ทดลองขับ(4wheels)
อีซูซุ ดี-แมกซ์ ดับเบิลแคบ ไฮ-แลนเดอร์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เซด-พเรสตีจ
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พาคณะสื่อมวลชนเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมสัมผัสและทดสอบสมรรถนะ อีซูซุ ดี-แมกซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่สนามออโทโพลิส อินเตอร์เนชันแนล เรศ คอร์ส (AUTOPOLIS INTERNATIONAL RACE COURSE) ซึ่งเป็นสนามแข่งขันรถยนต์และจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ ระยะทางต่อรอบ 4.67 กม. เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1990 มีความโดดเด่นเรื่องภูมิทัศน์สวยงามตามธรรมชาติ ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอะโสะ จังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น การทดลองขับครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับ อีซูซุ ดี-แมกซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา พร้อม "โกย" ยอดจำหน่ายตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดตัวต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้ช่วงแรกจะมีเฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดาอย่างเดียวก็ตาม (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กำลังจะตามออกมาเร็วๆ นี้)
ภายนอก
เราได้ทดลองขับ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ดับเบิลแคบ ไฮ-แลนเดอร์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เซด-พเรสตีจ ซึ่งเป็นตัวทอพของรุ่น "ขับ 2 ยกสูง" ภายนอกเด่นด้วยไฟหน้าพโรเจคเตอร์รมดำสไตล์สปอร์ท พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน กระจังหน้าโครเมียม และไฟตัดหมอก ส่วนฝาท้ายใหม่ถูกออกแบบให้มีสปอยเลอร์ในตัวรับกับไฟท้ายแอลอีดี และเพิ่มความดุดันด้วยโป่งข้างขนาดใหญ่กับเสาอากาศแบบครีบฉลาม
ภายใน
ภายในห้องโดยสารตกแต่งหรูหรา และเน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำ หน้าปัดแบบ SUPER VISON พร้อม MULTI-INFORMATION DISPLAY แสดงข้อมูลการขับขี่ อาทิ ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอก ระยะทาง เวลา ตำแหน่งเกียร์ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น สำหรับระบบเพื่อความบันเทิงให้มาแบบจัดเต็ม โดยใช้หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว พร้อมวิทยุ AM/FM เครื่องเล่นดีวีดี 1 แผ่น พร้อมพอร์ท AUX/USB/HDMI และระบบ "ISUZU CONNECT WORLD" สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รองรับทั้ง IOS และ ANDROID ปิดท้ายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
เครื่องยนต์
ขุมพลัง "บลูเพาเวอร์"” รุ่นล่าสุดเป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบแปรผัน ความจุ 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 1,800-2,600 รตน. ระบบกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะใหม่ GENIUS SPORT SHIFT ทำหน้าที่บอกตำแหน่งเกียร์และระบบเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ ตามความเหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และที่สำคัญ คือ ขุมพลังบลอคนี้มีน้ำหนักเบากว่าบลอค 2.5 ลิตร ถึง 60 กิโลกรัม
การทดลองขับในสนามออโทโพลิสเป็นแบบเต็มรอบ แต่บางจุดมีการบังคับให้ลดความเร็วด้วยการวางไพลอน เพื่อให้ใช้ความเร็วได้อย่างเหมาะสมช่วงก่อนเข้าโค้ง ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย หลังจากเข้าประจำในตำแหน่งผู้ขับขี่รู้สึกได้ทันทีว่าเครื่องยนต์บลอคนี้มีเสียงการทำงาน "เงียบและเรียบ" กว่าบลอค 2.5 ลิตรมาก แป้นเหยียบคลัทช์มีน้ำหนักกำลังดี ไม่หนักหรือเบาจนขาดฟีลิง เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขยับเปลี่ยนตำแหน่งได้ราบรื่นคล่องตัว แรงบิดรอบต่ำมีให้ใช้เหลือเฟือ ทำให้ขณะขับขี่ไม่จำเป็นต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูง เหตุผลหนึ่งคงจากอัตราทดเกียร์กับเฟืองท้ายที่ถูกเซทมาอย่างเหมาะสม การส่งถ่ายกำลังทำได้เต็มประสิทธิภาพ
ระบบรองรับ
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างหลังใช้แหนบขนาดยาวพิเศษ ทรงตัวดี นุ่มหนึบบนถนนเรียบ และจัดวางตำแหน่งเครื่องยนต์ถอยเข้าไปใกล้ห้องโดยสารมากขึ้น เพื่อการกระจายน้ำหนักสมดุลขึ้น ซึ่งการขับในสนามแข่ง ทำให้ได้สัมผัสกับความสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงกว่าการขับขี่ในการใช้งานปกติ ตัวรถมีความเป็นกลางค่อนข้างสูง ความนุ่มนวลของระบบรองรับถือเป็นจุดเด่นของพิคอัพค่ายนี้ยังคงอยู่เช่นเดิม แต่ให้ความเสถียรภาพเพิ่มขึ้นจากการกระจายน้ำหนักที่ดีนั่นเอง
ระบบความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรค ABS พร้อม EBD และระบบเสริมแรงเบรค BA พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาวะ ด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ล้อมรัดด้วยยางขนาด 255/60 R18 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ฟันธง
เทคโนโลยีที่ก้าวสู่อนาคต และคาดว่าอัตราสิ้นเปลืองก็น่าจะลดลงตามความจุ