฟีล์ม วี-คูล ยังสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน”