ทดลองขับ(4wheels)
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท
มิตซูบิชิ พัฒนา ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ ภายใต้พื้นฐานของพิคอัพ ทไรทัน ใหม่ ให้เป็นเอสยูวี 7 ที่นั่ง ระยะฐานล้อ 2,800 มม. ยาวรถกว่ารุ่นเดิม 90 มม. รูปลักษณ์ทันสมัย
ภายนอก
ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ ไบ-แอลอีดี พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี รูปทรงเรียวยาวรับกับกระจังหน้า และเส้นโครเมียมบนกันชนดูล้ำสมัย ด้านข้างเด่นด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ และไฟท้ายแอลอีดีลากลงตามแนวฝากระโปรงถึงกันชน คล้ายกับหุ่นรบในการ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ กันดัม
ภายใน
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยกรอบสีเงินตัดกับสีดำเพียโน คอนโซลกลางแบบยกสูงรับกับแผงคอนโซลหน้าดูทันสมัย เครื่องเสียง 2 DIN วิทยุ/ซีดี/ดีวีดี/เอมพี 3 พร้อมจอภาพระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทาง ใช้งานง่าย และเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง จะแสดงภาพตัวรถแบบ 3 มิติ ที่ได้จากกล้อง 4 จุด ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นได้รอบคัน
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน หุ้มหนังแบบ 4 ก้าน สามารถปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง มาตรวัดความเร็วพร้อมจอแสดงข้อมูลการทำงาน เบาะคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้วยระบบไฟฟ้า โอบรับกับสรีระ เบาะแถว 2 แยกพับแบบ 60:40 เบาะนั่งแถว 3 พับ 50:50 ให้ราบไปกับพื้นได้อย่างสะดวกสบาย
ติดตั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 9 นิ้ว รองรับความบันเทิงแบบครอบครัว ปุ่มปรับเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และปุ่มเบรคมือไฟฟ้า
เบาะนั่งโอบรับกับสรีระของผู้นั่งมากยิ่งขึ้น เบาะคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะแถว 2 แยกพับแบบ 60:40 เบาะนั่งแถว 3 พับ 50:50 ให้ราบไปกับพื้นได้อย่างสะดวกสบาย
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ MIVEC คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน วีจี เทอร์โบ ให้กำลังสูงในรอบต่ำ กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. ที่ 2,500 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมสปอร์ทโหมด และแพดเดิล ชิฟท์ แบบไม่หมุนตาม
การตอบสนองคันเร่งทำได้ทันใจ ทั้งอัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 12-13 วินาที อัตราเร่งช่วงปลาย และเร่งแซงดี
อัตราสิ้นเปลืองของ ปาเจโร สปอร์ท ได้เกียร์ 8 จังหวะ ที่ส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ช่วยให้รอบเครื่องยนต์ต่ำ และประหยัดน้ำมัน ในความเร็วคงที่ 100 กม./ชม. ทำได้ถึง 13-14 กม./ลิตร
ระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบซูเพอร์ ซีเลคท์ 4WD–II เลือกได้ทั้ง ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (2H) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบฟูลล์ไทม์ ออลล์วีลคอนทโรล (FULL-TIME ALL WHEEL CONTROL) ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 40 % และล้อหลัง 60 % และแบ่งถ่ายกำลังจนเป็น 50 % และล้อหลัง 50 % เมื่ออยู่บนทางเปียกลื่น ซึ่งสัมผัสได้ชัดเจนในช่วงที่ฝนตก ช่วยให้เกาะถนนมากขึ้น
และครั้งนี้เรายังได้ทดลองขับในเส้นทางลุยบนเขาค้อ ซึ่งต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบมีระบบเซนเตอร์ดิฟเฟอเรนเชียลลอค (CENTER DIFFERENTIAL LOCK) แบ่งกำลังไปยังล้อหน้า 50 % และล้อหลัง 50 % ทั้ง 4HLC หรือขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง และ 4LLC หรือขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ แบบพาร์ทไทม์ เพื่อรองรับการขับขี่บนเส้นทางลุย โดยมีฟังค์ชันขับขี่ 4 รูปแบบ คือ GRAVEL (กรวดหรือลูกรัง) MUD/SNOW (โคลน/หิมะ) SAND (ทราย) และ ROCK (หิน) ใน 4LLC ช่วยให้ลุยต่อไปได้สบาย
ช่วงล่างค่อนข้างนุ่มนวล เน้นนั่งและขับสบาย โดยเฉพาะเดินทางไกล และมีระบบช่วยครบเครื่อง ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และปลอดภัยด้วยระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ ในรุ่น จีที-พรีเมียม
ฟันธง
เอสยูวีสมรรถนะดี ประหยัด ครบเครื่อง แถมราคายังถูกกว่าคู่แข่ง