ระหว่างทางและใจ(formula)
พินัยกรรมธรรมชาติ
บนโลกบูดเบี้ยว ที่เอียงราว 23 องศา เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.27 หมื่น กม. หมุนรอบตัวเอง 1
รอบใช้เวลา 23.56 นาที กับ 4.09 วินาที และหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบกินเวลา 365.26 วัน
เกือบ 12 ชั่วโมงของทุกๆ วัน "โลกเบี้ยว" หมุนหันหน้ารับแสงจากดวงอาทิตย์ สรรพสิ่งได้
รับความอบอุ่น และสว่างโร่ แต่ราว 12 ชั่วโมงเช่นกัน ที่ต้องกลับหลังหัน ทุกสิ่งจมจ่อมอยู่ใน
ความมืด
ลักษณะการหมุนของมันทำให้เกิดเวลา ซึ่งเราสื่อสารกันด้วยนาฬิกา และปฏิทิน แกนที่เอียงทำ
ให้เกิดฤดูกาล แสงจากดวงอาทิตย์ประดิษฐ์มนุษย์ และสิ่งมีชีวิต
ผม หนึ่งในมนุษย์บนโลก ขับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คันใหญ่ ผ่านไปพักใน "ทุ่งแสลงหลวง" เขต อ.
เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ แม้จะเป็นเวลาเพียงธุลีหนึ่ง เมื่อเทียบกับอายุ 4,700 ล้านปี ของโลก และ
ทั้งที่ผมยังไม่อาจรู้ว่าโลกจะคงอยู่ และหมุนด้วยความเร็วคงที่อย่างนี้อีกนานสักเท่าไร
แต่ในเวลาแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของอายุโลก ที่เปรียบกับอายุคน 1 ถึง 2 รุ่น บวกกับการได้มาเยือน
สถานที่แห่งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า โลกบูดๆ เบี้ยวๆ ใบนี้ ได้มอบอะไรให้เป็น
"มรดก" แก่เราบ้าง
"ทุ่งแสลงหลวง" เป็นทุ่งหญ้าสะวันนา สลับกับที่ลาดเนินเขาสลับซับซ้อน แซมด้วยป่าสนเขา
และป่าดิบแล้งที่อุดมสมบูรณ์ อุดมไปด้วยดอกไม้ป่านานาพันธุ์ สีสันสวยงาม ทุ่งหญ้าแห่งนี้จะ
เปลี่ยนสีความงามไปตามฤดูกาล ช่วงที่เราไป ยังเป็นสีเขียวอมเหลือง ต่อไปจะเป็นสีทอง และ
แดงในที่สุด ทันทีที่มันเปลี่ยนเป็นสีแดง ทางอุทยาน ฯ ก็จะประกาศปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า
เพราะอาจเป็นได้ทั้งผู้ทำให้เกิดไฟป่า และผู้โดนไฟป่าครอกตาย พอหน้าฝนวนกลับมา
หญ้าก็จะแทงยอดอ่อนทุลุหน้าดินขึ้นมาอีกครั้ง เป็นวัฏจักรอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การเปลี่ยนแปลงของสังคมพืช เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง สนที่พบเห็น
ที่นี่เป็นสนสองใบ มักพบในที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 800 เมตรขึ้นไป ทราบไหมว่าทำไมถึง
เรียกสนสองใบ ? ถ้าลองหยิบใบที่ร่วงหล่นขึ้นมาพินิจดู จะเห็นใบรวมอยู่เป็นกระจุกๆ ละ
2 ใบ ตามปลายกิ่ง เป็นช่อแน่นคล้ายหางม้า ประโยชน์ของมันยังมีมาก ยางสนใช้สมานแผล
น้ำมันสนใช้แก้เคล็ดขัดยอก เนื้อไม้ใช้ทำกระดาษ และเฟอร์นิเจอร์
ทุ่งนางพญาเมืองเลน คือ ไฮไลท์ของที่นี่ เป็นทุ่งหญ้าที่โอบล้อมด้วยป่าสนสองใบ สลับกับ
ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ตามกิ่งสนจะพบกล้วยไม้อิงแอบอาศัย เช่น เอื้องชะนี และเอื้องคำ
ปากไก่ ระหว่างทางที่ไปเป็นทางขึ้นเขา เข้าป่า สลับกับทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง สวยงามหลาก
อารมณ์ ในฤดูกาลท่องเที่ยว ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมากางเทนท์ในลานป่าสน ที่มี
บ่อน้ำอยู่ใกล้ พร้อมด้วยพฤกษาป่านานาพันธุ์ ที่ชูช่ออวดโฉมงดงาม และกระจาย
ความหอมให้ผืนป่าอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
คืนก่อนกลับเราแวะพักที่เขาค้อ ที่แม้จะมีชื่อเสียงมานาน แต่ถึงวันนี้รีสอร์ทใหม่ๆ ก็ยังผุดขึ้น
มากมาย ใครที่ไม่รู้จักรีสอร์ทแห่งไหนเป็นพิเศษมาก่อน คงเลือกไม่ถูกว่าจะพักที่ไหนดี แม้เรา
จะพอรู้มาว่าที่แห่งไหนน่าพักในราคาสมเหตุสมผล แต่ก็ลองแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก และตระเวน
เลือกที่พักเกิดขึ้นใหม่ จนได้ "บ้านรชดา โฮมสเตย์" ทิวทัศน์สวย อาหารอร่อย เป็นกันเอง
ที่สำคัญ ราคาไม่แพง มาเป็นที่พักผ่อน แม้กลางคืนจะหนาวไปหน่อย แต่ยามเช้าช่าง
สดใส อากาศแสนบริสุทธิ์ และเย็นกำลังดี ทัศนียภาพงดงาม สมคำเล่าลือ
เช้าตรู่ผมไม่ลืมขึ้นเขาค้อ แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นสถานที่ "หลอกเด็ก" แต่ผมเห็นว่าสำคัญ
กว่านั้น จึงยังเที่ยวชมฐานอิทธิ พิพิธภัณฑ์อาวุธ อดีตฐานยิงสนับสนุนของทหารรัฐบาลไทย
ที่ต่อต้านกองกำลังในลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่ซึ่งเป็นอดีตสมรภูมิการรบอันยาวนานกว่า 10 ปี
ปัจจุบันจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์จริงที่ใช้ในการรบครั้งอดีตมากมาย รวมถึงอนุสรณ์สถาน
ทหารผู้เสียสละ บนยอดเนิน 1174 ที่ซึ่งจะเป็นมรดกให้คนรุ่นต่อไปได้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่คน
2 ฝ่าย ซึ่งรักชาติเหมือนกันแต่ต่างอุดมการณ์ รบรากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
"ไม่ว่ามนุษย์ตัวเล็กอย่างเรา จะชอบสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้หรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่อาจเลี่ยงบอก
ปัดมันได้ เว้นแต่จะชิงตายเสียก่อน นอกจากนั้น คงจะมีเพียงการยอมรับในทางเลือกที่หลาก
หลายของมนุษย์ด้วยกัน ที่จะทำให้เราอยู่ร่วมโลกอย่างสงบสุข ทั้งที่มีก้าวเดินในทิศทางที่
ต่างออกไป"
รถยนต์ : ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.0 ลิมิเทด
สถานที่ : อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อ. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์
ขอขอบคุณ : บริษัท ฟอร์ด เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ทุ่งนางพญาเมืองเลน
เล่าต่อกันมาว่า ราว 500 ปีก่อน มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองเลน (ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพิษณุโลกในปัจจุบัน)
วันหนึ่งมีกองทัพต่างเมืองมาโจมตี เมืองที่เป็นพันธ์มิตรไม่ยอมส่งกำลังมาช่วย พระมเหสีเมืองเลน
หรือที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า นางพญาเมืองเลน คงเห็นว่าจะเสียเมืองแน่ๆ จึงได้อพยพผู้คน
มาตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ ทุ่งแห่งนี้ ที่นี่จึงได้ชื่อว่า ทุ่งนางพญาเมืองเลน ในที่สุด
เรื่องโดย : ศิธา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : ระหว่างทางและใจ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/94035