ทดลองขับ(4wheels)
ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ พิคอัพ (บิน) สิงห์ทะเลทราย
ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ (FORD RANGER RAPTOR) เป็น แรพเตอร์ ตัวที่ 2 ของ ฟอร์ด ต่อจาก เอฟ-150 แรพเตอร์ (F-150 RAPTOR) ที่ออกแบบและผ่านการทดสอบจากทีม ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานศ์ (FORD PERFORMANCE) ทั้งในพื้นที่ทุรกันดารและทะเลทรายในประเทศออสเตรเลีย เส้นทางโหดระดับเดียวกับการแข่งขัน บาฮา 1000 (BAJA 1000) และดาการ์ แรลลี (DAKAR RALLY) สนามทดสอบเดียวกับ เอฟ-150 แรพเตอร์ ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ภายนอก
เรนเจอร์ แรพเตอร์ มีขนาดตัวใหญ่กว่า เรนเจอร์ ในทุกมิติ แก้มข้างรถคู่หน้าผลิตจากวัสดุคอมโพสิท แข็งแกร่ง ทนการกระแทกและการขีดข่วน เหมาะกับการลุย และขยายโป่งออกไปด้านละ 75 มม. รองรับระยะยุบตัวของชอคอับที่เพิ่มมากขึ้น
บันไดข้างอลูมิเนียมอัลลอย มีรูระบาย ทราย โคลน และเคลือบถึง 2 ชั้น โดยการพ่นสี POWDER-COATED ก่อนพ่น GRIT-PAINT ทับอีกชั้น ทนทานต่อการขีดข่วนและรอยเปื้อน และเพิ่มชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดที่กันชนท้าย สามารถรองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และยางขนาด 285/70 R17 ความสูงใต้ท้องรถ 283 มม. มุมไต่ 32.5 องศา มุมคร่อม 24 องศา และมุมจาก 24 องศา
ภายใน
คอนโซลหน้าบุหนังเดินด้ายสีน้ำเงิน แผงหน้าปัดแสดงฟีเจอร์แบบต่างๆ เบาะที่นั่งของ เรนเจอร์ แรพเตอร์ หนาเป็นพิเศษ และใช้หนังกลับด้านข้าง ลดการสะเทือน นั่งสบาย และไม่ลื่น
พวงมาลัยจาก ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานศ์ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ (PADDLE SHIFT) ขนาดใหญ่ และแถบแดงด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้ควบคุมรถง่ายขึ้นขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
ถึงจะเป็นพิคอัพแนวลุย แต่ก็ยังมีระบบอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ระบบสั่งงานด้วยเสียง กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดี ขนาด 8 นิ้ว ทำงานร่วมกันกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีระบบผ่อนแรงฝากระบะท้ายด้วยกลไกผ่อนแรง
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 51.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ให้สมรรถนะใกล้เคียงเครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
เทอร์โบแรงดันสูง (HP) ทำงานเชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่มีขนาดใหญ่กว่า ผ่านวาล์วบายพาสส์ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้ง 2 ลูก โดยขึ้นอยู่กับรอบของเครื่องยนต์ ขณะรอบต่ำเทอร์โบทั้ง 2 ตัว จะทำงานเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิด เมื่ออยู่ในช่วงรอบสูง วาล์วอากาศเทอร์โบแรงดันสูงปิด ปล่อยให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่ทำงานเพียงตัวเดียว
เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ยกชุดมาจาก เอฟ-150 แรพเตอร์ มีอัตราทดที่แคบลง ส่งกำลังต่อเนื่อง ตอบสนองและมีอัตราเร่งดีกว่าเกียร์ 6 จังหวะ รวมกับเกียร์ใหม่ ยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เรียนรู้รูปแบบการขับขี่ และยังมีแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (PADDLE SHIFT) สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ตามต้องการ แม้จะอยู่ในเกียร์ D
ระบบรองรับ
นอกจากนี้ เรนเจอร์ แรพเตอร์ ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการขับเคลื่อน (TMS: TERRAIN MANAGEMENT SYSTEM) มีโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ โดยเลือกจากปุ่มบนพวงมาลัย ทั้งโหมดการขับขี่ทางเรียบ 2 โหมด คือ โหมดทั่วไป (NORMAL) เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน โหมดสปอร์ท (SPORT) เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง
โหมดการขับขี่ทางลุยอีก 4 โหมด คือ โหมดหญ้า/หิมะ (GRASS/GRAVEL/SNOW) ใช้ขับขี่บนพื้นผิวลื่น และเป็นหลุมบ่อ พร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่ 2 โหมดโคลน/ทราย (MUD/SAND) เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึก ไหลลื่น เคลื่อนตัวได้อย่างพื้นทรายและโคลน โหมดก้อนหิน (ROCK) ควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ และใช้ความเร็วต่ำ และโหมดบาฮา (BAJA) ซึ่งเราตั้งชื่อว่า โหมดสิงห์ทะเลทราย ระบบจะลดการทำงานระบบป้องกันล้อหมุนฟรี รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลงได้รวดเร็วกว่าเดิม ทำให้สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลีกลางทะเลทรายบาฮา
ปีกนกทำจากอลูมิเนียม ตัวบนแบบฟอร์จ และตัวล่างแบบหล่อ แชสซีส์ออกแบบให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ ระบบวัตต์ลิงค์ และสปริงคอยล์โอเวอร์ชอค ช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น พวงมาลัยแบบอีเลคทรอนิคควบคุมง่ายทั้งทางเรียบและทางลุย ชอคอับลูกสูบขนาด 46.6 มม. ผลิตโดย FOX SHOX ทั้งคู่หน้าและหลัง มีระยะการให้ตัวสูง ซับแรงกระแทกขณะขับลุย และระบบบายพาสส์ภายใน ทำให้การขับบนถนนทางเรียบนุ่มนวล ควบคุมรถได้สบาย
ระบบความปลอดภัยก็ยังมีให้ครบ ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และระบบควบคุมการบรรทุก
ส่วนสี นอกจากสีเฉพาะ คือ เทาแล้ว ยังมีสีอื่นที่คุ้นเคย อาทิเช่น ฟ้า แดง ดำ และขาว
ฟันธง
สวยแกร่งแบบขาลุย ขับสบายทั้งในเมืองและนอกเมือง ควบคุมง่ายในทางโหด