ทดลองขับ(4wheels)
นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มทางเลือกสำหรับ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ด้วย นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด (NISSAN X-TRAIL HYBRID) ที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริด และเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ (INTELLIGENCE DUAL CLUTCH SYSTEM) ถึง 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่น 2.0 เอส ไฮบริด (2.0 S HYBRID) 2.0 วี ไฮบริด (2.0 V HYBRID) และ 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮบริด (2.0 V 4WD HYBRID) ทดลองขับในครั้งนี้ นิสสัน ฯ จัดมาเฉพาะรุ่นทอพ 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮบริด ซึ่งมองดูจากภายนอกนั้นเหมือนกับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเดิม ทันสมัยด้วยไฟหน้าแบบแอลอีดี พโรเจคเตอร์ (LED PROJECTOR) ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบแอลอีดี
ภายนอก
นิสสัน ยังเพิ่มไฟตัดหมอก กระจัง คิ้วขอบกันชน ด้านหน้า และคิ้วขอบประตูท้าย ตกแต่งด้วยโครเมียมกับสีฟ้าพิเศษ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ระบบปรับ และพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ให้ความรู้สึกสปอร์ท และราวหลังคา สิ่งเดียวที่บอกให้รู้ว่าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว และยางขนาด 225/65 R17 เป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้อยู่เดิม (ยกเว้น รุ่น 2.5 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ) ติดตั้งราวหลังคา (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน บรรทุกสิ่งของ สัมภาระ พร้อมสัญลักษณ์ไฮบริดที่ด้านข้าง และด้านท้าย
ภายใน
ภายในห้องโดยสารหรูหรา และสะดวกสบาย ใช้ระบบกุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เบาะนั่งหนังแท้สีดำ (เฉพาะรุ่น 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮบริด) โดยเบาะคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย/ขวา เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบนราบ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ประตูท้ายเปิด/ปิดอัตโนมัติ (AUTO LIFT GATE) ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM) หน้าจอ แสดงผล 3 มิติ (MID) รวมถึงข้อมูลขับเคลื่อนของระบบไฮบริด
สิ่งที่ขาดหายไป คือ เบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งถูกแทนที่ด้วยชุดแบทเตอรี เหลือไว้เพียงแผงปิดและฝากล่องเก็บของในห้องสัมภาระท้ายรถ
เครื่องยนต์
ขุมพลังไฮบริด ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ไดเรคท์อินเจคชัน รหัส MR20DD ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (รหัสมอเตอร์ RM31) ขนาด 30 กิโลวัตต์ กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดที่ 16.3 กก.-ม. ใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน และเมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า กำลังและอัตราเร่งดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร
เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ รวมถึงเกียร์อัตโนมัติแปรผัน (XTRONIC CVT) 7 จังหวะ และโหมดบวก/ลบช่วยให้ นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัด โดยประหยัดกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อย่างเดียวถึง 20 %
ความโดดเด่นของระบบ นิสสัน เพียว ดไรฟ ไฮบริด (PURE DRIVE HYBRID) คือ การใช้เทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ เอกสิทธิ์ของ นิสสัน ที่สามารถประยุกต์ใช้กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยไม่ต้องมีการดัดแปลงในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน มาสู่เครื่องยนต์แบบไฮบริด
ระบบรองรับ
สำหรับเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ ประกอบด้วย คลัทช์จำนวน 2 ตัว ตัวแรกติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ และตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์ และเชื่อมต่อกับเกียร์แบบซีวีที
ช่วงเร่งแซง หรือทำความเร็ว ที่รถยนต์ต้องการกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ คลัทช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์แบบซีวีที ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า
ช่วงที่เครื่องยนต์ทำงานเพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบทเตอรีจากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 จะทำงาน เพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์เพื่อชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบทเตอรี
เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมา คือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV)
และอีกคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่นๆ คือ ระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไป ทำให้ประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูง
ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานผ่านระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะที่ทั้ง 4 ล้อ ได้รับกำลังจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง
อุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุก แต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน อาทิเช่น ระบบแอดวานศ์ แชสซีส์ คอนทโรล (ADVANCE CHASSIS CONTROL) ที่ประกอบด้วยระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
สรุป
นิสสัน ยังสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค โดยรับประกันรถยนต์ และระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 100,000 กม. และยังรับประกันแบทเตอรีถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง