ทดลองขับ(formula)
โพร์เช คาร์เรรา เอส
รถสปอร์ทระดับ “ตำนาน” ในโลกนี้มีมากมาย หลากหลายยี่ห้อ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ โพร์เช 911 คาร์เรรา (PORSCHE 911 CARRERA) รวมอยู่ด้วย ในครั้งนี้เราได้มาทดลองสมรรถนะรถสปอร์ทตัวล่าสุด กับตัวแรง ขับเคลื่อนล้อหลัง คาร์เรรา เอส (CARRERA S)รถสปอร์ทระดับ ตำนาน ในโลกนี้มีมากมาย หลากหลายยี่ห้อ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ โพร์เช 911 คาร์เรรา (PORSCHE 911 CARRERA) รวมอยู่ด้วย ในครั้งนี้เราได้มาทดลองสมรรถนะรถสปอร์ทตัวล่าสุด กับตัวแรง ขับเคลื่อนล้อหลัง คาร์เรรา เอส (CARRERA S) ภายนอก อารมณ์สปอร์ทบนความเหมือนที่แตกต่าง รูปทรงภายนอกของ คาร์เรรา รุ่นล่าสุด ยังคงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์รถสปอร์ทค่าย โพร์เช ไว้ครบถ้วน แต่มีความปราดเปรียวมากขึ้น นอกจากนี้สปอยเลอร์หลังออกแบบให้แยกส่วนจากช่องระบายอากาศของเครื่องยนต์ ซึ่งจะยกตัวขึ้นมาเมื่อความเร็วเกินกว่า 120 กม./ชม. ขณะที่ล้อแมกมีขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ยางคู่หน้า 245/35 ZR20 และคู่หลัง 295/30 ZR20 ดูพอเหมาะกับซุ้มล้อให้ความรู้สึกที่หนักแน่นเป็นอย่างดี โดยรวมแล้ว คาร์เรรา เอส มีรูปทรงที่คุ้นตาตามสไตล์ของ โพร์เช เรียกได้ว่าดูแค่ผ่านๆ ก็รับรู้เลยทันที หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าเส้นสายต่างๆ ถูกขัดเกลาให้มีความลงตัว แฝงบุคลิกคมเข้มกว่าเดิม เท่านี้ก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้พบเห็น หรือผู้ที่ชื่นชอบรูปทรงองค์เอวที่เคยเปลี่ยนแปรของสปอร์ทระดับตำนานรุ่นนี้ ภายใน พลิกมาดสู่ความหรูหรา แม้ภายนอกของ 911 คาร์เรรา จะแสดงความเป็นรถสปอร์ทพลังแรงเต็มขั้น แต่เมื่อเข้ามานั่งภายในกลับพบการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลขึ้น ด้วยโทนสีเบจ โดยรอบห้องโดยสารหุ้มด้วยหนังชั้นดีสมราคาค่าตัว พวงมาลัย 3 ก้าน บริเวณแป้นแพดเดิล ชิฟท์ ใช้สีเงินแวววาว จับถนัดมือ และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับสรีระของมือผู้ขับ สามารถหักเลี้ยว และเปลี่ยนเกียร์ได้สะดวกสบาย จุดที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ คือ บรรดาปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกติดตั้งถัดลงมาจากคอนโซลเกียร์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกับสปอร์ทซีดานร่วมค่ายอย่าง พานาเมรา (PANAMERA) สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือ นาฬิกาแบบแอนาลอกขนาดเล็ก เหนือคอนโซลกลาง เบาะนั่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ตามสไตล์ของรถสปอร์ทพันธุ์แท้ เบาะโอบกระชับสรีระพอสมควร การตกแต่งต่างๆ ให้อารมณ์เน้นความหรู ผสมกับความสะดวกสบายในยุคปัจจุบัน เช่น ระบบเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ทำให้รถสปอร์ทรุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ในแง่สมรรถนะจะยังดุดันเหมือนรุ่นพี่หรือไม่ เราได้พิสูจน์กันในหัวข้อถัดไป เครื่องยนต์ ดุดัน คำรามก้อง คาร์เรรา เอส ใช้ขุมกำลังเบนซิน ขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบนอน BOXER ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของรถสปอร์ทรุ่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร พละกำลังถึง 400 แรงม้าถ้วน ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติ คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ที่ทาง โพร์เช พัฒนาขึ้นมาเอง (PDK: PORSCHE DOPPELKUPPLUNGSGETRIEBE) โดย 6 จังหวะแรกจะเน้นอัตราทดที่สั้น อัตราเร่งที่เร้าใจ ส่วนจังหวะที่ 7 เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงขณะขับทางไกล จุดได้เปรียบของ คาร์เรรา ที่วางเครื่องยนต์ด้านท้าย ทำให้พละกำลังถูกปลดปล่อยมายังล้อคู่หลังอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การออกตัวทำได้เร้าใจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 13.6 วินาที ตามที่ผู้ผลิตระบุมา แม้สนามทดลองขับจะมีระยะวิ่งค่อนข้างสั้น แต่ความรู้สึกที่สัมผัสขณะออกตัว และอัตราเร่งขณะออกจากโค้ง ทำให้เราไม่สงสัยในสมรรถนะของรถสปอร์ทคันนี้แม้แต่น้อย ความเร้าใจอีกประการ นอกจากแรงดึงของอัตราเร่งแล้ว ยังมีซุ่มเสียงที่ดุดันจากขุมกำลังสูบนอน โดยทาง โพร์เช ได้พัฒนาระบบควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ (SOUND SYMPOSER) โดยจะผลักดันเสียงให้ผ่านเข้าสู่ห้องโดยสารอย่างเหมาะสม ทั้งจากวาล์วปีกผีเสื้อ และตัวกรองอากาศ ผสมผสานกันเป็นเสียงคำรามที่หวานหู ถือเป็นหนึ่งในอรรถรสที่นักเลงรถถวิลหาจากรถสปอร์ทระดับ ซูเพอร์คาร์ (เปิด/ปิดการทำงานได้ที่ปุ่มโหมด สปอร์ท) ระบบรองรับ ขับ 2 แต่หนึบแน่น ตัวช่วยเพียบ แม้เป็นรถสปอร์ทขับเคลื่อนล้อหลัง และวางเครื่องยนต์ด้านท้าย คาร์เรรา มีการบังคับควบคุมที่ไม่ยากเย็น รองรับสมรรถนะที่ดุดันได้เป็นอย่างดี ในการทดลองขับเราได้ลองเข้าโค้ง พร้อมกับแตะเบรคไปในตัว พบว่าตัวรถยังมีความมั่นคงเป็นอย่างดี ด้วยน้ำหนักที่ไม่เทไปด้านหน้ามากไป ช่วยเสริมความกระฉับกระเฉงของรถรุ่นนี้ ขับสนุกได้โดยไม่ต้องออกแรงมากมาย อย่างไรก็ตามโหมด สปอร์ท (SPORT) ช่วยเพิ่มการตอบสนอง และความหนึบของช่วงล่างได้อีก นอกจากนี้เบื้องหลังความสนุขณะขับขี่ ยังมีระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น ระบบควบคุมตัวถัง (PDCC: PORSCHE DYNAMIC CHASSIS CONTROL) รวมไปถึงระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อของ โพร์เช (PASM: PORSCHE ACTIVE SUSPENSION SYSTEM) ใครอยาก ซิ่ง กับสปอร์ทรุ่นนี้ก็มั่นใจได้ สรุป ตำนานที่ยังคงมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย โพร์เช คาร์เรรา เอส แสดงความเป็นสปอร์ทตัวแรง ที่ไม่น้อยหน้าบรรดารุ่นพี่ในตำนานทั้งหลาย สมรรถนะของขุมกำลัง 400 แรงม้า ผนวกกับช่วงล่างที่หนึบแน่น ยังคงสำแดงให้เห็นอย่างชัดเจน หากอยากสัมผัสอารมณ์ดิบ และ ดุดัน ก็มีโหมดสปอร์ทให้เลือก เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยคุณลักษณะขับขี่ที่เชื่องมือ ภายในหรูสมฐานะ สมกับรถสปอร์ทสมัยใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลาย รุ่นนี้ยังคงเป็นตำนานบทใหม่ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส สนนราคา คาร์เรรา เอส 14,300,000 บาท ขณะที่รุ่นปกติ คาร์เรรา ราคา 12,500,000 บาท ข้อมูลจำเพาะ โพร์เช คาร์เรรา เอส ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 0-2522-6655 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,491/1,808/1,295 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,538/1,516 ฐานล้อ (มม.) 2,450 น้ำหนัก (กก.) 1,395 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 64 เครื่องยนต์ แบบ เบนซิน 6 สูบนอน ความจุ (ซีซี) 3,800 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 102.0/77.5 อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:0 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 400/7,400 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 44.9/5,600 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) กึ่งอัตโนมัติ 7 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หลัง ระบบรองรับ หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง อิสระ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส พีเอเอสเอม หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน หลัง จาน พร้อมช่องระบายความร้อน ราคา (บาท) 14,300,000
ภายนอก อารมณ์สปอร์ทบนความเหมือนที่แตกต่าง
รูปทรงภายนอกของ คาร์เรรา รุ่นล่าสุด ยังคงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์รถสปอร์ทค่าย โพร์เช ไว้ครบถ้วน แต่มีความปราดเปรียวมากขึ้น นอกจากนี้สปอยเลอร์หลังออกแบบให้แยกส่วนจากช่องระบายอากาศของเครื่องยนต์ ซึ่งจะยกตัวขึ้นมาเมื่อความเร็วเกินกว่า 120 กม./ชม. ขณะที่ล้อแมกมีขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ยางคู่หน้า 245/35 ZR20 และคู่หลัง 295/30 ZR20 ดูพอเหมาะกับซุ้มล้อให้ความรู้สึกที่หนักแน่นเป็นอย่างดี
โดยรวมแล้ว คาร์เรรา เอส มีรูปทรงที่คุ้นตาตามสไตล์ของ โพร์เช เรียกได้ว่าดูแค่ผ่านๆ ก็รับรู้เลยทันที หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าเส้นสายต่างๆ ถูกขัดเกลาให้มีความลงตัว แฝงบุคลิกคมเข้มกว่าเดิม เท่านี้ก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้พบเห็น หรือผู้ที่ชื่นชอบรูปทรงองค์เอวที่เคยเปลี่ยนแปรของสปอร์ทระดับตำนานรุ่นนี้
ภายใน พลิกมาดสู่ความหรูหรา
แม้ภายนอกของ 911 คาร์เรรา จะแสดงความเป็นรถสปอร์ทพลังแรงเต็มขั้น แต่เมื่อเข้ามานั่งภายในกลับพบการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลขึ้น ด้วยโทนสีเบจ โดยรอบห้องโดยสารหุ้มด้วยหนังชั้นดีสมราคาค่าตัว พวงมาลัย 3 ก้าน บริเวณแป้นแพดเดิล ชิฟท์ ใช้สีเงินแวววาว จับถนัดมือ และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับสรีระของมือผู้ขับ สามารถหักเลี้ยว และเปลี่ยนเกียร์ได้สะดวกสบาย จุดที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ คือ บรรดาปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกติดตั้งถัดลงมาจากคอนโซลเกียร์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกับสปอร์ทซีดานร่วมค่ายอย่าง พานาเมรา (PANAMERA) สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือ นาฬิกาแบบแอนาลอกขนาดเล็ก เหนือคอนโซลกลาง
เบาะนั่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ตามสไตล์ของรถสปอร์ทพันธุ์แท้ เบาะโอบกระชับสรีระพอสมควร การตกแต่งต่างๆ ให้อารมณ์เน้นความหรู ผสมกับความสะดวกสบายในยุคปัจจุบัน เช่น ระบบเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ทำให้รถสปอร์ทรุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ในแง่สมรรถนะจะยังดุดันเหมือนรุ่นพี่หรือไม่ เราได้พิสูจน์กันในหัวข้อถัดไป
เครื่องยนต์ ดุดัน คำรามก้อง
คาร์เรรา เอส ใช้ขุมกำลังเบนซิน ขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบนอน “BOXER” ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของรถสปอร์ทรุ่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร พละกำลังถึง 400 แรงม้าถ้วน ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติ คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ที่ทาง โพร์เช พัฒนาขึ้นมาเอง (PDK: PORSCHE DOPPELKUPPLUNGSGETRIEBE) โดย 6 จังหวะแรกจะเน้นอัตราทดที่สั้น อัตราเร่งที่เร้าใจ ส่วนจังหวะที่ 7 เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงขณะขับทางไกล
จุดได้เปรียบของ คาร์เรรา ที่วางเครื่องยนต์ด้านท้าย ทำให้พละกำลังถูกปลดปล่อยมายังล้อคู่หลังอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การออกตัวทำได้เร้าใจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 13.6 วินาที ตามที่ผู้ผลิตระบุมา แม้สนามทดลองขับจะมีระยะวิ่งค่อนข้างสั้น แต่ความรู้สึกที่สัมผัสขณะออกตัว และอัตราเร่งขณะออกจากโค้ง ทำให้เราไม่สงสัยในสมรรถนะของรถสปอร์ทคันนี้แม้แต่น้อย
ความเร้าใจอีกประการ นอกจากแรงดึงของอัตราเร่งแล้ว ยังมีซุ่มเสียงที่ดุดันจากขุมกำลังสูบนอน โดยทาง โพร์เช ได้พัฒนาระบบควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ (SOUND SYMPOSER) โดยจะผลักดันเสียงให้ผ่านเข้าสู่ห้องโดยสารอย่างเหมาะสม ทั้งจากวาล์วปีกผีเสื้อ และตัวกรองอากาศ ผสมผสานกันเป็นเสียงคำรามที่หวานหู ถือเป็นหนึ่งในอรรถรสที่นักเลงรถถวิลหาจากรถสปอร์ทระดับ “ซูเพอร์คาร์” (เปิด/ปิดการทำงานได้ที่ปุ่มโหมด สปอร์ท)
ระบบรองรับ ขับ 2 แต่หนึบแน่น ตัวช่วยเพียบ
แม้เป็นรถสปอร์ทขับเคลื่อนล้อหลัง และวางเครื่องยนต์ด้านท้าย คาร์เรรา มีการบังคับควบคุมที่ไม่ยากเย็น รองรับสมรรถนะที่ดุดันได้เป็นอย่างดี ในการทดลองขับเราได้ลองเข้าโค้ง พร้อมกับแตะเบรคไปในตัว พบว่าตัวรถยังมีความมั่นคงเป็นอย่างดี ด้วยน้ำหนักที่ไม่เทไปด้านหน้ามากไป ช่วยเสริมความกระฉับกระเฉงของรถรุ่นนี้ ขับสนุกได้โดยไม่ต้องออกแรงมากมาย อย่างไรก็ตามโหมด สปอร์ท (SPORT) ช่วยเพิ่มการตอบสนอง และความหนึบของช่วงล่างได้อีก
นอกจากนี้เบื้องหลังความสนุขณะขับขี่ ยังมีระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น ระบบควบคุมตัวถัง (PDCC: PORSCHE DYNAMIC CHASSIS CONTROL) รวมไปถึงระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อของ โพร์เช (PASM: PORSCHE ACTIVE SUSPENSION SYSTEM) ใครอยาก “ซิ่ง” กับสปอร์ทรุ่นนี้ก็มั่นใจได้
ตำนานที่ยังคงมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย
โพร์เช คาร์เรรา เอส แสดงความเป็นสปอร์ทตัวแรง ที่ไม่น้อยหน้าบรรดารุ่นพี่ในตำนานทั้งหลาย สมรรถนะของขุมกำลัง 400 แรงม้า ผนวกกับช่วงล่างที่หนึบแน่น ยังคงสำแดงให้เห็นอย่างชัดเจน หากอยากสัมผัสอารมณ์ดิบ และ ดุดัน ก็มีโหมดสปอร์ทให้เลือก เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยคุณลักษณะขับขี่ที่เชื่องมือ ภายในหรูสมฐานะ สมกับรถสปอร์ทสมัยใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลาย รุ่นนี้ยังคงเป็นตำนานบทใหม่ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส สนนราคา คาร์เรรา เอส 14,300,000 บาท ขณะที่รุ่นปกติ คาร์เรรา ราคา 12,500,000 บาท