พิเศษ(4wheels)
ตามให้ทัน ประกันภัยรถยนต์
การประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบัน มีบทบาทกับผู้ใช้รถมากขึ้น โดยหลักแล้ว แยกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ การประกันภัยภาคบังคับ สำหรับประกันอุบัติเหตุบุคคลที่ 3 หรือที่เราเรียกแบบรู้กันเลยว่า "พรบ." ส่วนการประกันภัยรถยนต์อีกประเภท คือ ประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
เชื่อว่ามีอีกหลายคนยังงงๆ อยู่ กับคุณสมบัติของประกันภัยประเภท 1, 2, 3 ที่เรามักคุ้นเคยกันแต่ชื่อ ยิ่งกว่านั้น วันนี้ยังมีประกันภัยรถยนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก เราจะมาอัพเดทให้ทันประกันภัยรถยนต์เหล่านั้น จะได้รู้กันไปเลยว่า แต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะกับคน และรถแบบไหน
3+
ประกันภัยประเภท 3 หลายคนพอรู้ว่าเป็นการคุ้มครอง ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย และคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สิ่งปลูกสร้าง หรือที่เรียกรวมว่า คู่กรณี ส่วนทรัพย์สินของผู้ทำประกัน ต้องรับผิดชอบเองหากว่าเป็นฝ่ายผิด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท
แต่ 3+ (3 พลัส) ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ค่าเบี้ยเริ่มต้นประมาณ 6,000-9,000 บาท
อยู่ที่ทุนประกัน หรือวงเงินคุ้มครอง
สิ่งที่คุ้มครองเพิ่มขึ้น มีอย่างเดียว คือ ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากยานพาหนะทางบก (รถที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย) ซึ่งถ้าหากผู้ทำประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันจะซ่อมให้ทั้ง 2 ฝ่าย แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ทำประกันจะต้องร่วมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกครั้งละ 2,000 บาท ในการซ่อมรถตัวเอง ส่วนที่เหลือจากนั้น บริษัทประกันจะจ่ายให้แต่ไม่เกินวงเงินที่ได้ทำสัญญาไว้
จะเห็นว่าประกันภัย 3+ ไม่ได้มีความคุ้มครองมากไปกว่าประกันชั้น 3 สักเท่าไร และไม่เทียบเท่า
ประกันภัยชั้น 1 ด้วย เพราะมีเพียงข้อเดียวที่เพิ่มเติมมา คือ ซ่อมรถที่เอาประกันกรณีที่ได้รับ
ความเสียหายจากพาหนะทางบก ส่วนกรณีรถหาย/ไฟไหม้ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาล ของผู้ขับ
และผู้โดยสาร ไม่คุ้มครองแต่อย่างใด
สำหรับคนที่ชอบ "ความรู้สึก" คุ้มค่า เพราะราคาไม่ถึงหมื่น บริษัทประกัน ฯ เขาขาย 3+ เพียง
6,800-9,000 บาทเท่านั้น แถมโฆษณาว่าได้ความคุ้มครองเทียบเท่าประกันชั้น 1 เท่านี้คุณก็ได้
"ความรู้สึก" แบบนี้ไปแล้ว แต่อันที่จริงก็นับว่าคุ้มค่าไม่หยอก สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด
อยากประหยัด ขับรถน้อย และระมัดระวัง มีเฉี่ยวชนบ้างไม่มาก เพราะเขาซ่อมรถให้คุณด้วย
ประกันภัยประเภท 4
ที่เพิ่มขึ้นมาอีกแบบ คือ ประกันภัยประเภท 4 เบี้ยที่ต้องชำระถูกมาก แค่ 1,000 กว่าบาท เหมาะ
สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด หรือใช้รถน้อยมากๆ ขับไปทำงานในระยะทางที่ไม่ไกล
หรือรับส่งลูกไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน ในเส้นทางที่คุ้นเคย เหมาะกับคนที่ต้องการความประหยัด
สุดๆ ใช้รถน้อย หรือมีอู่ซ่อมรถเอง ส่วนผู้ใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ไว้สำหรับเข้าป่าเขาอย่างเดียว
ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะรถประเภทนี้มักตกแต่งด้วยการ์ดรอบคัน เพื่อป้องกันการกระแทกจากหิน
และต้นไม้อยู่แล้ว
แต่ถ้าสลับมาขับในเมืองบ่อย ใช้ประกันประเภท 1 เหมาะกว่า เพราะเวลาเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น
รถของเราไม่เป็นอะไรมากนัก แต่รถคู่กรณีมักพังยับเยิน ถ้าหากว่าเราเป็นฝ่ายถูกก็รอดตัวไป
แต่หากเป็นฝ่ายผิดขึ้นมาเมื่อไร ก็คงต้องจ่ายค่าซ่อมรถคู่กรณีกระเป๋าแบนแน่
ประเภทนี้เหมาะกับคนที่ชอบความประหยัดสุดๆ เพราะราคาอยู่ที่ 1,000 กว่าบาทเท่านั้น
ซึ่งคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของทรัพย์สินบุคคลภายนอก เหมาะกับคนใช้รถน้อยถึง
น้อยมากๆ หรือใช้เส้นทางที่มีรถสัญจรน้อย เช่น ในชนบท หรือเส้นทางที่ผู้ขับชำนาญเป็นพิเศษ
ส่วนความเสียหายต่อชีวิต และร่างกาย ก็ให้ประกันภัยภาคบังคับบุคคลที่ 3 รับผิดชอบไป
ประกันภัยประเภท 5
ประกันภัยประเภท 5 ค่าเบี้ยประกันต่อปีเริ่มตั้งแต่ 8,000-10,000 บาท ถูกกว่าประกันภัย
ประเภท 1 ถึงร้อยละ 40-50 แต่ก็คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย และ
บุคคลภายนอก รวมทั้งความเสียหายของรถเอาประกันที่เกิดจากการสูญหายหรือไฟไหม้
และความเสียหายที่เกิดจากคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก
โดยรวมแล้ว ประกันภัยประเภทนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะจ่ายเบี้ยถูกกว่าชั้น 1 มาก แต่การ
คุ้มครองกลับครอบคลุมได้ใกล้เคียงกัน ซึ่งการคุ้มครองนี้เมื่อพิจารณาดูแล้วยังมากกว่า
ประกันภัยชั้น 2 เสียด้วยซ้ำไป
ราคาที่ 8,000-10,000 บาท ประหยัดรองจากประกันชั้น 1 พอสมควร สำหรับผู้ใช้รถที่ขับรถ
ระมัดระวัง เพราะจะคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน เฉพาะกรณีที่เฉี่ยวชนกับยานพาหนะ
ทางบกเท่านั้น ถ้าไปชนกำแพง หรือเสาไฟฟ้า ไม่รับเคลม แต่ถ้าใครกลัวรถหาย หรือไฟไหม้
มากกว่า ซื้อไว้ได้เลย
การทำประกันภัยไม่ได้ช่วยให้การเกิดอุบัติเหตุลดลง เพียงแต่เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ในการ
ดำเนินการต่างๆ อันเนื่องมาจากความเสียหายนั้นๆ การป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุด คือ
การระมัดระวังในการขับขี่ของตนเอง
จำไว้ว่า การจะทำประกันภัยรถยนต์นั้น อย่าดูแต่ราคาที่ถูกกว่าเพียงอย่างเดียว ให้ดูเงื่อนไขของ
การคุ้มครอง ว่าครอบคลุมกรณีใดบ้าง มีวงเงินมากน้อยเพียงใด การบริการรวดเร็วขนาดไหน
รวมถึงมาตรฐานอะไหล่ และอู่ที่รับซ่อมมีมากน้อยเท่าไร และที่ขาดไม่ได้ คือ ความมั่นคงของ
บริษัทประกัน ไม่เช่นนั้นท่านอาจต้องช้ำใจกับบริษัทประกันภัยที่ดีแต่โฆษณา
ตารางแสดงภาพรวม เงื่อนไขความคุ้มครองประกันภัยทุกประเภท
[table] เงื่อนไขความคุ้มครอง, ประเภท 1, ประเภท 2, ประเภท 3, 3 พลัส, ประเภท 4, ประเภท 5,
1. ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พรบ. ต่อบุคคลภายนอก,,,,,,,
,/, /, /, /, -, /,
2. ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก, /, /, /, /, /, /,
3. รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้, /, /, -, -, -, /,
4. ความเสียหายต่อรถยนต์, /, -, -, /, -, -,
5. ความเสียหายต่อรถยนต์ เฉพาะคู่กรณีเป็นพาหนะขนส่งทางบก, -, -, -, -, -, /,
6. อุบัติเหตุส่วนบุคคล ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร, *, *, *, *, *, *,
7. การประกันตัวผู้ขับขี่, *, *, *, *, *, *, [/table]
/ คือ มี
- คือ ไม่มี
* คือ ส่งเสริมการขาย
หมายเหตุ: ตารางที่เห็นข้างบนนี้ เป็นเพียงการเปรียบเทียบให้ผู้อ่านเห็นได้ชัดเจนในคุณสมบัติ
พื้นฐาน ระหว่างประกันภัยรถยนต์ประเภทต่างๆ การส่งเสริมการขายอื่นที่เป็นคุณสมบัติพิเศษ
จะไม่ปรากฏ ขอให้สอบถามไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบ
ธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สายด่วน 1186 หรือ www.oic.or.th
ประกันภัยรถยนต์เมืองไทยสรุปแล้วมีประเภทใดบ้าง
ประกันภัยประเภท 1
ให้ความคุ้มครอง ครอบคลุมสูงสุด คุ้มครองชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก รวมไปถึงผู้
โดยสารภายในรถยนต์ นอกจากนี้ ยังรวมถึงความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น
อาคาร บ้านเรือน ร้านค้าที่ได้รับความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ และความเสียหาย
ของรถยนต์คันที่เอาประกันภัย รวมถึงการคุ้มครองจากความสูญหาย หรือแม้แต่กรณีเกิดไฟไหม้
ถึงคุณไม่ได้ผ่อนรถ แต่ใช้รถใหม่อยู่ ต้องการความสะดวกสบายจากการบริการ มีธุรกิจรัดตัว
โดยเฉพาะคุณผู้หญิง หรือคนที่เดินทางคนเดียวเป็นประจำ ควรทำประกันชั้น 1 ไว้
ประกันภัยประเภท 2
ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกายของผู้โดยสารในรถยนต์ หรือแม้แต่อนามัยของบุคคลภายนอก
หรือถ้ามีความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วนั้น กรณีนี้จะให้ความ
คุ้มครองความเสียหายของบุคคลนั้นด้วย และยังรวมถึงการคุ้มครองจากการสูญหาย หรือไฟไหม้
เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่กลัวรถหายเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของรถที่มีบ้านพักอาศัย
อยู่ตึกแถว ต้องจอดรถนอกบ้าน ใครที่ไม่สนประกันชั้น 1 และขับรถด้วยความระมัดระวัง
ไม่เฉี่ยวชนบ่อยๆ แต่กลัวรถหายก็เลือกไปเลย
ประกันภัยประเภท 3
ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถเท่านั้น ในกรณีเกิด
อุบัติเหตุ โดยประกันชั้น 3 นี้ จะไม่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกัน หากเกิดการเฉี่ยวชน บริษัท
ประกันจะคุ้มครองรถและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น รวมถึงการประกันตัวของผู้ขับขี่
แต่ละครั้งในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพราะราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท เหมาะกับคน
ชอบความประหยัด และขับอย่างระมัดระวัง ไม่เฉี่ยวชนใครบ่อยๆ ตลอดจนบางทีอยากทำ
ประกันชั้น 1 แต่บริษัทประกันไม่รับ เพราะรถอายุเกิน 5-7 ปีไปแล้ว
ประกันภัย 3+
เป็นประกันภัยที่เกิดขึ้นใหม่ ให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันชั้น 3 (แบบปกติ) ซึ่งแต่เดิม
การประกันภัยชั้น 3 นั้นจะให้ความคุ้มครองความเสียหายเฉพาะรถคู่กรณีเท่านั้น โดยรวมถึง
ความเสียหายทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน แต่ประกันภัยแบบชั้น 3+ นี้ จะเพิ่มความคุ้มครอง
ขึ้นมาใหม่ คือ กรณีเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูก หรือฝ่ายผิด จะให้ความคุ้มครอง
ทั้งรถคู่กรณี และรถเราเอง แต่จะจ่ายค่าซ่อมให้รายละไม่เกิน 100,000 บาท แล้วแต่สัญญาของ
แต่ละบริษัท
ประกันภัย 3+ ระยะสั้น
เป็นการประกันรถยนต์ที่คุ้มครองภายใน 30 วัน โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นพวกที่ไม่เคยทำประกัน
มาก่อน หรือ ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระยะสั้น เหมาะกับผู้ที่ชอบการเดินทางไกล แต่ยังไม่มี
ประกันภัย และไม่ชอบเสียเงินก้อน เพราะจ่ายแค่ประมาณ 1,000 บาท ให้ความคุ้มครอง
รถยนต์ของผู้ซื้อประกันในวงเงินถึง 100,000 บาท รวมทั้งยังคุ้มครองทรัพย์สินของบุคคล
ภายนอก หรือคู่กรณีในวงเงินถึง 1,000,000 บาท และยังซ่อมรถเราให้ด้วยในกรณีชน
วงเงิน 100,000 บาท/ครั้ง
ประกันภัยประเภท 4
เป็นประกันภัยที่มีไว้สำหรับดูแลทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งหมายรวมทั้งชีวิต ร่างกาย
และอนามัย การประกันภัยประเภทนี้ เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่ใช้รถน้อย คล้ายๆ กับการ
ซื้อรถมาเก็บ หรือไว้ขับจ่ายกับข้าว และส่งลูกไปโรงเรียน
ประกันภัยประเภท 5
เป็นการประกันที่คุ้มครองคล้ายคลึงกับการประกันภัยชั้น 1 ซึ่งคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต
ร่างกาย หรืออนามัย และบุคคลภายนอก รวมทั้งความเสียหายของรถเอาประกันที่เกิดจากการ
สูญหาย หรือไฟไหม้ และความเสียหายที่เกิดจากคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก แตกต่างกัน
เพียงเขาไม่ซ่อมรถให้คุณเท่านั้น
ขอขอบคุณ คุณกฤชกมล นิติธรรมโกศล ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/94062