ทดลองขับ(formula)
ฮอนดา แจซซ์
แฮทช์แบคระดับ ซี-เซกเมนท์ รุ่นล่าสุด หลังจากปล่อยให้เหล่าซีดานในเซกเมนท์นี้เปิดตัวไปล่วงหน้าหลายรุ่น รวมถึงเพื่อนร่วมค่ายอย่าง ซิที มาดูกันว่าแฮทช์แบครุ่นนี้จะ “จี๊ดจ๊าด” แค่ไหนกัน
ภายนอก เพิ่มความเข้ม ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
รูปทรงยังเน้นความสปอร์ท แต่เสริมมาดเข้มกว่ารุ่นเดิม สันเหลี่ยมด้านข้างยาวต่อเนื่องกับชุดไฟท้ายแนวตั้ง ดูแล้วคล้ายกับ เอสยูวีร่วมค่ายอย่าง ซีอาร์-วี เหมือนกัน กันชนหน้า/ท้ายเพิ่มเหลี่ยมมุมมากขึ้น ผนวกกับไฟหน้าที่ต่อเนื่องกับชุดกระจัง ทำให้ช่วงหน้าดูใหญ่ขึ้น มิติตัวถังใหญ่กว่าเดิม ระยะฐานล้อ 2,530 มม. (รุ่นเดิม 2,500 มม.) และความยาว 3,995 มม. (รุ่นเดิม 3,900-3,915 มม.) แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่าที่ 1,048-1,088 กก. (รุ่นเดิม 1,060-1,115 กก.)
ภายใน อเนกประสงค์ หลากหลาย
ห้องโดยสารกว้างขวางสูสีกับรุ่นก่อนหน้านี้ แม้ ฮอนดา จะออกแบบถังน้ำมันให้มีลักษณะแบนราบกว่าเดิม (ติดตั้งบริเวณกลางตัวถัง) แต่บริเวณที่วางเท้าผู้โดยสารด้านหลัง ยังเชิดขึ้นเล็กน้อยอยู่ดี ขณะพื้นที่ช่วงลำตัวมีระยะเพิ่มขึ้น 80 มม. และเบาะหลังยังปรับเอนได้ นั่งสบายไม่แพ้ด้านหน้า
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ความหลากหลาย ทั้งการบรรทุกของทรงสูง หรือ แนวยาว ใช้ประโยชน์สมความเป็นรถแฮทช์แบคเต็มที่
อย่างไรก็ตามผู้ร่วมทดลองขับในครั้งนี้ หลายท่านมีความเห็นว่า เสียงจากลมปะทะเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารมากไปหน่อย
ปุ่มต่างๆ มีตำแหน่งติดตั้งบริเวณตรงกลางคอนโซลหน้า ใช้งานง่ายขึ้น (เทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ปุ่มใช้งานต่างๆ จะอยู่ใกล้ตัวผู้ขับ) รุ่นย่อยที่เราขับ คือ วี พลัส เครื่องเสียงหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องใส่ ซีดี (รุ่นก่อนหน้ามีแต่ USB) แม้ไม่ถึงกับรองรับ ดีวีดี แต่ แจซซ์ รุ่นนี้มีช่องต่อภาพความละเอียดสูง (HDMI) มาให้
หนึ่งในสิ่งที่ติดตั้งใน แจซซ์ โดยที่ไม่มีใน ซิที คือ ที่วางแก้วน้ำบริเวณช่องแอร์ด้านขวามือของผู้ขับ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีผลดีในแง่ความสะดวกสบาย เพราะที่วางแก้ว 2 จุด หลังคันเกียร์ ไม่สะดวกในการหยิบ/วางเท่าไรนัก โดยเฉพาะแก้วทรงสูง ถึงอย่างนั้น... จะดีกว่านี้มาก ถ้าติดตั้งมาให้ที่ฝั่งผู้โดยสารด้านข้างคนขับด้วย
เครื่องยนต์ แรงไม่แพ้รุ่นเดิม ประหยัดขึ้น
แจซซ์ รุ่นล่าสุด มีกำลังที่ 117 แรงม้า น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านิดหน่อย (เดิมมี 120 แรงม้า) ซึ่งก็มาแนวเดียวกับ ซิที นั่นเอง กับการปรับแต่งเพื่อรองรับ อี 85 และการหันมาคบกับเกียร์ซีวีที อย่างไรก็ตามอัตราเร่งโดยรวม ถือว่ายังทำได้ดี ในแง่การใช้งานทั่วไป ก็ไม่อืดอาด แต่หากจะเร่งแซงแบบฉับไว คงต้องเหยียบคันเร่งลึกกันบ้าง
ถ้าอยากทันใจยิ่งขึ้น ก็โยกเกียร์มาที่ S จะช่วยได้มาก เพราะเกียร์จะแปรผันให้ใช้รอบสูงขึ้น โดยขณะแล่นที่ความเร็วคงที่ 2,000 รตน. ในโหมด D พอเปลี่ยนมา S รอบจะกวาดไปที่ 3,000 รตน. ขึ้นไป เพื่อทำอัตราเร่งได้ไวขึ้น เท่านี้ก็ฉับไวพอตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแป้น แพดเดิล ชิฟท์ ที่บวก/ลบได้ 7 จังหวะ (มีเฉพาะรุ่น เอสวี และ เอสวี พลัส) แต่ใครที่ยังอยากสนุกกับการสับเกียร์ด้วยมือตัวเอง คงต้องเพิ่มงบกันบ้าง
ส่วนอาการเร่งเครื่องแล้วรอบกวาด แต่ความเร็วตื้อ ที่โพสต์ในเวบพันธุ์ทิพย์ ในเบื้องต้นเราไม่พบอาการดังกล่าวแต่อย่างใดขณะทดลองขับ
เมื่ออยากประหยัดยิ่งขึ้น ก็กดปุ่มสีเขียวด้านขวา จะเข้าโหมด ECON คันเร่งจะตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไป การตอบสนองของเครื่องยนต์จะหนืดๆ ลง เพื่อผลดีเรื่องความประหยัด บางช่วงที่เราพยายามรักษาความเร็วไว้ที่ 100 กม./ชม. ชั่วระยะหนึ่ง พบว่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ REAL TIME อยู่ที่ประมาณ 17-18 กม./ลิตร (สังเกตจากมาตรวัดบนจอภาพ)
พิจารณาจากการหันมาใช้เกียร์ซีวีที มีโหมด ECON ด้วย และรองรับ อี 85 อีกต่างหาก คุณสมบัติด้านการประหยัดเชื้อเพลิง คือ จุดเด่นสำคัญของ แจซซ์ รุ่นล่าสุด แต่ก็ยอมรับว่าแรงดึงขณะเปลี่ยนเกียร์แต่ละจังหวะ จากเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะของรุ่นก่อนหน้านี้ ที่ถูกทดแทนด้วยการเร่งรอบของเกียร์ซีวีที อาจไม่เร้าใจขา "ซิ่ง" บางคน
ระบบรองรับ นุ่มหนึบ ระบบความปลอดภัยทั่วถึง
ช่วงล่างถูกออกแบบให้ส่วนต่างๆ มีความแน่นหนาขึ้น ออกไปทาง “นุ่มหนึบ” เวลาเจอพื้นผิวถนนขรุขระ หรือเป็นหลุมบ่อ สามารถซับแรงสะเทือนพื้นผิวได้ดี ขณะที่ความหนึบช่วยได้ในช่วงความเร็วสูง ให้ความมั่นใจ นอกจากนี้ขณะเข้าโค้ง ตัวรถไม่มีอาการโคลงมากเกินไป เป็นหนึ่งในสไตล์ของ ฮอนดา ที่ปรับแต่งช่วงล่างให้สนุกกับโค้งได้แบบนี้ ขณะที่ระบบความปลอดภัยทั้ง เบรคเอบีเอส ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (รุ่นทอพ เอสวี พลัส ติดตั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน) แถมยังมีระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ในทุกรุ่นย่อย ถือว่า แจซซ์ รุ่นนี้จัดเต็มด้านระบบความปลอดภัยไม่แพ้ซีดานร่วมค่ายอย่าง ซิที
สรุป คงไว้ซึ่งจุดเด่นเดิม เสริมจุดเด่นใหม่
ฮอนดา แจซซ์ ปรับตัวให้เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป ประหยัด และประโยชน์ใช้สอยหลากหลายมากขึ้น ภายใต้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาสมกับความเป็นแฮทช์แบคยุคใหม่ น่าคบหาไม่เปลี่ยนแปลง