ทดลองขับ(formula)
ลัมโบร์กินี อูรากัน
สุดยอดรถสปอร์ทจากอิตาลี สมรรถนะร้อนแรง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่อัดแน่น รูปทรงโฉบเฉี่ยวสะดุดตา แรงสะใจ ขับสนุก หนึบแน่น ภายใต้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที ซูเพอร์ คาร์ คือ หนึ่งในสิ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝันจะได้เป็นเจ้าของ หรืออย่างน้อย คือ ได้ขับ และสัมผัสสมรรถนะอันดุดันของรถสปอร์ทประเภทนี้ ครั้งนี้เราได้มีโอกาสทดลองขับ หนึ่งในรถสปอร์ทที่ร้อนแรงดั่ง กระทิงดุ นั่นคือ ลัมโบร์กินี อูรากัน (LAMBORGHINI HURACAN) โดยผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บริษัท นิช คาร์ จำกัด
ภายนอก กระทิงที่พร้อมจู่โจม
อูรากัน คือ รถสปอร์ทที่ทำตลาดแทนรุ่นพี่อย่าง กัลญาร์โด (GALLARDO) มาพร้อมกับรูปทรงลิ่ม อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายกระทิงดุ เส้นสายลงตัว ปราดเปรียว ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียงคล้ายสปอร์ทตัวธงประจำค่ายอย่าง อเวนตาโดร์ (AVENTADOR) เพิ่มความคมเข้มด้วยมุมเหลี่ยมตามบริเวณช่องรับอากาศ รถสปอร์ทคันนี้ให้ความรู้สึกราวกับพร้อมที่พุ่งจู่โจมได้ทุกเมื่อ ด้านท้ายเน้นเหลี่ยมสัน โดดเด่นด้วยไฟท้ายรูปทรงตัว Y วางตัวในแนวนอน ดุดันด้วยท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้าย/ขวา ส่วนยางที่ใช้ คือ ปิเรลลี พี-เซโร ด้านหน้า ขนาด 245/30 ZR20 และด้านหลัง ขนาด 305/30 ZR20 สำหรับรถสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ
ภายใน ห้องควบคุมของจรวดทางเรียบ
ห้องโดยสารของ อูรากัน พอเพียงสำหรับผู้โดยสาร 2 คน อุดมไปด้วยปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆ มากมาย ออกแบบคล้ายสวิทช์ควบคุมการทำงานของเครื่องบินรบ ภายในตกแต่งด้วยหนังกลับคุณภาพสูง ตัดเย็บอย่างประณีต พวงมาลัยทรงสปอร์ท เรียบง่าย แต่จับกระชับมือ ด้านหลังเป็นแป้นแพดเดิล ชิฟท์ ขนาดใหญ่ ติดตั้งบนคอพวงมาลัย การสตาร์ทรถทำได้ด้วยการกระดกฝาสีแดงบริเวณคอนโซลข้างผู้ขับ และกดปุ่ม ให้ความรู้สึกคล้ายกับเครื่องบินรบที่เตรียมปล่อยจรวดนำวิถี แผงมาตรวัดเป็นแบบดิจิทอล แสดงผลได้หลากหลายโหมด รวมไปถึงระบบเนวิเกเตอร์ ผสมกับมาตรวัดความเร็ว ขณะที่ด้านล่างของพวงมาลัยติดตั้งปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อน (ANIMA) มีด้วย 3 โหมด คือ สตราดา สปอร์ท และ โคร์ซา ตำแหน่งของเบาะนั่งอยู่ในระดับต่ำ แต่ทัศนวิสัยด้านหน้าถือว่าโปร่งเกินคาด แต่ทัศนวิสัยด้านหลังค่อนข้างจำกัด ยังดีที่รถสปอร์ทหรูคันนี้ติดตั้งกล้องมองหลังมาให้ด้วย
เครื่องยนต์ ถึงขีดสุดในพริบตา
ขุมกำลังของ อูรากัน เป็นเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 5.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศใดๆ ผลิตพละกำลังออกมาถึง 610 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ สามารถเลือกส่งกำลังแบบอัตโนมัติ หรือเปลี่ยนจังหวะแบบเกียร์ธรรมดาด้วยการกดปุ่ม M
การทดลองขับครั้งนี้จัดที่สนาม โบนันซา สปีดเวย์ จำนวน 4 รอบสนาม (ไม่รวมการวิ่งสาธิตโดยผู้ฝึกสอนจากทาง ลัมโบร์กินี โดยตรง 1 รอบ) ในช่วงแรกเราใช้โหมด สตราดา ซึ่งเน้นความนุ่มนวล ควบคุมง่าย ในแง่ของสมรรถนะถือว่าไม่มีความปรานีแต่อย่างใด เมื่อกดคันเร่งลึก เสียงเครื่องยนต์ก็คำรามขึ้นมา พร้อมกับการพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในรอบที่ 2 เราเปลี่ยนเป็นโหมด สปอร์ท พวงมาลัยมีน้ำหนักมากขึ้น ตอบสนองไวขึ้น รวมไปถึงคันเร่ง ถึงจุดนี้รถสำแดงพลังระดับ ซูเพอร์ คาร์ ให้เห็นอย่างชัดเจน ปลดปล่อยสมรรถนะออกมาอย่างรวดเร็ว จะเป็นช่วงทางตรง หรือขณะเข้าโค้ง จนกระทั่งรอบที่ 3 เราลองใช้เกียร์เป็นโหมด M และเปลี่ยนจังหวะด้วยแพดเดิล ชิฟท์ จากข้อมูลระบุว่า อูรากัน ถูกจำกัดรอบสูงสุดที่ 8,500 รตน. และใช้เวลาเพียงพริบตากับการไปถึงจุดนั้น ระบบจะทำการเปลี่ยนจังหวะเกียร์โดยอัตโนมัติ เมื่อคุ้นกับจังหวะมากขึ้นเล็กน้อยเราพบว่าการเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างทันใจ ส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่อง สมรรถนะ สะใจ สมความเป็นรถสปอร์ทระดับหัวแถว อย่างไรก็ตามเราเลี่ยงโหมด โคร์ซา ที่เหมาะสำหรับการขับในสนามแข่งเต็มรูปแบบ ตามคำแนะนำของผู้ฝึกสอน
ระบบรองรับ ความหนึบขั้นเทพ
รถสปอร์ทคันนี้ยังคงเจริญรอยตามรุ่นพี่ร่วมค่ายทั้งหลาย นั่นคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา อันมีกลไกการทำงานที่ละเอียด ซับซ้อน ผลลัพธ์คือความหนึบแน่นที่ยอดเยี่ยม รองรับสมรรถนะอันดุดันได้อยู่หมัด และนั่นคือ ความรื่นรมย์ที่ อูรากัน พึงมีให้ ขณะที่แล่นไปตามโค้งด้วยความเร็วสูง เรากลับรู้สึกว่าช่วงล่างมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก ไม่มีอาการพยศให้เห็นแม้ขณะเค้นสมรรถนะ ขอเพียงผู้ขับมั่นใจในประสิทธิภาพของรถคันนี้ ความรื่นเริงก็จะบังเกิดขณะลัดเลาะไปตามโค้ง พูดง่ายๆ คือ จุดเด่นของ อูรากัน คือ ระบบรองรับ และระบบความปลอดภัยที่สามารถคุมพละกำลังได้อยู่หมัด เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้ เข้าถึง สมรรถนะอย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องออกแรงบังคับควบคุมมากเกินไป แต่สำหรับเหล่าแฟนรถสปอร์ทพันธุ์ดิบอาจคิดต่างออกไปก็เป็นได้
สรุป กระทิงที่เป็นมิตรกับผู้ขับ แต่ยังโหดกับคู่ต่อกร
นี่คือ ซูเพอร์ คาร์ ยุคใหม่ ที่นำสารพัดเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อประนีประนอมต่อผู้ขับมากขึ้น นั่นคือ การควบคุมที่อยู่มือ ช่วงล่างที่หนึบแน่น ไว้ใจได้ ผสมผสานการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งระบบเครื่องเสียง กล้องมองหลัง และเนวิเกเตอร์ แต่อย่าได้เข้าใจผิดว่า จิตวิญญาณความโหดในสไตล์โลโก กระทิงดุ จะสูญหายไป ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที คือ อัตราเร่งที่ฉับไวกว่ารุ่นพี่อย่าง กัลญาร์โด ด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าจุดเด่นด้านสมรรถนะ คือ สิ่งที่ อูรากัน ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ยากเลยที่ผู้ขับจะทะยานไปถึงจุดนั้น แต่ที่ยากคือเหล่าคู่แข่งที่หมายจะต่อกร คงต้องคิดหนักเสียแล้ว !!