มุมมองนักออกแบบ
เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาสส์/เอส-คลาสส์
ประชัน เมร์เซเดส-เบนซ์ สองพี่น้อง ซีแอลเอ คอมแพคท์หรู แนวคิด สปอร์ท คูเป 4 ประตู ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่อย่าง "ซีแอลเอส" และใช้พื้นฐานจาก เอ-คลาสส์ เป็นการเปิดเซกเมนท์ใหม่ของรถขับเคลื่อนล้อหน้าระดับพรีเมียม และ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ "รถธง" รุ่นล่าสุด สมรรถนะดีเยี่ยม มาตรฐานความปลอดภัยสูง ความสะดวกสบายเหลือเฟือ เป็นยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ในปัจจุบัน ทั้ง 2 รุ่น จะตอบโจทย์ทีมนักออกแบบของเราได้ดีแค่ไหนต้องติดตาม
ภัทรกิติ์ : ซีแอลเอ รถสายพันธุ์ใหม่ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นการสืบทอดคาแรคเตอร์ดีไซจ์นจาก ซีแอลเอส มาในรูปแบบที่คนส่วนใหญ่สามารถเป็นเจ้าของได้ โดยเป็นรถที่เซกซีที่คนจำนวนไม่น้อยปรารถนาอยากเป็นเจ้าของ ด้วยสนนราคาที่ตั้งไว้ 2 ล้านบาทกลางๆ ทำให้บรรดาแฟนๆ ต้องตะลึงและอยากเป็นเจ้าของมาก เรามาดูกันว่าจุดไหนบ้างที่ทำให้รถคันนี้มีความพิเศษ และแตกต่างจากรถรุ่นอื่น
อภิชาต : เห็นด้วยครับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ เป็นรุ่นที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยมีเส้นสายมาจาก ซีแอลเอส แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะรถรุ่นนี้พัฒนาการออกแบบมาจากพื้นฐาน แนวคิด AESTHETICS S ซึ่งเป็นกรอบแนวทางในการออกแบบของค่ายนี้ในปัจจุบัน
ภัทรกิติ์ : ถ้าถามว่าอะไรทำให้เรารู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า นั่นคือ รอยต่อระหว่างซุ้มล้อหน้ากับขอบชายประตูหน้าอยู่ชิดกันมาก และโอเวอร์แฮงค์หน้าค่อนข้างยาว เพราะใช้เครื่องยนต์วางขวาง โดยรถคันนี้ คือ ซีแอลเอส ย่อส่วน แต่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ระยะห่างระหว่างฝากระโปรงด้านบนกับขอบบังโคลนหน้ามีค่อนข้างมาก แต่ภาพรวมของ ซีแอลเอ ให้ความรู้สึกเตี้ยเพราะ เมร์เซเดส-เบนซ์ แก้ปัญหาด้วยการทำเส้นสายต่างๆ ขึ้นมาเบรคสายตา โดยมีการลากเส้นนอนจากขอบไฟหน้ายาวจรดล้อหลัง ซึ่งช่วยลดความหนาของฝากระโปรงหน้า แล้วถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้รถขับเคลื่อนล้อหลังจะมองรถคันนี้สวยดี แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบรถขับเคลื่อนล้อหลัง คงไม่ค่อยประทับใจเท่าไร
อภิชาต : อย่างที่บอกใครที่ชอบ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส แต่ยังมีกำลังไม่ถึง ขอแนะนำ ซีแอลเอ เพราะทุกอย่างดูเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนของรถให้เป็นกึ่ง สปอร์ท คูเป และเน้นเสาหลังลากยาวไปเกือบสุดแนวตัวถัง ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของ ซีแอลเอส
ภัทรกิติ์ : บุคลิกของรถคันนี้ ถ้าตัดตั้งแต่แนวเสาบีไปด้านหน้า คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ ส่วนจากเสาบีไปด้านหลัง คือ ใหม่หมด มันเป็นรถที่มีความปราดเปรียวในเรื่องรูปร่าง สัดส่วน ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเป็นรถที่ขายดิบขายดี ขายจนผลิตไม่ทัน "ฮอท" มากๆ เหมือนกันทั้งโลก ส่วนรุ่นฮอทในบ้านเรา ก็หนีไม่พ้น 250 เอเอมจี แพคเกจ เพราะว่าคนชอบกระจังหน้า ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปิ้งมาก เมร์เซเดส-เบนซ์ ไม่เคยทำ ซึ่งจะเริ่มทำ ก็คงเป็นรุ่น เอ -คลาสส์ คาแรคเตอร์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ คือ การใช้จุดต่างๆ และมีการปัดเงาตรงกลางจุด เหมือนประกายเพชร แค่เห็นรถต้นแบบ เราก็ฮือฮามากแล้ว พอมาเห็นตัวจริงยิ่งฮือฮาหนัก ดีใจมาก
อภิชาต : สัดส่วนที่ลงตัว ทำให้การออกแบบเป็นไปได้ง่าย ยิ่งมีการวางแนวทางที่ต้องการสร้างสรรค์ รถเป็นแนว สปอร์ท คูเป ซึ่งดูแตกต่างจากคู่แข่งมากทีเดียว สำหรับเส้นสายที่โดดเด่นน่าจะเป็นแนวด้านข้างของตัวรถที่ลากจากแก้มข้างไปจรดท้าย โดยมีเส้นด้านล่างช่วยกำกับให้พื้นผิวดูมีทรวดทรงองค์เอวเพิ่มขึ้น เวลาแสงตกกระทบทำให้พื้นผิวด้านข้างรถดูมีมวลที่น่าสนใจ
ฟอร์มูลา : เมื่อก่อนคิดว่าแนวทางนี้ จะหยุดอยู่แค่รถต้นแบบเท่านั้น
ภัทรกิติ์ : ใช่ แต่ทีไหนได้ เขาเอาจริง หลายคนคิดว่าจะสวยจริงไหม สุดท้ายได้คำตอบว่า สวย และใช้งานได้จริง จุดเด่นอีกอย่าง รถคันนี้มีลูกเล่นตรงที่การใช้เส้นที่ตวัดจากล้อหน้าลากขึ้นบน และตัดจากล้อหน้าลากลงด้านล่าง ทำให้รถดูพุ่งไปข้างหน้า ดูยาว ทั้งๆ ที่ตัวรถค่อนข้างสั้น ไฟหน้าก็มีการใช้แอลอีดีตามสมัยนิยม ดูมีประกายระยิบระยับ ไฟท้ายก็เเอลอีดีเช่นกัน แต่มีประเด็นเรื่องอรรถประโยชน์ที่ค่อนข้างจำกัดของการใช้งานรถคันนี้ เพราะการออกแบบรถทรงคูเป แต่มีประตู 4 บาน คงต้องทำใจกับเรื่องพื้นที่ของห้องโดยสารด้านหลัง กับพื้นที่เก็บสัมภาระ แต่คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ซื้อรถรุ่นนี้ เพราะส่วนใหญ่คงจะนั่งไม่เกิน 2 คน ที่นั่งหลัง มีไว้สำรองเผื่อเพื่อนจะได้ไม่บ่น แต่เวลาใช้งานจริง คงจะอึดอัดพอสมควร พื้นที่กระจกก็แคบ หลังคาเตี้ย ส่วนฝากระโปรงท้ายก็แคบเช่นเดียวกัน การบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่คงลำบาก แต่ด้วยความที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ข้อดี คือ ที่วางเท้าด้านหลังแบนพื้นด้านหลังราบ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลัง จะรู้สึกไม่อึดอัดเท่ารถขับเคลื่อนล้อหลัง สรุปดีไซจ์นภายนอก คนที่โดนใจก็รู้สึกว่าสุด ซึ่งทาง บีเอมดับเบิลยู ไม่มีรถที่จะมาเทียบในรุ่นนี้ เอาดี ก็ไม่มี เพราะฉะนั้น รถคันนี้ ถือว่าโดดเด่นมากในเซกเมนท์รถขับเคลื่อนล้อหน้าพรีเมียม ซีดาน คูเป
อภิชาต : ต้องแลกกันระหว่างขนาดสัดส่วนที่โดนใจ กับพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจะมีจำกัด แต่ก็ดูจะไม่ค่อยมีผลสักเท่าไร ในเมื่อมันเป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด แล้วยังถูกกำหนดให้เป็น สปอร์ท คูเป รูปทรงการออกแบบภายนอกที่เป็นแนวทางใหม่ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ช่วยส่งให้ยนตกรรมคันนี้ เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน
ภัทรกิติ์ : ในอดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เคยคุยกับผมในงาน MOTOR EXPO หลายปีมาแล้ว ตอนนั้นเขาเอา เอ-คลาสส์ คอนเซพท์มาร่วมแสดง เขาบอกว่าให้รอดูความน่าตื่นเต้นในอีกไม่นาน ซึ่งมันก็ออกมาเป็นตัวนี้ พูดได้ไม่ผิด ถือว่าสุดยอดครับ เพราะคนซื้อรถคันนี้ด้วยดีไซจ์นมีเยอะมาก
ฟอร์มูลา : ดีไซจ์นมันโดน บวกราคา ถือว่าคุ้ม
อภิชาต : ราคาโดนแน่นอน เพราะถ้าจะคบกับค่ายนี้ ในอดีตต้องใช้เงิน 2 ล้านบาทปลายๆ หรือ 3 ล้านบาทต้นๆ ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ตอนนี้ ไม่ต้องสูงขนาดนั้นแล้ว 1 ล้านบาทปลายๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้วครับ
ภัทรกิติ์ : คันนี้มันดูลงตัวด้วย เอเอมจี แพคเกจ รถมันดูเตี้ยลงนิดหนึ่ง ดูพอดี รูปร่างกินขาด ไม่มีรถอะไรเทียบได้ ไม่เห็นคันอื่นอยู่ในสายตา ไม่มีเลย อยู่คนเดียว พิเศษสุด
ฟอร์มูลา : ถ้าเทียบเรื่องดีไซจ์นกับพวกรถแนวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ภัทรกิติ์ : ต้องในราคานี้นะครับ และขับเคลื่อนล้อหน้า ซูเพอร์พรีเมียม ใครจะมาเทียบ มีนี เพศแมน มันคนละทรง นำเข้าอีก จบกัน เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ โดดเด่นที่สุด หนุ่มสาว ลูกเศรษฐีวัยรุ่น โดนแน่นอน
ฟอร์มูลา : โดยเฉพาะลูกสาวหรือไม่
ภัทรกิติ์ : ได้หมดครับ ลูกสาว ลูกชาย ขอให้เป็นลูกเศรษฐีมีเงินเท่านั้น หรือหนุ่มสาวไฮโซก็ได้นะ เพราะมันดูไม่ผู้ใหญ่จนเกินไปเหมือน ซี-คลาสส์ เพราะ ซีแอลเอ ดูสปอร์ท และปราดเปรียว
ฟอร์มูลา : คนทำงานก็ผ่อนไหวนะครับ ไม่ต้องอาชีพพิเศษด้วย
ภัทรกิติ์ : ถ้าไม่ต้องผ่อนบ้าน น่าจะผ่อนไหวนะครับ
อภิชาต : รูปลักษณ์ภายนอกของ ซีแอลเอ โดดเด่นมาก ตามที่พูดไปแล้วตอนต้น แถมยังราคาไม่สูงมาก คนที่สนใจก็น่าจะเป็นคนธรรมดาที่มีกำลังซื้อ จากที่เคยในอดีตมักจะมองไปที่บแรนด์ญี่ปุ่นรุ่นทอพ แต่ตอนนี้สามารถข้ามมามองค่ายดาวสามแฉกได้แล้ว
ภัทรกิติ์ : มาดูภายในกันบ้าง ส่วนที่เคยรู้สึกพิเศษมากๆ เมื่อครั้งที่เห็นใน เอ-คลาสส์ แต่พอมาเป็น ซีแอลเอ กลับไม่เหลือความรู้สึกนั้น ทำให้ประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมา ก็สามารถตอบได้ มองดูด้วยตาจากรูปภาพอาจไม่เท่าไร แต่พอเข้าไปอยู่ข้างใน กลับรู้สึกว่ามันแจ๋วดีนะ ทริมสวย ช่องแอร์แบบตาวัวที่เป็นทรงไอพ่นดูดี จอที่หน้าตาเหมือนแทบเลทให้ความคมชัด และมีดีไซจ์นกราฟิคในจอ สวยมาก ดูแล้วมันกระจ่าง ใช้งานง่าย ผมชอบมาก แต่ยังติดใจเรื่องคันเกียร์อยู่ด้านขวานี่แหละ คว้าคันเกียร์ผิดอยู่เรื่อย หาไม่เจอ ยังงงอยู่
อภิชาต : มีจุดเดียวที่ผมดูแล้วขัดตา นั่นคือ หน้าจอที่ติดอยู่ด้านบนของคอนโซล (DESK BOARD) เอง ที่ดูแล้วน่าจะจัดให้อยู่ในส่วนของคอนโซลไปเลย หรืออาจจะเป็นการนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ที่คงต้องให้ผู้บริโภคออกความเห็นก็แล้วกัน ว่าชอบหรือไม่ชอบ
ภัทรกิติ์ : อีกจุดหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการวางตำแหน่งของสวิทช์ควบคุมระบบปรับอากาศ อยู่ต่ำมาก เขาอาจมองว่าคงไม่ได้ปรับบ่อยเท่าไร แต่ถ้าจะปรับแต่ละครั้ง ยากมากนะ นิ้วมือกดไม่ถนัด ซึ่งปัญหาตรงนี้ บีเอมดับเบิลยู ไม่มีนะครับ ใช้งานง่ายตลอด ส่วนตำแหน่งคนนั่งหน้าค่อนข้างจะเพอร์เฟคท์ ติดตรงที่นั่งด้านหลัง จะเป็นการทรมานคนนั่งมาก เพราะติดทุกอย่าง
อภิชาต : ได้อย่าง ก็เสียอย่าง เพราะรูปทรงมันอยู่ที่เป็นรถสปอร์ท คูเป ถ้าจะให้นั่งสบาย ก็ต้องขยายห้องโดยสาร ซึ่งจะทำให้สัดส่วนดูไม่ปราดเปรียว
ฟอร์มูลา : สำหรับ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ เฮดรูมของผู้โดยสารด้านหลัง ก็รู้สึกว่ามีน้อยแล้ว พอมาเป็น ซีแอลเอ น่าจะน้อยกว่า
ภัทรกิติ์ : ช่องกระจกหลังของ เอ-คลาสส์ เล็กนิดเดียว ทำให้เป็นรถที่ขับยากอยู่ เพราะทัศนวิสัยด้านหลังไม่กระจ่าง แต่ก็ไม่ยากเกินไป ยังสามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง ถ้าจะสรุปในมุมมองของนักออกแบบเกี่ยวกับรถคันนี้ ต้องถือว่ารถคันนี้เป็น "ตัวแสบ" ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งน่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี ด้วยดีไซจ์นที่เฉียบ ดุ ทั้งนอกและใน
ทีนี้มาดูกันที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ ใหม่กันบ้าง โดยรถที่จะเป็นบรรทัดฐานให้รถคันอื่นเดินตาม รถที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม นอกจากเรื่องนวัตกรรมมากมายแล้ว เรื่องดีไซจ์นมีอะไรใหม่บ้าง สำหรับคนทั่วไป มองเผินๆ แล้วดูไม่ใหม่เลยนะ ดีไซจ์นดูอนุรักษนิยมมาก แต่ถ้าเราขุดลึกลงไปในดีไซจ์นของเขาแล้วจะพบว่าสิ่งหลักๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้อยู่ที่ภายนอก แต่จะอยู่ที่ภายในซะมากกว่า
ดีไซจ์นภายนอก ค่อนข้างอนุรักษนิยม แต่ค่ายนี้เขาขายเทคโนโลยีอยู่แล้ว ซึ่งคนที่ดูแต่ตา จะไม่รู้ว่ามันใหม่ และเจ๋งอย่างไรบ้าง ส่วนคนที่เป็นเจ้าของ คงได้รับความสุนทรีย์อย่างมหาศาลเลยทีเดียว ภายนอกมีความเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่หัวจรดท้าย ไฟหน้า/ไฟท้ายใช้แอลอีดีล้วนๆ คันแรกของโลก ไม่มีหลอดไส้แม้แต่หลอดเดียว เรียกว่า หมดยุคของเอดิสันก็ว่าได้
อภิชาต : เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ ถือว่าเป็น "รถธง" ของค่ายนี้อย่างแท้จริง และมีบริษัทรถยนต์หลายรายที่ต้องการจะเจาะเข้าไปในตลาดกลุ่มนี้ และถือได้ว่า เอส-คลาสส์ รุ่นนี้เป็นต้นแบบที่ทุกค่ายรถยนต์จับตามองมาตลอด จากรูปทรงในการออกแบบ อยู่ในกรอบแนวคิด AESTHETICS S โดยรวมผมว่าเขาพยายามให้กลุ่มคนรุ่นใหม่หันมามองรถรุ่นนี้มากขึ้น โดยสังเกตจากคลิพโฆษณา การออกแบบ จึงเน้นเรื่องความสามารถด้านการใช้สอยที่เหนือกว่ารถทั่วไปที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งระบบเอวีที่จัดให้เต็ม พร้อมระบบติดต่อสื่อสารภายนอก รวมถึงการเชื่อมการทำงานกับระบบของไอโฟน และอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง
ฟอร์มูลา : แนวทางของ เอส-คลาสส์ นับจาก W140 มา รูปทรงจะเป็นแนวนี้ทุกรุ่น
ภัทรกิติ์ : รถคันนี้ดีไซจ์นภายนอกเขาไม่ทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่รู้ เพราะว่ารุ่นที่แล้วเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า รุ่นนี้จึงออกมาหน้าตาจืดไปหน่อย น่าจะมีอะไรที่เร้าใจกว่านี้ ทุกสิ่งอย่าง ดูเรียบง่ายไปหมด ภายนอกไม่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ภายในต้องขอไว้เลย เพราะมีความแตกต่างตรงกันข้ามกับภายนอกโดยสิ้นเชิง ภายในห้องโดยสารถือเป็นไวยากรณ์ใหม่ของ เอส-คลาสส์ โดยเน้นความเป็นเส้นนอนในการออกแบบตั้งแต่หัวจรดท้ายชัดเจนมาก โดยเฉพาะในส่วนของห้องโดยสารด้านหน้า มีการออกแบบที่โอบล้อมซ้ายจรดขวา อย่างชัดเจนมาก มีการแบ่งโซนชัดเจน ปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ไม่ละลานตา ซึ่งเป็นแนวทางของรถที่มีความพิเศษ สะอาดมาก แผงหน้าปัดเป็นดิจิทอลล้วน หน้าจอทีเอฟทีความละเอียดสูง หน้าจอแบบนี้มันสามารถทดแทนมาตรวัดแบบแอนาลอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะตัวมันเองสามารถดิสพเลย์ทุกอย่างได้ตามที่เราต้องการ ทนทานกว่า เปลี่ยนแปลงง่าย ถือเป็นนวัตกรรมที่เยี่ยมมาก พวงมาลัยแบบ 2 ก้าน บ่งบอกเลยว่ารถคันนี้ไม่ใช่รถสปอร์ท แต่เป็น ลักชัวรี ซีดาน คนขับไม่ต้องคิดว่าจะ "ซิ่ง" เลย
อภิชาต : ภายในดูหรูหรากว่าแต่เดิมมาก ทั้งวัสดุที่มีการผสมผสานกันระหว่างหนังลายไม้ และชิ้นงานโครเมียม ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลายกราฟิคบนลำโพง ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เราเห็นความตั้งใจจริงในการออกแบบ
ฟอร์มูลา : พวงมาลัย 2 ก้าน ผมว่าเขาเอาแนวคิดของรุ่นในอดีตมาใช้หรือเปล่า
ภัทรกิติ์ : ใช่ครับ คือ ไม่เน้นความเป็นสปอร์ท แต่เน้นความลงตัว สวยงาม หรูหรา น่าสัมผัสมาก โดยมีผิวสัมผัสของวัสดุ 3 ชนิดอยู่ด้วยกัน ได้แก่ หนัง โลหะ และ ไม้ การออกแบบภายในของรถคันนี้สุดยอดจริงๆ แผงหน้าปัด คอนโซลกลางที่เป็นไม้ มีช่องแอร์ 4 ช่องตรงกลาง ดูหรูหรามาก มีนาฬิกาแอนาลอกดูเก๋ไก๋ เส้นโครเมียมที่วาดลากอยู่ด้านล่างลงตัว รถคันนี้เป๊ะมากในเรื่องการออกแบบภายใน ผมให้ 5 ดาวเลย ชั่วโมงนี้ไม่มีใครเกิน เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ แล้วในรุ่นที่มีแพจเกจระดับทอพ เบาะนั่งด้านหลังมีการแยกซ้าย/ขวาชัดเจน เป็นเบาะนวดหินร้อนด้วยนะครับ เรียกว่าจัดมาเต็มมาก ไม่ต้องจ้างหมอนวดเลยทีเดียว
ฟอร์มูลา : ตัวเก่าแค่นวด แต่ตัวใหม่นี่นวดผสมประคบร้อนด้วยในตัวได้อีก
อภิชาต : สำหรับฟังค์ชันนวด ผมว่าเป็นจุดขายที่ยังคลุมเครือ เพราะถ้าเรามองว่าเป็นรถที่ต้องใช้เดินทางไกลก็น่าจะเป็นเหตุเป็นผลกัน แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้งานในเมืองก็น่าคิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้มากน้อยแค่ไหน
ภัทรกิติ์ : มาพร้อมที่นั่งแบบ เฟิร์สต์ คลาสส์ มีที่วางเท้า เช่นเดียวกับระบบเครื่องเสียงที่จัดเต็มมาจากโรงงานเช่นเดียวกัน
ฟอร์มูลา : รุ่นออพชันเต็มราคาทะลุ 10 ล้านบาท
อภิชาต : ราคาแบบนี้ต้องเป็นมากกว่าบ้านนะครับ แต่ถึงอย่างไร เวลาซื้อรถยนต์สักคันในบ้านเราก็เป็นเรื่องที่มองกันถึงสถานะทางสังคมมากกว่าการมองในเรื่องอื่น
ภัทรกิติ์ : ต้องถามว่าจะเอาอะไรมากไปกว่านี้กับรถคันหนึ่ง
ฟอร์มูลา : นี่คือ แนวทางของค่ายดาวสามแฉก
ภัทรกิติ์ : บแรนด์มายบัค ที่ว่าเจ๋งๆ มาเจอคันนี้ เรียกว่า โบราณไปเลย เพราะคันนี้เขาดูล้ำหน้าไปเยอะแล้ว แม้แต่ โรลล์ส-รอยศ์ ก็เถอะ แต่ถ้าจะนำ โรลล์ส-รอยศ์ มาเทียบก็ดูจะไม่เหมาะเท่าไร ผมคิดว่ารถคันนี้เหมาะสำหรับประธานบริษัท ซีอีโอ ลูกจ้างบริษัท เขาซื้อให้ทำงาน แต่ โรลล์ส-รอยศ์ เปรียบเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ต้องทำงานก็ได้ เศรษฐีที่ชอบเทคโนโลยีไม่จัดไม่ได้ นิยามของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ คันนี้น่าจะเรียกว่า "ข้างนอกคอนเซอร์เวทีฟ ข้างในจัดหนัก"
ถ้ามองว่าเขาหวังจับกลุ่มลูกค้าอายุลดลงก็ไม่น่าใช่ เพราะผู้ใหญ่สมัยนี้ก็ใช้ไอแพดกันเป็นเรื่องปกติ เทคโนโลยีมันกลายเป็นสิ่งชี้วัดความทันสมัย แล้วคนที่ใช้รถคันนี้ก็เป็นคนที่ไม่อยากจะเชย เพราะถ้าชอบแนวย้อนยุค จะเปลี่ยนทำไม ถ้าชอบความทันสมัยก็จะใช้คันนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ ในอดีตดูเป็นรถผู้ใหญ่ แต่เจเนอเรชันนี้ ไม่ใช่แล้ว ภายในห้องโดยสารทิ้งห่างคู่แข่งอย่างชัดเจน
ฟอร์มูลา : ส่วนใหญ่รถพวกนี้คนซื้อไม่ได้ขับ
อภิชาต : คนซื้อไม่ได้ขับและคนขับไม่ได้ซื้อ
ภัทรกิติ์ : ไม่แน่ รถคันนี้ถือเป็นที่สุดของการประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าไปถึงจุดนั้นได้ คุณก็มีโอกาสได้ขับมัน
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/93297