ทดลองขับ(formula)
นิสสัน อัลเมรา
หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา รวมถึงการตอบรับที่น่าพอใจในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36 ในที่สุดทีมงานของเราก็มีโอกาสมาทดลองขับ นิสสัน อัลเมรา รุ่นใหม่ล่าสุด กับการขับขี่บนถนนจริง เส้นทางหลากหลาย ทั้งเนินเขา โค้งต่อเนื่อง และการใช้ความเร็วสูง มาดูกันว่าอีโคคาร์ รุ่นใหม่ กับขุมพลังบลอคใหม่ จะรับมือได้มากน้อยแค่ไหน
ภายนอก รูปทรงเข้ม ขยายมิติตัวถัง
เส้นสายของ นิสสัน อัลเมรา รุ่นใหม่ ดูคมเข้มกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ไฟหน้าแบบแอลอีดี ทรงเหลี่ยมเฉียง กระจังหน้าโครเมียมทรง วี-โมชัน เอกลักษณ์ของ นิสสัน ในปัจจุบัน ไฟท้ายแบบแอลอีดี ทรงแหลมคล้ายบูเมอแรง นอกจากนี้ยังออกแบบหลังคาแบบลอยตัว โดยแนวหลังคาจะลาดเทจรดส่วนท้าย แต่บริเวณเสา ซี ออกแบบให้มีวัสดุสีดำพาดผ่าน เพิ่มความโฉบเฉี่ยวได้พอสมควร
ภายใน ห้องโดยสารดูดี มีระดับกว่าเดิม
แม้ราคาของ นิสสัน อัลเมรา รุ่นใหม่ จะไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก แต่ห้องโดยสารกลับดูดีขึ้นมากมาย การออกแบบเน้นความทันสมัย ผสมความหรูหราด้วยวัสดุบุนุ่มในหลายจุด โดยรุ่น วีแอล ติดตั้งหน้าจอขนาด 8 นิ้ว สามารถใช้งานแอพพลิเคชันร่วมกับมือถือ รวมถึงการใช้งานระบบเนวิเกเตอร์ ผ่านทางสาย USB การทำงานของระบบเนวิเกเตอร์มีความแม่นยำดี ไม่ต่างกับการใช้งานบนมือถือ
เครื่องยนต์ สมรรถนะ และประหยัดดีกว่าเดิม
เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนอยากรู้ คือ การขับขี่ของ อัลเมรา รุ่นใหม่ จะเป็นอย่างไร ทางนิสสัน จึงเตรียมเส้นทางการขับขี่ที่หลากหลาย กับขุมพลังรูปแบบใหม่ เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 15.5 กก.-ม. ที่ 2,400-4,000 รตน. เกียร์อัตโนมัติแปรผัน (รุ่นก่อนหน้านี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 79 แรงม้า) จะเห็นได้ว่า กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นพอสมควร จุดที่น่าสนใจ คือ แรงบิดที่มีช่วงการทำงานที่กว้าง และเริ่มตั้งแต่รอบต่ำ
ในช่วงที่เส้นทางปลอดโปร่ง และปลอดภัยบนถนน 4 เลน อัตราเร่งของ อัลเมรา ทำได้ดีกว่าเดิมมาก การไต่ความเร็วจากช่วงความเร็วต่ำจนถึงช่วง 100 กม./ชม. ทำได้ในระยะเวลาอันสั้น (และไม่ต้องกดคันเร่งสุดด้วย) และยังสามารถเพิ่มความเร็วถึงช่วง 140-150 กม./ชม. ได้สบายๆ แม้กำลังสูงสุดจะอยู่ที่ 100 แรงม้าถ้วน มีอัตราเร่งในช่วงทางเรียบที่ทันใจ (เราสังเกตว่าช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2,400 รตน.) นอกจากนี้ ลักษณะของแรงบิดที่มีการทำงานคล้ายเครื่องยนต์ดีเซล ไม่ต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูง ตัวรถสามารถแล่นขึ้นทางลาดชันได้สบายๆ เป็นอีกจุดที่น่าสนใจสำหรับอีโคคาร์
ระบบรองรับ ความนุ่มหนึบที่ลงตัว
เราพบว่าช่วงล่างของอีโคคาร์ รุ่นนี้ ให้ความรู้สึกนุ่มหนึบ มั่นคงในช่วงใช้ความเร็วสูง ตัวรถมีความนิ่งเกินคาด การเข้าโค้งความเร็วสูงทำได้มั่นใจ พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา แต่ยังควบคุมทิศทางได้ดี ภายใต้ยางขนาด 195/65 R15 ช่วยในเรื่องความมั่นคงขณะเข้าโค้งอย่างได้ผล เพราะยางหน้ากว้างเพิ่มขึ้นฝั่งละ 20 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ (ที่ใช้ยางหน้ากว้าง 175 มม.) แต่หากเป็นไปได้ เราอยากให้น้ำหนักของพวงมาลัยมีมากกว่านี้ จะได้มีความมั่นใจมากขึ้นขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ ระบบเบรคให้ความรู้สึกหนักแน่นดี แต่แป้นเบรคในช่วงแรกขณะที่ออกแรงกดลงไป มีการตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไป
สรุป อีโคคาร์ ที่โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่า
ตลาดกลุ่มอีโคคาร์ เริ่มต้นขึ้นในบ้านเราประมาณ 9 ปีก่อน ทางค่ายก็เพิ่มทางเลือกด้วยตัวถังซีดานกับ อัลเมรา รุ่นแรก พิสูจน์ให้เห็นว่า รถยนต์ขนาดใหญ่ กว้างขวาง สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้น่าพอใจ และมีการขับขี่ที่ดี แต่ทาง นิสสัน ก็ตระหนักแล้วว่าการอิงรูปแบบเดิมๆ มากไป อาจไม่ได้ผล พวกเขาจึงกลับมาอีกครั้งกับตลาดอีโคคาร์ ที่ถนัด ด้วยการยกเครื่องใหม่ให้กับ อัลเมรา รุ่นล่าสุด นอกจากสเปค และราคาที่โดนใจแล้ว ยังมีการขับขี่ที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจน และการโดยสารที่สะดวกสบาย แม้ตลาดรถกลุ่มนี้จะมีความหลากหลาย แต่ในแง่ของความคุ้มค่าแล้ว รถยนต์จากค่าย นิสสัน เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ แน่นอน