ทดลองขับ(formula)
ปโรตอน ซากา
บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ปโรตอน (PROTON) ในประเทศไทย จัดกิจกรรมทดลองขับ ปโรตอน ซากา (PROTON SAGA) เพื่อให้สัมผัสกับสมรรถนะรถยนต์ ซีดานขนาดเล็ก ราคาสุดคุ้ม จากมาเลเซีย ในเส้นทาง กรุงเทพ ฯ-สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ปโรตอน ซากา มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่นมาตรฐาน หรือ เบสไลน์ (BASE LINE) และรุ่น มีเดียมไลน์ (MEDIUM LINE) ซึ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด โดยถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งใกล้เคียงกับ เชฟโรเลต์ อาวีโอ 1.4 และ ฟอร์ด ฟิเอสตา 1.4 ซีดานบริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ปโรตอน (PROTON) ในประเทศไทย จัดกิจกรรมทดลองขับ ปโรตอน ซากา (PROTON SAGA) เพื่อให้สัมผัสกับสมรรถนะรถยนต์ ซีดานขนาดเล็ก ราคาสุดคุ้ม จากมาเลเซีย ในเส้นทาง กรุงเทพ ฯ-สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ปโรตอน ซากา มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่นมาตรฐาน หรือ เบสไลน์ (BASE LINE) และรุ่น มีเดียมไลน์ (MEDIUM LINE) ซึ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด โดยถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งใกล้เคียงกับ เชฟโรเลต์ อาวีโอ 1.4 และ ฟอร์ด ฟิเอสตา 1.4 ซีดาน ภายนอก ตาคม รูปร่างอวบ ซากา รถแห่งชาติ ที่ชาวมาเลเซียรู้จักและคุ้นเคยกันดี ตั้งแต่ยุคของ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมพ์ และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซากา โมเดลนี้ เป็นการปรับโครงสร้างจาก เซฟวี (SAVVY) ทั้งในส่วนของความยาวฐานล้อ ห้องเครื่องยนต์เพื่อรองรับเครื่องขนาดใหญ่กว่าเดิม และพื้นที่เก็บสัมภาระให้มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้ามองจากด้านข้างตัวรถแล้ว ทำให้เรานึกไปถึง ฮอนดา ซิที (รุ่นก่อน) และ นิสสัน ทิอิดา ซีดาน ซากา คันที่เราทดลองขับนี้ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้รับการปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัยและความนิยม ซึ่งเห็นได้จาก หน้าตาที่คมเข้ม ชวนมองกว่ารุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟหน้ารูปทรงโฉบเฉี่ยวสีดำ ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย แอลอีดี และทับทิมสะท้อนแสงที่กันชน ส่วนรุ่น มีเดียมไลน์ จะมีสปอทไลท์ ล้อแมกและยางขนาด 14 นิ้ว คิ้วกันกระแทก สปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้าง/มือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ภายใน โปร่งโล่ง นั่งสบาย หลังคาทรงสูง ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขวาง มาตรวัดทรงกลม และพวงมาลัย 3 ก้าน ตกแต่งด้วยสีเทา/ดำ สไตล์สปอร์ท เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบได้อย่างลงตัว กระชับ (ไม่ลืนไถล) พนักพิงเต็ม นั่งสบายตลอดการเดินทาง ประตูขนาดใหญ่เปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา เข้า/ออกสะดวก ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 413 ลิตร ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้สบาย สำหรับอุปกรณ์ให้ความบันเทิง ซากา มีวิทยุ CD แบบ 1 แผ่น ที่เล่นไฟล์ MP 3 ได้ พร้อมทั้งช่องรับสัญญาณ AUX และ USB ลำโพงคู่หน้า/หลัง ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ในรุ่น มีเดียมไลน์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า สัญญาณเตือนในกรณีลืมคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ รวมถึงเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยหากเกิดการชนกระแทก และสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง เครื่องยนต์ เล็กๆ กำลังพอตัว ซากา ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ แถวเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ขนาด 1.3 ลิตร 95 แรงม้า เป็นขุมกำลังแทนที่จะเป็น 1.1 ลิตร (1,149 ซีซี) 74 แรงม้า ใน เซฟวี และใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แทนเกียร์ไฟฟ้ากึ่งอัตโนมัติ สมรรถนะของเครื่องยนต์รหัส CAMPRO ที่ใช้กับ ซากา มาจากระบบ IAFM (INTAKE AIR FUEL MODULE) ที่จะปรับปริมาณอากาศในท่อไอดี ด้วยลิ้นปรับเปลี่ยนช่องทาง จากท่อไอดีช่วงยาวมาที่ท่อไอดีช่วงสั้น เมื่อเครื่องยนต์ต้องการปริมาณอากาศมากขึ้น ในรอบสูง ทำให้ตอบสนองคันเร่งได้เร็ว ทั้งขณะออกตัว และเร่งแซง ส่วนความเร็วปลายนั้นเข็มไมล์แตะ 160 กม./ชม. ระบบรองรับ แน่น นิ่ง ขับง่าย ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ให้ความนุ่มนวล เสริมความมั่นใจด้วยเหล็กกันโคลงหน้า ประกอบกับผ่านการปรับตั้งมาอย่างลงตัว ทำให้แน่นกระชับ ควบคุมง่าย เมื่อใช้ความเร็วสูง และนิ่ง ขณะเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือในขณะเข้าโค้ง เส้นทางช่วงแรกทางด่วน-พระราม 2 ซากา ให้ความมั่นใจ ขณะใช้ความเร็วสูง เรารู้สึกถึงความนุ่มหนึบ รถไม่มีอาการโคลง เหวี่ยงสะบัด ให้เห็นแม้แต่น้อย หลังจากผ่านแยกเข้าสวนผึ้ง โค้งต่างๆ ไม่ได้ทำให้เราหมดความมั่นใจในรถเล็กคันนี้ ควบคุมได้ง่าย เสียดายอย่างเดียวที่ ซากา ไม่ได้มีระบบช่วยเบรค อย่าง เอบีเอส มาให้ จึงต้องใช้ความระมัดระวัง เบรคเพื่อชะลอความเร็ว ทุกครั้งที่เห็นสิ่งผิดปกติอยู่ริมถนน สรุป คุ้มค่าเงิน รูปร่างอวบๆ ไม่โฉบเฉี่ยว เพียวลม ของ ซากา อาจจะทำให้ถูกมองข้าม แต่ถ้าพินิจพิจารณากันถึงรายละเอียด ก็มีจุดน่าสนใจ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มีอุปกรณ์พอใช้งาน เบาะนั่งสบาย เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร 95 แรงม้า เพื่อตอบสนองการใช้งานในเมือง และเดินทางต่างจังหวัด ความเด่นเห็นจะเป็นเรื่องช่วงล่างที่สร้างความมั่นใจ ทั้งในทางโค้ง และทางตรง เทียบกับราคาค่าตัว 464,000 บาท ในรุ่น มีเดียมไลน์ เกียร์อัตโนมัติ ก็ถือว่าคุ้ม นอกจากนี้ ปโรตอน ทุกรุ่น รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ และคอยให้คำปรึกษาสำหรับลูกค้ากรณีเร่งด่วน ข้อมูลจำเพาะ ปโรตอน ซากา 1.3 มีเดียมไลน์ ผู้แทนจำหน่าย บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด โทร. 0-2579-0888 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,257/1,680/1,502 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,446/1,446 ฐานล้อ (มม.) 2,465 น้ำหนัก (กก.) 1,065 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 40 เครื่องยนต์ แบบ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ (ซีซี) 1,332 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 76.0/73.4 อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 95/6,000 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 12.2/4,000 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 4 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง ทอร์ชันบีม ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง ระบบห้ามล้อ หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 464,000
ภายนอก ตาคม รูปร่างอวบ
ซากา รถแห่งชาติ ที่ชาวมาเลเซียรู้จักและคุ้นเคยกันดี ตั้งแต่ยุคของ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมพ์ และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
ซากา โมเดลนี้ เป็นการปรับโครงสร้างจาก เซฟวี (SAVVY) ทั้งในส่วนของความยาวฐานล้อ ห้องเครื่องยนต์เพื่อรองรับเครื่องขนาดใหญ่กว่าเดิม และพื้นที่เก็บสัมภาระให้มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้ามองจากด้านข้างตัวรถแล้ว ทำให้เรานึกไปถึง ฮอนดา ซิที (รุ่นก่อน) และ นิสสัน ทิอิดา ซีดาน
ซากา คันที่เราทดลองขับนี้ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้รับการปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัยและความนิยม ซึ่งเห็นได้จาก หน้าตาที่คมเข้ม ชวนมองกว่ารุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟหน้ารูปทรงโฉบเฉี่ยวสีดำ ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย แอลอีดี และทับทิมสะท้อนแสงที่กันชน ส่วนรุ่น มีเดียมไลน์ จะมีสปอทไลท์ ล้อแมกและยางขนาด 14 นิ้ว คิ้วกันกระแทก สปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้าง/มือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ
ภายใน โปร่งโล่ง นั่งสบาย
หลังคาทรงสูง ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขวาง มาตรวัดทรงกลม และพวงมาลัย 3 ก้าน ตกแต่งด้วยสีเทา/ดำ สไตล์สปอร์ท เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบได้อย่างลงตัว กระชับ (ไม่ลืนไถล) พนักพิงเต็ม นั่งสบายตลอดการเดินทาง ประตูขนาดใหญ่เปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา เข้า/ออกสะดวก ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 413 ลิตร ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้สบาย
สำหรับอุปกรณ์ให้ความบันเทิง ซากา มีวิทยุ CD แบบ 1 แผ่น ที่เล่นไฟล์ MP 3 ได้ พร้อมทั้งช่องรับสัญญาณ AUX และ USB ลำโพงคู่หน้า/หลัง ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ในรุ่น มีเดียมไลน์
นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า สัญญาณเตือนในกรณีลืมคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ รวมถึงเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยหากเกิดการชนกระแทก และสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง
เครื่องยนต์ เล็กๆ กำลังพอตัว
ซากา ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ แถวเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ขนาด 1.3 ลิตร 95 แรงม้า เป็นขุมกำลังแทนที่จะเป็น 1.1 ลิตร (1,149 ซีซี) 74 แรงม้า ใน เซฟวี และใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แทนเกียร์ไฟฟ้ากึ่งอัตโนมัติ
สมรรถนะของเครื่องยนต์รหัส CAMPRO ที่ใช้กับ ซากา มาจากระบบ IAFM (INTAKE AIR FUEL MODULE) ที่จะปรับปริมาณอากาศในท่อไอดี ด้วยลิ้นปรับเปลี่ยนช่องทาง จากท่อไอดีช่วงยาวมาที่ท่อไอดีช่วงสั้น เมื่อเครื่องยนต์ต้องการปริมาณอากาศมากขึ้น ในรอบสูง ทำให้ตอบสนองคันเร่งได้เร็ว ทั้งขณะออกตัว และเร่งแซง ส่วนความเร็วปลายนั้นเข็มไมล์แตะ 160 กม./ชม.
ระบบรองรับ แน่น นิ่ง ขับง่าย
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ให้ความนุ่มนวล เสริมความมั่นใจด้วยเหล็กกันโคลงหน้า ประกอบกับผ่านการปรับตั้งมาอย่างลงตัว ทำให้แน่นกระชับ ควบคุมง่าย เมื่อใช้ความเร็วสูง และนิ่ง ขณะเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือในขณะเข้าโค้ง
เส้นทางช่วงแรกทางด่วน-พระราม 2 ซากา ให้ความมั่นใจ ขณะใช้ความเร็วสูง เรารู้สึกถึงความนุ่มหนึบ รถไม่มีอาการโคลง เหวี่ยงสะบัด ให้เห็นแม้แต่น้อย หลังจากผ่านแยกเข้าสวนผึ้ง โค้งต่างๆ ไม่ได้ทำให้เราหมดความมั่นใจในรถเล็กคันนี้ ควบคุมได้ง่าย เสียดายอย่างเดียวที่ ซากา ไม่ได้มีระบบช่วยเบรค อย่าง เอบีเอส มาให้ จึงต้องใช้ความระมัดระวัง เบรคเพื่อชะลอความเร็ว ทุกครั้งที่เห็นสิ่งผิดปกติอยู่ริมถนน
สรุป คุ้มค่าเงิน
รูปร่างอวบๆ ไม่โฉบเฉี่ยว เพียวลม ของ ซากา อาจจะทำให้ถูกมองข้าม แต่ถ้าพินิจพิจารณากันถึงรายละเอียด ก็มีจุดน่าสนใจ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มีอุปกรณ์พอใช้งาน เบาะนั่งสบาย เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร 95 แรงม้า เพื่อตอบสนองการใช้งานในเมือง และเดินทางต่างจังหวัด ความเด่นเห็นจะเป็นเรื่องช่วงล่างที่สร้างความมั่นใจ ทั้งในทางโค้ง และทางตรง เทียบกับราคาค่าตัว 464,000 บาท ในรุ่น มีเดียมไลน์ เกียร์อัตโนมัติ ก็ถือว่าคุ้ม
นอกจากนี้ ปโรตอน ทุกรุ่น รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ และคอยให้คำปรึกษาสำหรับลูกค้ากรณีเร่งด่วน