รู้ลึกอุปกรณ์
อัตราทดเฟืองท้าย (จบ)
ผลของการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ให้โดดเด่น อาจกลายเป็น "ได้อย่างเสียอย่าง" สวย ดุดัน บึกบึน เกาะถนนดีขึ้น ด้วยขนาดยางที่ใหญ่ และหน้าสัมผัสกว้างขึ้น แต่เร่งไม่ออก แซงไม่ไหว แต่จะทำอย่างไรให้รถคันเก่งของคุณแสดงสมรรถนะ และประสิทธิภาพอย่างคุ้มค่า ผมมีข้อมูลมานำเสนอครับ
เปลี่ยนเครื่องใหม่ เฟืองท้ายต้องเปลี่ยนตาม
การเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ควรทำการเปลี่ยนอัตราทดของระบบส่งกำลังให้สัมพันธ์กับเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น ถ้าใช้อัตราทดเฟืองท้ายเท่าเดิม ผลที่จะตามมา คือ รอบของเครื่องยนต์จะมีอาการอั้น ไม่สามารถถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นได้เต็มที่ รวมถึงชุดเฟืองเกียร์ของเพลาท้ายชุดนั้นจะสึกหรอเร็วกว่ากำหนด
สำหรับรถโฟร์วีลดไรฟ การทดอัตราเฟืองท้ายใหม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ สามารถทำได้แม้ว่าเป็นเครื่องยนต์สแตนดาร์ด ยิ่งแต่งมากเท่าไร ยิ่งควรทำการเปลี่ยนอัตราทด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในย่านความเร็วสูง ทั้งตำแหน่งเกียร์ 2H หรือ 4H รวมถึงการไต่ทางลาดชันในตำแหน่งเกียร์ 4L ระบบเกียร์ประเภทนี้ให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ การที่รถโฟร์วีลดไรฟล้อโตได้ทำการเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ให้มีระยะฟันที่ห่างขึ้น จะส่งผลให้การทำงานในรอบความเร็วต่ำทำได้ดี และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รถโฟร์วีลดไรฟจากโรงงาน ย่อมมีขนาดอัตราทดเฟืองท้ายที่หลากหลาย แต่อัตราทดโดยมากจะใกล้เคียงกันทั้งสิ้น ต่างกันที่ลักษณะการออกแบบชุดฟันเฟือง โดยทั่วไปก็จะมีทั้ง 9:41 ฟัน (4.56:1 รอบ), 8:39 ฟัน หรือ 10:41 ฟัน ฯลฯ ซึ่งแต่ละแบบจะเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน และให้สมรรถนะไม่เหมือนกัน
ขนาดยางเป็นเกณฑ์ชี้วัด
การจะดูว่ารถแต่งควรใส่อัตราทดเฟืองท้ายเท่าใดนั้น ให้ดูขนาดยางเป็นหลัก ถ้ายางมีขนาดใหญ่มาก อัตราทดย่อมจะมีระยะห่างยิ่งขึ้น อาทิเช่น รถมีอัตราทด 10:41 ฟัน ขนาดอัตราทดจะเท่ากับ 4.1:1 รอบ เปลี่ยนมาใช้ยางขนาด 35 นิ้ว ชุดเฟืองท้ายใหม่ควรมีขนาด 8:39 ฟัน คิดเป็นอัตราทดต่อรอบเท่ากับ 4.87:1 รอบ จะเห็นว่าอัตราทดใหม่มีระยะการส่งกำลังที่ห่าง (รอบการหมุนของเฟืองที่มากขึ้น) ผลดี คือ ช่วยผ่อนแรงเครื่องยนต์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อที่มีขนาดใหญ่ และถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ลงสู่พื้นถนนเต็มประสิทธิภาพ
เสริมอาวุธลับชุดเฟืองท้าย
สำหรับขั้นเทพ ยังมีเรื่องของการเสริมอาวุธลับให้ชุดเฟืองท้ายเพื่อส่งกำลังเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากอัตราทดของเฟืองท้ายทั่วไป หน้าสัมผัสของเฟืองจะขบเพียงบางส่วน การขับขี่ในบางสภาพพื้นผิวให้สมรรถนะได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จากการหมุนฟรีของล้อฝั่งซ้ายและขวา ที่ไม่เท่ากัน บางครั้งทำให้เสียการทรงตัว หรือไม่สามารถขับขี่ผ่านอุปสรรคไปได้ เหล่านักเที่ยวป่าตัวยง จึงนิยมทำการเพิ่มประสิทธิภาพชุดเฟืองท้ายด้วยการติดตั้งชุด "ระบบลอคเฟืองท้าย" เพื่อเพิ่มสมรรถนะการส่งกำลังได้ตามต้องการ
ระบบลอคเฟืองท้าย ที่รู้จักกันดี แบ่งออกเป็น เฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ (LIMITED SLIP DIFFERENTIAL)หรือ LSD, เฟืองท้ายแบบแอร์ลอคเคอร์ (AIR-LOCKER) และดิฟฟ์ลอค (DIFF-LOCK) ซึ่งระบบลอคเฟืองท้าย 2 แบบหลัง จะให้การถ่ายกำลังสู่ล้อเต็มร้อยเปอร์เซนต์เมื่อใช้งาน ต่างกันที่ลักษณะของต้นกำเนิดที่ใช้ในการสั่งงานระบบ ส่วนชุดเฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ ที่มักนิยมสำหรับขา "ซิ่ง" สามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบ ตามคุณสมบัติการส่งกำลังตามความฝืด
เฟืองท้ายแบบ 1 WAY LSD
เฟืองท้ายแบบนี้มักติดตั้งมากับโรงงาน สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ สมรรถนะสูง ต้องการระบบส่งกำลังที่เต็มประสิทธิภาพ แบบนี้จะจับเฉพาะตอนที่เราเร่งเครื่อง เพื่อถ่ายกำลังเพลาลงสู่พื้นเพียงอย่างเดียว ทันทีที่ถอนคันเร่ง ล้อทั้ง 2 ข้างจะหมุนได้อย่างอิสระ โดยไม่มีการถ่ายแรงจากเฟืองท้ายมาสู่ล้อ
เฟืองท้ายแบบ 1.5 WAY LSD
แบบนี้จะอาศัยหลักการทำงานคล้ายในแบบแรก คือ จะทำงานเฉพาะในขณะที่มีการเร่งเครื่องยนต์ แต่ความแตกต่างของเฟืองท้ายในแบบที่ 2 นี้ จะอยู่ตรงที่ ในขณะที่ถอนคันเร่งจนหมด ชุดคลัทช์ของเฟืองท้ายชนิดนี้จะยังมีการจับลอคอยู่เพียงเล็กน้อย ล้อจะไม่หมุนอิสระเหมือนแบบแรก
เฟืองท้ายแบบ 2 WAY LSD
ประเภทนี้มักได้รับความนิยมในวงการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเสียมากกว่า โดยเฉพาะในวงการรถดริฟท์ ที่ล้อวิ่งหมุนฟรีไปตามทแรคโค้งๆ หลักการทำงานก็เช่นเดียวกับ 2 แบบแรก คือ จับกับล้อทั้ง 2 ข้าง แต่จะจับทั้งจังหวะกดคันเร่ง และยกคันเร่ง ซึ่งเฟืองท้ายประเภทนี้จะมีแรงหน่วงขณะถอนคันเร่งที่มากกว่า 2 แบบ ในลักษณะของ ENGINE BRAKE ไปในตัว ซึ่งในบางครั้งอาจส่งผลให้ท้ายปัดได้ง่าย
หมดเปลือกแล้วครับ กับสาระที่ควรทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอัตราทดเฟืองท้าย กับขนาดของล้อ และยางที่เหมาะสม ปีหน้าฟ้าใหม่ 2014 คอลัมน์ "รู้ลึกอุปกรณ์" ยังคงเอาใจผู้หลงใหลการตกแต่งรถโฟร์วีลดไรฟ ด้วยเนื้อหาสาระแบบเข้มข้นไม่แพ้ที่ผ่านมา โชคดี มีเงินเต็มกระเป๋าตลอดปีใหม่ และปีต่อๆ ไปครับ
เรื่องโดย : พันทาง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ลึกอุปกรณ์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/93166