ทดลองขับ(formula)
มาซดา 3 ใหม่
เมื่อเร็วๆ นี้ เราได้เป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนสายยานยนต์ เข้าร่วมการทดลองขับ มาซดา 3 ใหม่ (MAZDA 3) รุ่น 2.0 ลิตร ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เส้นทางการขับและร่วมโดยสารกว่า 400 กม. บนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางเขื่อนลำพระเพลิง ลัดเลาะทิวเขา เข้าเขต จ. ปราจีนบุรี สิ้นสุดที่ อ. กบินทร์บุรีเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้เป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนสายยานยนต์ เข้าร่วมการทดลองขับ มาซดา 3 ใหม่ (MAZDA 3) รุ่น 2.0 ลิตร ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เส้นทางการขับและร่วมโดยสารกว่า 400 กม. บนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางเขื่อนลำ พระเพลิง ลัดเลาะทิวเขา เข้าเขต จ. ปราจีนบุรี สิ้นสุดที่ อ. กบินทร์บุรี ภายนอก ปราดเปรียว คมเข้ม รูปทรง มาซดา 3 ใหม่ โฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ กระจังหน้าถูกทดแทนด้วยช่องรับอากาศ ขนาดใหญ่บริเวณกันชน ไฟหน้าทรงเรียวแหลม พร้อมเอกลักษณ์ยุคปัจจุบันของ�มาซดา หลายๆ รุ่น คือ กรอบไฟตัดหมอกรูปทรงเหมือนใบไม้�เส้นสายต่างๆ ดูคมเข้มขึ้น ชุดไฟท้ายจะต่างจาก รูปแบบกันเล็กน้อย โดยรุ่นซีดาน จะเป็นไฟ แอลอีดี เรียงตัวในแนวนอน เน้นความกลมกลืน ส่วนรุ่นแฮทช์แบค แทรกด้วยไฟ แอลอีดี ทรงกลม ล้อแมกที่ให้มามีขนาด 17 นิ้ว (205/50 R17) แม้รูปทรงจะเข้มขึ้น แต่เมื่อเทียบสเปคมิติตัวถังกับรุ่นก่อนหน้านี้ จะพบว่า ระยะฐานล้อของ มาซดา 3 ใหม่ (2,640 มม.)�รวมไปถึงระยะความกว้างระหว่างล้อคู่หน้า/หลัง (1,530/1,515 มม.) และความกว้างของตัวถัง ไม่นับกระจกมองข้าง (1,755 มม.) ออกมาเท่ากันพอดี เป็นไปได้ว่าโครงสร้างตัวถังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย หากว่ากันด้วยขนาด ภายใน คอนโซลล้ำ พร้อมซันรูฟ ภายในมีรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเดิม มาตรวัดความเร็วไม่มีแผ่นปิดด้านบน (HOODLESS DESIGN) แต่ตัวมาตรวัดถูกฝังลึก ไม่รบกวนการมองเห็นโดยแสงแดด นอกจากนี้หน้าจอแสดงผลของ ระบบปรับอากาศ และค่าความสิ้นเปลืองต่างๆ ติดตั้งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อให้ผู้ขับอ่าน ค่าต่างๆ�เพียงการชำเลืองมองด้านข้าง พื้นที่ห้องโดยสารด้านหน้านั่งสบาย เบาะนั่งผู้ขับอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ใครที่ตัวสูงโย่งกว่า 190 ซม. อาจรู้สึกอึดอัดหน่อย (ปรับระดับสูง/ต่ำได้ เฉพาะผู้ขับ)�และยังต้องแลกกับพื้นที่โดยสาร ด้านหลังที่ค่อนข้างคับแคบไปหน่อย หากร่วมเดินทาง 4-5 คน คงต้องเลื่อนเบาะเพื่อเอื้อเฟื้อพื้น ที่ให้กันบ้าง อย่างไรก็ตาม หนึ่งใน "จุดขาย" ของ มาซดา 3 2.0 ยังมีมาให้เหมือนเดิม คือ ซันรูฟ สำหรับทั้งซีดาน และแฮทช์แบค ถือเป็นรายเดียวทีให้อุปกรณ์ระดับนี้ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แต่แปลกที่ ไม่มีช่อง USB มาให้ (มีแต่ช่อง AUX) ทั้งที่น่าจะมีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยุคปัจจุบัน พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชันขนานแท้ ได้แก่ ระบบเครื่องเสียง ปุ่มควบคุมระบบครูสคอนทโรล และ แป้นเปลี่ยนเกียร์ (PADDLE SHIFT) ติดตั้งอยู่ทั้ง 2 ด้านของพวงมาลัย โดยปุ่มที่นิ้วหัวแม่มือเป็นการ SHIFT DOWN ส่วนแป้นกดบริเวณนิ้วมือที่เหลือ จะเป็นการ SHIFT UP�ส่วนใครที่ชอบสับเกียร์ขณะเข้าโค้งก็ไม่ต้องห่วง เพราะแป้น PADDLE SHIFT กับพวงมาลัยถูกติดตั้งอยู่ด้วยกันแม้ขณะหักเลี้ยว ส่วนการเปลี่ยนจังหวะที่คันเกียร์แปลกกว่ารถญี่ปุ่นเจ้าอื่นๆ นั่นคือ SHIFT UP ด้วยการผลักลง และ SHIFT DOWN ด้วยการผลักขึ้น เครื่องยนต์ บลอคเดิม เกียร์ไหลลื่น มาถึงเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 147 แรงม้า ที่ 6,500 แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. เมื่อเหลือบไปดูสเปคแรงม้า และแรงบิด ของรุ่นก่อนหน้านี้ จะพบว่าเท่ากันทุกประการ (ทำงานที่รอบเดียวกันด้วย) แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ซึ่งเปลี่ยนจังหวะได้นุ่มนวลกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด สามารถทำความเร็วปลายได้ดีขึ้น อัตราเร่งไม่หวือหวา แต่ไต่ความเร็วแบบ "ไปได้เนียนๆ"� ความเร็วสูงสุดเกือบ 200 กม./ชม. สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก (เพื่อการทดลองขับเท่านั้น ไม่ แนะนำให้ทำในการขับขี่ทั่วไป) ช่วงที่เร้าใจ ยังคงต้องใช้รอบมากหน่อย มาซดา 3 ถึงจะกระฉับ กระเฉงขึ้นมา ส่วนช่วงรอบต่ำเผื่อเหลือให้การขับในเมือง เน้นความสบาย ระบบรองรับ หนึบผสมนุ่ม บังคับง่าย ระบบช่วงล่างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนึบแน่นของค่ายรถ ซูม-ซูม" ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จากการขับ ลัดเลาะไปตามแนวเขา เราพบว่าระยะยุบตัวขณะเข้าโค้งมีพอประมาณ แต่ไม่มีผลต่อการบังคับ ควบคุมแต่อย่างใด ตัวรถสามารถเกาะโค้งอย่างง่ายดาย�ขณะที่พวงมาลัยตอบสนองดี (เพาเวอร์ ไฟฟ้า) และเป็นไปอย่างนุ่มนวล หนักมือนิดๆ แต่ไม่มากเท่ารุ่นก่อนหน้านี้ ผู้ที่รักความสะดวกสบายเช่น�บรรดาสุภาพสตรีทั้งหลาย น่าจะพอใจ� ความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้บางคนกังวลเรื่องเสถียรภาพขณะขับขี่ ทาง มาซดา ก็ไม่ได้นิ่งเฉย จึงเสริมความแข็งแรงให้กับตัวถังตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และ ควบคุมการลื่นไถล (TRACTION CONTROL)�ควบคู่กับระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ (DSC: DYNAMIC STABILITY CONTROL) ยิ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น สำหรับนักขับเท้าหนักทั้งหลาย� อย่างไรก็ตามเรารู้สึกว่าระบบเบรคควรจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะบางครั้งการเบรคก่อนเข้าโค้ง ตัวรถ ชะลอความเร็วช้ากว่าที่คิด จนต้องเพิ่มแรงกดที่แป้นเบรคให้มากขึ้น สรุป ขับสนุก และมั่นใจกว่าเดิม มาซดา 3 ยังคงเป็นซีดานขับสนุกในแบบฉบับของค่าย "ซูม-ซูม" รูปทรงโดดเด่นในสไตล์สปอร์ท แต่ สิ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ ความมั่นคงขณะขับขี่ และเข้าถึงผู้ใช้รถทั่วไป จากความนุ่มนวล สะดวกสบาย ที่มากขึ้น ราวกับกำลังก้าวย่างจากวัยหนุ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ที่คงไว้ซึ่งความคล่องแคลวกระฉับกระเฉง แต่ก็มีความสุขุมนุ่มลึกอยู่ในที ข้อมูลจำเพาะ มาซดา 3 แมกซ์ซ์ สปอร์ทส์ ผู้แทนจำหน่าย บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2661-9880 � มิติ และน้ำหนัก� ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,490/1,755/1,470 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,530/1,515� ฐานล้อ (มม.) 2,640 น้ำหนัก (กก.) 1,330 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) �55 เครื่องยนต์ แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ความจุ (ซีซี) 1999� กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) �87.5/83.1 อัตราส่วนกำลังอัด �10.0:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 147/6,500 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 18.6/4,000 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลทิพอยท์ ระบบถ่ายทอดกำลัง� เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 5 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า� ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง อิสระ มัลทิลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน เพาเวอร์ไฟฟ้า� ระบบห้ามล้อ� แบบ เอบีเอส เอบีดี ดีเอสซี ทีอาร์ซี� หน้า จาน�พร้อมช่องระบายความร้อน หลัง จาน� ราคา (บาท) 1,064,000
ภายนอก ปราดเปรียว คมเข้ม
รูปทรง มาซดา 3 ใหม่ โฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ กระจังหน้าถูกทดแทนด้วยช่องรับอากาศขนาดใหญ่บริเวณกันชน ไฟหน้าทรงเรียวแหลม พร้อมเอกลักษณ์ยุคปัจจุบันของมาซดา หลายๆรุ่น คือ กรอบไฟตัดหมอกรูปทรงเหมือนใบไม้เส้นสายต่างๆ ดูคมเข้มขึ้น ชุดไฟท้ายจะต่างจากรูปแบบกันเล็กน้อย โดยรุ่นซีดาน จะเป็นไฟ แอลอีดี เรียงตัวในแนวนอน เน้นความกลมกลืนส่วนรุ่นแฮทช์แบค แทรกด้วยไฟ แอลอีดี ทรงกลม ล้อแมกที่ให้มามีขนาด 17 นิ้ว(205/50 R17)
แม้รูปทรงจะเข้มขึ้น แต่เมื่อเทียบสเปคมิติตัวถังกับรุ่นก่อนหน้านี้ จะพบว่า ระยะฐานล้อของมาซดา 3 ใหม่ (2,640 มม.)รวมไปถึงระยะความกว้างระหว่างล้อคู่หน้า/หลัง (1,530/1,515 มม.) และความกว้างของตัวถัง ไม่นับกระจกมองข้าง (1,755 มม.) ออกมาเท่ากันพอดี เป็นไปได้ว่โครงสร้างตัวถังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย หากว่ากันด้วยขนาด
ภายใน คอนโซลล้ำ พร้อมซันรูฟ
ภายในมีรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเดิม มาตรวัดความเร็วไม่มีแผ่นปิดด้านบน (HOODLESS DESIGN) แต่ตัวมาตรวัดถูกฝังลึก ไม่รบกวนการมองเห็นโดยแสงแดด นอกจากนี้หน้าจอแสดงผลของระบบปรับอากาศ และค่าความสิ้นเปลืองต่างๆ ติดตั้งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อให้ผู้ขับอ่านค่าต่างๆเพียงการชำเลืองมองด้านข้าง
พื้นที่ห้องโดยสารด้านหน้านั่งสบาย เบาะนั่งผู้ขับอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ใครที่ตัวสูงโย่งกว่า 190 ซม. อาจรู้สึกอึดอัดหน่อย (ปรับระดับสูง/ต่ำได้ เฉพาะผู้ขับ) และยังต้องแลกกับพื้นที่โดยสารด้านหลังที่ค่อนข้างคับแคบไปหน่อย หากร่วมเดินทาง 4-5 คน คงต้องเลื่อนเบาะเพื่อเอื้อเฟื้อพื้นที่ให้กันบ้าง
อย่างไรก็ตาม หนึ่งใน "จุดขาย" ของ มาซดา 3 2.0 ยังมีมาให้เหมือนเดิม คือ ซันรูฟ สำหรับทั้งซีดานและแฮทช์แบค ถือเป็นรายเดียวทีให้อุปกรณ์ระดับนี้ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แต่แปลกที่ไม่มีช่อง USB มาให้ (มีแต่ช่อง AUX) ทั้งที่น่าจะมีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยุคปัจจุบันพวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชันขนานแท้ ได้แก่ ระบบเครื่องเสียง ปุ่มควบคุมระบบครูสคอนทโรล และแป้นเปลี่ยนเกียร์ (PADDLE SHIFT) ติดตั้งอยู่ทั้ง 2 ด้านของพวงมาลัย โดยปุ่มที่นิ้วหัวแม่มือเป็นการ SHIFT DOWN ส่วนแป้นกดบริเวณนิ้วมือที่เหลือ จะเป็นการ SHIFT UPส่วนใครที่ชอบสับเกียร์ขณะเข้าโค้งก็ไม่ต้องห่วง เพราะแป้น PADDLE SHIFT กับพวงมาลัยถูกติดตั้งอยู่ด้วยกันแม้ขณะหักเลี้ยว ส่วนการเปลี่ยนจังหวะที่คันเกียร์แปลกกว่ารถญี่ปุ่นเจ้าอื่นๆ นั่นคือ SHIFT UP ด้วยการผลักลง และ SHIFT DOWN ด้วยการผลักขึ้น
เครื่องยนต์ บลอคเดิม เกียร์ไหลลื่น
มาถึงเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 147 แรงม้า ที่ 6,500 แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. เมื่อเหลือบไปดูสเปคแรงม้า และแรงบิด ของรุ่นก่อนหน้านี้ จะพบว่าเท่ากันทุกประการ (ทำงานที่รอบเดียวกันด้วย) แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ซึ่งเปลี่ยนจังหวะได้นุ่มนวลกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด สามารถทำความเร็วปลายได้ดีขึ้น อัตราเร่งไม่หวือหวา แต่ไต่ความเร็วแบบ "ไปได้เนียนๆ"
ความเร็วสูงสุดเกือบ 200 กม./ชม. สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก (เพื่อการทดลองขับเท่านั้น ไม่แนะนำให้ทำในการขับขี่ทั่วไป) ช่วงที่เร้าใจ ยังคงต้องใช้รอบมากหน่อย มาซดา 3 ถึงจะกระฉับกระเฉงขึ้นมา ส่วนช่วงรอบต่ำเผื่อเหลือให้การขับในเมือง เน้นความสบาย
ระบบรองรับ หนึบผสมนุ่ม บังคับง่าย
ระบบช่วงล่างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนึบแน่นของค่ายรถ ซูม-ซูม" ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จากการขับลัดเลาะไปตามแนวเขา เราพบว่าระยะยุบตัวขณะเข้าโค้งมีพอประมาณ แต่ไม่มีผลต่อการบังคับควบคุมแต่อย่างใด ตัวรถสามารถเกาะโค้งอย่างง่ายดายขณะที่พวงมาลัยตอบสนองดี (เพาเวอร์
ไฟฟ้า) และเป็นไปอย่างนุ่มนวล หนักมือนิดๆ แต่ไม่มากเท่ารุ่นก่อนหน้านี้ ผู้ที่รักความสะดวกสบายเช่นบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลาย น่าจะพอใจ
ความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้บางคนกังวลเรื่องเสถียรภาพขณะขับขี่ ทาง มาซดา ก็ไม่ได้นิ่งเฉยจึงเสริมความแข็งแรงให้กับตัวถังตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TRACTION CONTROL) ควบคู่กับระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ (DSC: DYNAMIC STABILITY CONTROL) ยิ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น สำหรับนักขับเท้าหนักทั้งหลาย
อย่างไรก็ตามเรารู้สึกว่าระบบเบรคควรจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะบางครั้งการเบรคก่อนเข้าโค้ง ตัวรถชะลอความเร็วช้ากว่าที่คิด จนต้องเพิ่มแรงกดที่แป้นเบรคให้มากขึ้น
สรุป ขับสนุก และมั่นใจกว่าเดิม
มาซดา 3 ยังคงเป็นซีดานขับสนุกในแบบฉบับของค่าย "ซูม-ซูม" รูปทรงโดดเด่นในสไตล์สปอร์ท แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ ความมั่นคงขณะขับขี่ และเข้าถึงผู้ใช้รถทั่วไป จากความนุ่มนวล สะดวกสบายที่มากขึ้น ราวกับกำลังก้าวย่างจากวัยหนุ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ที่คงไว้ซึ่งความคล่องแคลวกระฉับกระเฉง แต่ก็มีความสุขุมนุ่มลึกอยู่ในที