มาตรวัดตลาดรถ
ลดสู้ฝน
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม, - 22.7 % รถยนต์นั่ง, - 15.8 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, - 29.6 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - 45.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), - 32.1 % รถอเนกประสงค์ (MPV), - 30.5 % อื่นๆ, + 1.9 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-สิงหาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม ,+ 8.2 % รถยนต์นั่ง ,+ 19.0 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 0.6 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - 32.0 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), + 9.4 % รถอเนกประสงค์ (MPV) ,- 9.5 % อื่นๆ, + 16.5 % [/table] ย่างเข้าหน้าฝน ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ยอดการขายรถยนต์จะค่อนข้างตกต่ำ เดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว ท่ามกลางสายฝน 100,134 คัน ลดลง 22.7 % โดยยอดรวม 8 เดือน ขายได้ 938,279 คัน ยังเพิ่มอยู่ 8.2 % คิดบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆ ว่าอีก 4 เดือนที่เหลือ ก็น่าจะทำให้ยอดรวมขึ้นไปถึง 1,300,000 คัน ได้ไม่ยากนัก ถ้ายังขายกันเดือนละเกือบแสนอย่างนี้ และไม่มีเหตุใดๆ ที่ไม่ได้คาดฝันเกิดขึ้น ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านเอาไว้ล่วงหน้า และกระแสอีโคคาร์น้องใหม่ ของค่ายยักษ์ใหญ่ ก็กระหึ่มขึ้นระดับหน้าหนึ่งหนังสือรายปักษ์ได้อีกครั้ง รวมทั้งข่าวลือเรื่อง มิว-7 ที่แว่วมาว่า จะเปลี่ยนชื่อเป็น มิว-เอกซ์ ก็เกลื่อนกล่นอยู่ในแวดวงไซเบอร์เต็มไปหมด ว่ากันว่าอีโคคาร์น้องใหม่ จะใช้เครื่องยนต์ 1,197 ซีซี 63 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-I พร้อม SHIFT LOOK อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมากมาย แต่ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา อัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ 20 กม./น้ำมัน 1 ลิตร ก็ต้องคอยดูกันว่าจะเปิดราคากันออกมาเท่าไร แต่บรรดาอีโคคาร์ ที่ออกจำหน่ายอยู่ในตลาด ทุกยี่ห้อ ก็เปิดเกมรับน้องใหม่กันเอาไว้เรียบร้อย เหมือนอย่างที่เคยเล่าสู่กันฟัง ดาวน์ 0 % ดอกเบี้ย 0 % ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี เดี๋ยวนี้มันเกือบจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปแล้ว และไม่เพียงเท่านั้น บรรดารถที่เคยเข้าข่ายได้คืนภาษี จากพโรแกรมรถคันแรก ต่างก็เปิดแคมเปญทุกค่าย ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่ เรียกได้ว่า เป็นโอกาสของผู้บริโภคอีกครั้ง ที่จะสามารถเลือกซื้อหาของดี ราคาถูก ตามความต้องการใช้งานได้อย่างแท้จริง และเชื่อกันว่า เจ้าแคมเปญต่างๆ เหล่านี้ มันจะอยู่ยั้งยืนยงกันไปถึงปลายปีแน่นอน แต่ทางด้านบริษัทประกันภัย ที่ได้รับแรงกระทบจากยอดการขายรถยนต์ที่ลดลงเช่นกัน รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน การถูกยึดรถจากผู้ที่ไม่สามารถผ่อน หรือขาดผ่อนส่งต่อเนื่องแล้วไม่ต่ำกว่า 2 งวด ก็เตรียมขยับขยายหากลุ่มตลาดชนิดอื่น รวมทั้งพิจารณาตรวจสอบเบี้ยประกันอีโคคาร์ ที่เชื่อแน่ว่า จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และแถมด้วยข่าวทางด้านไฟแนนศ์ที่บอกว่า ขณะนี้มีสัญญาณชัดเจนว่า หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิทน่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะลูกหนี้หมุนเงินโดยการกดเงินสดเพื่อมาจ่ายค่างวดเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้มีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ ยอดหนี้เก่า นี่คือผลจากนโยบายรัฐบาล รอบนี้ขอไม่แสดงความเห็นดีกว่า เก็บเอาไว้ยกยอดเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว น่าจะสนุกกว่า ส่วนของภาครัฐ ก็เตรียมส่งเสริมการผลิตรถประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ รอบ 2 ประกาศเงื่อนไขออกมาแล้ว ตั้งแต่การกำหนดเม็ดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 6.5 พันล้านบาท ต้องทำการผลิตไม่น้อยกว่า 1 แสนคัน ในปีที่ 4 มาตรฐานยูโร เป็น 5 และต้องปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัม/กก. เครื่องยนต์ กำหนดว่า เบนซินขนาด 1.3 ลิตร และดีเซล 1.5 ลิตร สิทธิประโยชน์ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 6 ปี จากเดิม 8 ปี และหากรายใดที่มีการลงทุนพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย จะได้รับการยกเว้นภาษีเพิ่ม โดยมีการลงทุนหรือพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี ถ้าลงทุนไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี 8 ปี และจะมีการลดหย่อนภาษีนำเข้าชิ้นส่วน 90 % และยกเว้นภาษีเครื่องจักรทุกเขตส่งเสริมการลงทุน เพียงเปิดโครงการออกมา ก็มีผู้ที่ตกขบวนอีโคคาร์รอบแรก ประกาศให้ความสนใจโครงการนี้ อย่างน้อยก็ 2 เจ้า รวมทั้งค่ายเยอรมนี ที่เล็งประเทศไทยเอาไว้นานแล้ว ก็ได้ยินว่าให้ความสนใจเช่นกัน ก็ต้องคอยดูกันว่าเมื่อถึงกำหนดเวลาแล้ว จะมีใครนำเสนอกันบ้าง กลับมาคุยเรื่องยอดการขายเดือนสิงหาคม เพียงเดือนเดียว 100,134 คัน ลดลง 22.7 % โดยยอดรวม 8 เดือน ขายได้ 938,279 คัน ยังเพิ่มอยู่ 8.2 % อีก 4 เดือนที่เหลือ ก็น่าจะทำให้ยอดรวมขึ้นไปถึง 1,300,000 คันได้ไม่ยากนัก ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 31,175 คัน ลดลง 29.8 % ส่วนแบ่งตลาด 31.1 % อันดับสอง ฮอนดา ขายได้ 15,762 คัน ลดลง 13.2 % ส่วนแบ่ง 15.7 % อันดับสาม อีซูซุ ขาย 14,276 คัน ลดลง 24.6 % ส่วนแบ่ง 14.3 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 8,213 คัน ลดลงมากกว่าเพื่อน 30.4 % ส่วนแบ่ง 8.2 % และอันดับห้า นิสสัน ขาย 7,209 คัน ลดลง 14.7 % ส่วนแบ่ง 7.2 % พอแยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ขายเดือนเดียวลดลงไป 15.8 % ได้ตัวเลข 49,155 คัน ยอดรวม 8 เดือนยังเพิ่มอยู่ 19.0 % ขายกันได้ 434,668 คัน ตำแหน่งแชมพ์รถยนต์นั่ง ฮอนดา 14,098 คัน ลดลง 16.1 % ส่วนแบ่งตลาด 28.7 % ที่สอง โตโยตา ตามมาด้วยตัวเลข 12,816 คัน ลดลง 28.9 % ส่วนแบ่ง 26.1 % ที่สาม นิสสัน ขาย 5,758 คัน ลดลง 12.8 % ส่วนแบ่ง 11.7 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 4,406 คัน เพิ่มขึ้น 6.7 % ส่วนแบ่ง 9.0 % และที่ห้า ซูซูกิ ขาย 4,009 คัน เพิ่มเยอะ 98.8 % ส่วนแบ่ง 8.2 % ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แฟร์รารี ขาย 4 คัน โลทัส 3 คัน ลัมโบร์กินี และ มาเซราตี เจ้าละ 2 คัน และ มิตซูโอกะ 1 คัน ประเภทรถกระบะ 1 ตัน ยังคงลงอย่างต่อเนื่อง โตโยตา เป็นผู้นำขายไป 12,972 คัน ลดลง 26.7 % ส่วนแบ่ง 36.6 % ที่สองตามมาติดๆ กับ อีซูซุ 11,731 คัน ลดลง 28.6 % ส่วนแบ่ง 33.1 % อันดับสาม มิตซูบิชิ 2,659 คัน ลดลง 43.8 % ส่วนแบ่ง 7.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง ตลาดเดือนเดียวขาย 5,968 คัน ลดลง 32.1 % ยอดรวม 8 เดือน ได้ยอด 62,557 คัน ยังเพิ่มอยู่ 9.4 % โดยมี โตโยตา ขายมากสุด 2,074 คัน ลดลง 29.4 % ส่วนแบ่ง 34.8 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 1,237 คัน เพิ่มมาก 256.5 % ส่วนแบ่ง 20.7 % และที่สาม เชฟโรเลต์ ขาย 1,224 คัน ลดลง 47.7 % ส่วนแบ่ง 20.5 % รถอเนกประสงค์ขาย 1,861 คัน ลดลง 30.5 % รวม 8 เดือน 15,946 คัน ลดลง 9.5 % โดยมี โตโยตา ขาย 865 คัน มากสุด แต่ก็ยังลดลง 42.2 % ส่วนแบ่ง 46.5 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 427 คัน ลดลง 58.2 % ส่วนแบ่ง 22.9 % ที่สาม ซูซูกิ ขาย 368 คัน เพิ่มขึ้นเยอะถึง 3,988.9 % ส่วนแบ่ง 19.8 % สภาวะตลาดที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ก็ยังคาดเดากันว่า จะค่อยๆ เริ่มกลับมาสู่ความต้องการแท้จริงได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี แล้วเราจะได้เห็นกันว่า ของจริงเป็นอย่างไรเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/93015