ผลทดสอบต่างแดน
โตโยตา แลนด์ ครูเซอร์ 200 ใหม่
นับเป็นการเปิดตัว โตโยตา แลนด์ ครูเซอร์ 200 (TOYOTA LAND CRUISER 200) ใหม่
อย่างเพียบพร้อม ทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกทั้ง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ และเครื่องยนต์ดีเซล วี 8 สูบ ที่ให้ทั้งพลัง และแรงบิดมากกว่าเครื่องยนต์
เบนซิน 3.0 ลิตร ถึง 2 เท่า
ซีรีส์ 200 มีให้เลือกทั้งข่าวดี และข่าวร้าย สำหรับแฟน แลนด์ ครูเซอร์ ตัวจริง ข่าวดี คือ มีการ
ปรับปรุงระบบการทำงานทั้งหมด แต่ข่าวร้าย คือ ราคาที่แพงขึ้น ไม่มีเกียร์ธรรมดา
และรุ่นมาตรฐานแล้ว
สำหรับซีรีส์ 200 ที่วางขายในออสเตรเลีย มีให้เลือก 3 รุ่นด้วยกัน คือ จีเอกซ์แอล, วีเอกซ์
และซาฮารา ทั้ง 3 รุ่นนี้ มีให้เลือกทั้งเครื่องเบนซิน และดีเซล วี 8 สูบ
สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 4.7 ลิตร เป็นเครื่องที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ 2UZ-FE วี 8 สูบ
พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ที่ให้พลังมากกว่าถึง 18 เปอร์เซนต์ และทำอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น
โดยให้กำลังสูงสุด 275 แรงม้า ที่ 5,400 รตน. และแรงบิด 41.8 กก.-ม. ที่ 3,400 รตน.
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล วี 8 สูบ 1VD-FTV อินเตอร์คูเลอร์ ความจุ 4.5 ลิตร ซึ่งใช้อยู่ในซีรีส์ 70
ได้ปรับเปลี่ยนจากทวินเทอร์โบมาเป็นเทอร์โบเดี่ยว ที่ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า ที่ 3,400 รตน.
และแรงบิด 66.2 กก.-ม. ที่ 1,600-2,600 รตน. สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ใช้ระบบเกียร์
อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลได้ใช้ระบบเกียร์ใหม่ล่าสุดของ AISIN ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ
6 จังหวะ พร้อมชุดทรานสเฟอร์ 2 จังหวะ ที่มีระบบ TORSEN LOCKABLE CENTRE
DIFFERENTIAL ควบคุมการขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา
ระบบรองรับของ ซีรีส์ 200 ทุกรุ่นใช้ระบบรองรับหน้า/หลังแบบคอยล์สปริง และได้ปรับเปลี่ยน
ด้านหน้าจากระบบทอร์ชันบาร์ มาเป็นแบบอิสระ ปีกนกคู่ ส่วนด้านท้ายใช้ระบบเพลาแข็ง ไฟว์ลิงค์
ซึ่งใช้อยู่ใน ซีรีส์ 100
ระบบรองรับ ปรับปรุงใหม่ทุกรุ่น ด้วยระบบป้องกันล้อลอคตายในทุกพื้นผิว (MULTI-TERRAIN ABS
BRAKING) พร้อมระบบกระจายแรงเบรคควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค และปรับแรงดันเบรคในภาวะ
ฉุกเฉิน (ELECTRONIC BRAKE FORCE DISTRIBUTION AND EMERGENCY BRAKE
PRESSURE ASSISTANCE) และมีระบบหน่วงแรงเบรค เพื่อช่วยการติดเครื่องยนต์บนทางลาด
ระบบทแรคชัน คอนทโรล และควบคุมการทรงตัว ส่วนระบบ CRAWL CONTROL มีให้ในรุ่น
เครื่องยนต์เบนซิน
ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ โดยล้อหน้าได้ขยายขนาดจานเบรคขึ้น
พร้อมคาลิเพอร์ 4 สูบ ทั้งหน้าและหลัง เมื่อปรับขนาดจานเบรคใหญ่ขึ้น จึงปรับขนาดล้อให้ใหญ่
ขึ้นเป็น 17 นิ้ว
สำหรับรุ่น จีเอกซ์แอล ที่เป็นรุ่นพื้นฐาน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ บนแชสซีส์ของ ตุนดรา
(TUNDRA) ที่ใช้ในตลาดสหรัฐ ฯ โดยใช้แชสซีส์ด้านหน้าเหมือนกัน ส่วนด้านหลังได้ปรับให้
เหมาะกับการใช้งานในออสเตรเลีย ในซีรีส์นี้ไม่มีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง จึงสามารถลดขนาด
ห้องเครื่องลงมา ทำให้ความยาวห้องโดยสารเพิ่มขึ้นอีก 130 มม. แม้ว่าจะใช้แชสซีส์ร่วมกับ
ซีรีส์100 ที่มีฐานล้อขยาย 2,850 มม. แต่ความยาวรวมเพิ่มขึ้นเพียง 60 มม. และความกว้าง
เพิ่มขึ้นอีก 30 มม. เท่านั้น
น้ำหนักรวมของตัวรถเพิ่มขึ้นจากเดิมเช่นกัน จึงทำให้บางรุ่นไม่ได้รับการติดตั้งถังน้ำมันเชื้อเพลิง
สำรอง โดยเมื่อบรรทุกเต็มพิกัด ซึ่งหมายถึง ผู้โดยสาร 8 คน (เฉลี่ยคนละ 75 กก.) และถังสำรอง
เต็มที่ จะทำให้บางรุ่นมีน้ำหนักรวมเกินกว่า 3,300 กก. ซึ่งเป็นน้ำหนักสูงสุดของรุ่นนี้
ภายในห้องเครื่องยังมีเนื้อที่เหลือสำหรับแบทเตอรีสำรอง โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สามารถวางเพิ่ม
ได้อีก 1 ลูก ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล มีแบทเตอรีสำรองให้ 2 ลูกอยู่แล้ว และสามารถถอดออก 1 ลูก
เพื่อติดตั้งระบบไฟสำหรับตู้เย็นได้ สำหรับอากาศเข้าเครื่องดูดผ่านท่อจากภายในบังโคลนหน้า
รูปทรงภายนอกของ ซีรีส์ 200 ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่ากับ ซีรีส์ 100 โดยเฉพาะชุดโคมไฟหน้าที่มี
ส่วนโปนออกมาเหมือนตาแมลง ซึ่งหลายๆ คนยังไม่เคยชิน หากติดตั้งบูลล์บาร์อาจถูกเบียดแตกได้
จากรูปทรงค่อนข้างทันสมัย เดินแนวเส้นข้างสูง ช่องหน้าต่างเล็ก อาจคับแคบสำหรับผู้โดยสาร
ที่มีความสูง หรือใส่หมวกปีกอาจไม่ได้รับความสะดวกในระหว่างเดินทางได้
ใน ซีรีส์200 มีแนวข้างรถค่อนข้างสูง ไม่เหมาะกับรถเอสยูวีที่จัดให้คนขับอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างต่ำ
และฝากระโปรงหน้าบดบังทัศนวิสัย ทำให้ไม่สามารถดูสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจน
ส่วนเบาะแถว 3 ยังทำได้ไม่ดีนัก เพราะกินเนื้อที่ห้องสัมภาระหลัง และยังไม่สะดวกในการพับเบาะ
นอกจากนั้นยังคับแคบสำหรับผู้ใหญ่ เบาะนั่งแถว 2 สามารถปรับเลื่อนได้ถึง 150 มม.
ซึ่งหากเลื่อนไปด้านหน้าสุด จะไม่มีที่เหลือสำหรับวางเท้า และถ้าเลื่อนถอยหลังสุด
ที่นั่งแถว 3 จะนั่งได้เฉพาะเด็กเท่านั้น
จีเอกซ์แอล จัดว่าเป็นรุ่นพื้นฐานของ แลนด์ ครูเซอร์ ซีรีส์ 200 เครื่องยนต์เบนซิน พร้อมเกียร์ 5 จังหวะ
และเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมเกียร์ 6 จังหวะ กระทะล้ออลูมิเนียมขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางดันลอพ
กแรนด์ทเรค ขนาด 285/65 R17 หุ้มเบาะด้วยผ้า มีบันไดข้าง พวงมาลัยปรับระดับ ระบบปรับอากาศ
เลือกพื้นที่ คอนโซลขนาดใหญ่ ช่องเก็บของในประตู มีช่องวางแก้ว 6 จุด ไฟส่องแผนที่ สายอากาศ
วิทยุฝังในกระจกหน้า และถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสาร ม่านถุงลมนิรภัยทั้งด้านหน้า และแถว 2
เข็มขัดนิรภัยปรับความตึง ระบบเครื่องเสียงพร้อม เอมพี 3 และบลูทูธ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
และดีเซล จะติดตั้งถังน้ำมันสำรองมาให้รวมเป็น 138 ลิตร นอกจากนั้นยังมีออพชันให้เลือกติดตั้ง
ระบบ CRAWL CONTROL และ KDSS
วีเอกซ์ เป็นรุ่นที่สูงขึ้นมาอีกระดับ โดยติดตั้งระบบ KDSS มาให้สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
ติดไฟตัดหมอก หลังคาซันรูฟ เบาะหนัง พร้อมหุ้มพวงมาลัย ประดับลายไม้ เบาะนั่งหน้ามีระบบ
ผ่อนแรงปรับระดับ เบาะแถว 2 ปรับ 40/20/40 ช่องใส่แผนที่ ช่องวางแก้วเพิ่มขึ้นอีก 2 ตำแหน่ง
ระบบวัดระยะทางพร้อมปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย ถุงลมนิรภัยที่เข่า ถุงลมนิรภัยสำหรับที่นั่งแถว 2
สำหรับรุ่นดีเซล จะไม่ได้รับการติดตั้งถังน้ำมันสำรองมาให้ จึงมีน้ำมันเพียง 93 ลิตรเท่านั้น ซาฮารา
ได้รับการติดตั้งเหมือนรุ่น วีเอกซ์ โดยเพิ่มหัวฉีดล้างโคมไฟหน้า ระบบปรับพวงมาลัยด้วยไฟฟ้า
ปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ระบบโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ จอแสดงข้อมูล ระบบนำทาง
ด้วยดาวเทียม กล้องช่วยถอยหลัง กระจกพับเก็บอัตโนมัติ ชุดลำโพงเครื่องเสียง 9 ตัว และระบบ
ปรับอากาศแบ่งจ่าย 4 ส่วน สำหรับรุ่นนี้ไม่มีถังน้ำมันสำรองด้วยเช่นกัน
การทดสอบในเส้นทางทุรกันดาร ที่มีฝนตกหนัก ถนนเปลี่ยนสภาพเป็นเลน สร้างความลำบาก
ให้กับการเดินทางมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีเส้นทางบนทางกรวด และข้ามโขดหิน
บนทางเรียบ ทั้ง 3 รุ่นสร้างความประทับใจได้มาก ด้วยระบบรองรับหน้าใหม่ และระบบรองรับ KDSS
ที่ให้การทรงตัวเทียบเท่ารถยนต์นั่ง ทั้งการทรงตัว และความคล่องตัว ทั้งที่มีน้ำหนักระดับนี้
ให้ความมั่นใจ และปลอดภัย แม้จะหักเลี้ยวด้วยความเร็วสูง รถไม่ออกอาการเซทั้งด้านหน้า
และหลัง ระบบบังคับทิศทางแม่นยำ และให้การตอบสนองดีมาก
รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล วี 8 สูบ ให้การตอบสนองการเร่งอย่างเกินพอ ระบบเกียร์ทิพทรอนิค
แม่นยำ และรวดเร็ว แบบชิฟท์ขึ้น/ลง ใช้งานง่าย ระบบเบรค มัลทิ-เทอร์เรน เอบีเอส น่าประทับใจ
แม้เบรคบนทางลูกรังก็ตาม
บนเส้นทางทุรกันดารน่าประทับใจเช่นกัน ระบบ CRAWL FUNCTION ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
ทำงานได้สุดยอด การปีนป่ายโขดหินทำได้อย่างมั่นคง และปลอดภัย ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
สามารถปีนป่ายได้ง่ายกว่า แต่จะดีกว่านี้หากมีระบบควบคุมแรงบิดให้รุนแรงน้อยกว่านี้
ระบบ DAC สามารถควบคุมความเร็วลงเนินได้อย่างดี
ระบบกดปุ่มสตาร์ท น่าประทับใจเมื่อนักทดสอบลองเก็บกุญแจไว้ในกระเป๋ากล้อง แต่ก็สามารถ
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ได้โดยไม่มีปัญหา แต่มาพลาดตรงระบบนำทางของ ซาฮารา
ยังขาดข้อมูลของเส้นทางลูกรัง
อย่างไรก็ตาม ยังน่าผิดหวังกับรุ่น ซีรีส์ 200 ที่มีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะรุ่น วีเอกซ์ และซาฮารา
ทั้งที่คู่แข่งมีระบบรองรับถุงลมปรับความสูงได้ ระบบดิฟฟ์ลอคควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค
โคมไฟเอชไอดี ใบปัดทำความสะอาดโคมไฟหน้า เบาะแถว 3 พับเก็บได้ ส่วนรุ่น จีเอกซ์แอล
ไม่สามารถปรับระดับความสูงที่นั่งได้ ทั้งที่รถราคาต่ำกว่านี้ยังทำได้ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว
โตโยตา แลนด์ ครูเซอร์ 200 ใหม่ ก็ยังยอดเยี่ยมในกลุ่มรถ 4x4 และเป็นหนึ่งในรถแวกอน 4x4
ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ในทุกๆ เส้นทาง
ON THE CRAWL
เป็นระบบป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคนขับในระหว่างขับขึ้นหรือลงเนินชัน ด้วยระบบนี้จะ
ควบคุมความเร็วได้ 3 ระดับ โดยคนขับไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลย
รถจะวิ่งขึ้นเนินด้วยความเร็วที่ตั้งไว้ ระบบจะปรับอัตราเร่ง และระบบควบคุมการยึดเกาะให้อย่าง
เหมาะสมเอง การวิ่งลงเนิน ระบบจะปรับให้ใช้ ENGINE BRAKING พร้อมกับระบบควบคุมการ
ยึดเกาะโดยอัตโนมัติ
ในขณะนี้จะมีระบบ CRAWL CONTROL เฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น ส่วนรุ่นเครื่องยนต์
ดีเซล จะมีระบบลอคเกียร์ในขณะวิ่งลงเนิน (DOWNHILL ASSIST CONTROL) ทางบริษัทได้ชี้แจง
มาว่า ระบบนี้ไม่มีความจำเป็นสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีแรงบิดถึง 66.3 กก.-ม.
แต่อย่างไรก็ตามจะพัฒนาระบบนี้ใช้กับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลให้เร็วที่สุด
KDSS (KINETIC DYNAMIC SUSPENSION SYSTEM)
ระบบ KDSS จะติดตั้งบริเวณด้านซ้ายของชุดกันโคลงหน้า/หลัง โดยมีลูกสูบไฮดรอลิคยึดติดอยู่
กับแชสซีส์ เมื่อรถเข้าโค้งบนทางเรียบ ลูกสูบจะถูกลอคด้วยระบบไฮดรอลิค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด
การโคลงของตัวรถ จึงทำให้ ซีรีส์ 200 มีสมรรถนะการทรงตัวที่เยี่ยมยอดในความเร็วสูง
บนทางทุรกันดาร ลูกสูบไฮดรอลิคจะเลื่อนออกจากตำแหน่งลอค ปล่อยให้เหล็กกันโคลงเป็นอิสระ
เพื่อให้ระบบรองรับของล้อหน้า/หลังเป็นอิสระ สามารถเคลื่อนตัวได้สุดการทำงานของระบบรองรับ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางในเส้นทางทุรกันดาร
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/94067