รู้ไว้ใช่ว่า
ไม่แก้ปัญหา
ไทยเรามีคำคม คำกลอน และคำสอนเยอะมาก เช่น ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่ให้กลุ้ม อย่างนี้เป็นต้น แต่เรามักไม่ค่อยแก้ ตัวอย่างเช่น รถพ่วง รถบรรทุก ชอบจอดพัก จอดนอน หรือจอดเพราะรถเสีย ริมทางหลวง แล้วเกิดการตายโหง รถราพังวินาศสันตะโร ล่าสุดรถตู้ป้ายดำซัดเข้ากับรถพ่วงจอดริมถนน ตายคาที่ 9 ศพ อนาถไหมละ
ผมเคยเสนอให้ทำที่หลบ รถเหล่านี้สามารถเข้าไปจอดพักได้เป็นจุดๆ แต่คงไม่มีหน่วยงานไหนสนใจ ตามสไตล์ไทยแลนด์ พวกเอ็งตายได้ตายไป งวดนี้เลยคิดได้อีกหนทางหนึ่ง เจ้าของหรือเถ้าแก่รถนั่นแหละจัดการเอง ง่ายๆ ปานปอกกล้วยเข้าปาก เสียเงินแค่ไม่กี่บาท ด้วยการติดไฟแอลอีดี ชนิดที่กำลังนิยมติดเป็นเดย์ไลท์ ของรถเก๋ง และรถกระบะ
นำมาติดไว้ท้ายรถบรรทุก เลือกหลอดไฟที่ใหญ่ แถบยาวหน่อย ใช้สีแดงหรือหลายสี เอาให้เห็นแต่ไกลเป็นใช้ได้ งานนี้ถ้าไม่จอดริมถนนอย่างที่ว่า ก็ไม่ต้องเปิดไฟ เดี๋ยวสร้างความสับสนแก่รถคันอื่นๆ กรณีที่ชอบอ้างว่า เครื่องยนต์ดับ แบทเตอรีหมด จึงเปิดไฟท้ายไว้ไม่ได้ ก็หมดไป เพราะหลอดแอลอีดีกินไฟน้อยอยู่แล้ว ใครอ่านเจอช่วยบอกต่อ โดยเฉพาะเถ้าแก่รถ ให้เขาหาทางป้องกันอย่างที่เสนอมา คุ้มก็แล้วกัน ได้บุญด้วย
ตบท้ายด้วยคดีความเพื่อคลายเครียดอย่างเคย
เรื่องราวเกิดขึ้นในบ้านเราซึ่งเป็นเมืองพุทธนี่แหละ "นายชัวร์มาก" เป็นลูกจ้างขับรถบรรทุกให้แก่ "นายบุญเสย" ผู้เป็นนายจ้างตามหน้าที่ แล้วเกิดเรื่องไปเฉี่ยวชน "นายก๋วยเตี๋ยว" ลูกชายของ "นายลูกชิ้น" ได้รับบาดเจ็บ ถ้าถึงมือหมอก็ไม่ตายแน่ๆ แค่สลบ อย่างนี้เป็นต้น
แต่ นายชัวร์มาก ซึ่งน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น นายชั่วมาก กลัวความผิด แล้วแก้ปัญหาสุดโหด ลากร่างของ นายก๋วยเตี๋ยว ไปหมกไว้ในร่องน้ำ จน นายก๋วยเตี๋ยว ตายเพราะจมน้ำซะงั้น
ไม่ได้หนีไปไหนได้อย่างนักการเมืองบ้านเรา ที่โดนศาลตัดสินคดีแล้วคดีเล่า ตำรวจคว้าตัวมาได้ ดำเนินคดีอาญาไปตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน นายลูกชิ้น พ่อของคนตายได้ยื่นฟ้องคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ทนายทำคดีให้ฟ้อง นายชัวร์มาก กับนายบุญเสย ผู้เป็นนายจ้าง บังคับให้จ่ายค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงินนับแสนบาท
จำเลยพากันสู้คดี ปฏิเสธความรับผิด เฉพาะ นายบุญเสย ซึ่งออกไปในทางกรรมเสีย อ้างด้วยว่า นายชัวร์มาก เอา นายก๋วยเตี๋ยว ไปทิ้งน้ำ เป็นเหตุให้ถึงตาย เป็นการทำนอกเหนือขอบเขตการจ้าง นายบุญเสย นายจ้าง จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ค่าเสียหายสูงเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นนั่งฟังพยานบนบัลลังก์ เมื่อยก้นกบเมื่อยหน้า ซึ่งตีเคร่งเข้าไว้ ให้น่าเกรงขามพอสมควรแล้ว จึงตัดสินให้จำเลยทั้ง 2 คนร่วมกันรับผิด ชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย
นายลูกชิ้น พ่อของคนตายพอใจคำพิพากษา ไม่อุทธรณ์ฎีกา คนขับรถซึ่งคงจะโดนคดีอาญา ข้อหาเจตนาฆ่าก็ไม่อุทธรณ์ฎีกาและคงไม่มีเงินจะจ่าย
ส่วน นายบุญเสย เจ้าของรถและนายจ้าง ยื่นอุทธรณ์ตามที่ทนายแนะนำ อ้างว่าการตายของ นายก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้เกิดจากรถชน แต่เป็นการกระทำของ นายชั่วมาก เอ๊ย ชัวร์มาก โดยตรง นายจ้างไม่ได้ใช้ให้ทำ จึงเด้งเชือกไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์อ่านเฉพาะสำนวนแล้วเห็นว่า นายบุญเสย ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิด เฉพาะกรณีรถชน นายก๋วยเตี๋ยว เป็นค่าเสียหายต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดรายได้ที่ต้องหยุดงาน แต่ นายลูกชิ้น ไม่ได้ฟ้องเรียกร้องในส่วนนี้ เอาเฉพาะค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ศาลจึงคิดคำนวณให้ไม่ได้ เป็นเรื่องนอกฟ้องเกินคำขอ ส่วนการที่คนขับเอาคนเจ็บไปหมกร่องน้ำ ไม่เกี่ยวกับนายจ้าง จึงพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้อง นายบุญเสย
ยุ่งละสิทีนี้ นายลูกชิ้น รู้ว่าเอาอะไรจาก นายชัวร์มาก ไม่ได้ จึงยื่นฎีกาขอให้ศาลบีบเค้น นายบุญเสย จ่ายค่า เสียหายด้วย ไม่งั้นอด
ศ
าลฎีกาเพ่งดูคดีนี้ด้วยความอ่อนล้า แล้วชี้ขาดออกมา
ตามคำฟ้อง นายลูกชิ้น พ่อของ นายก๋วยเตี๋ยว ผู้ตาย ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากการตายของ นายก๋วยเตี๋ยว เท่านั้น ไม่ได้เรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับรถชน ตานี้ได้ความชัดว่า นายก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้ตายเพราะ นายชัวร์มาก ขับรถยนต์ ในฐานะลูกจ้างของ นายบุญเสย และทำในทางการที่จ้าง แต่ตายเพราะ นายชัวร์มาก จงใจฆ่าเพื่อปกปิดความผิด หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาคดีขับรถชน เอาตัว นายก๋วยเตี๋ยว ไปทิ้งหมกน้ำในคูริมถนน เพื่อให้จมน้ำตาย ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละตอนกับเหตุรถชน นายชัวร์มาก ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมีเจตนาต่างหาก นายบุญเสย ไม่ได้จ้างให้ทำ นายบุญเสย จึงไม่มีหน้าที่ร่วมรับผิด ต่อการตายของ นายก๋วยเตี๋ยว ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องถูกต้องแล้ว
ศาลฎีกายอมเมื่อยขาอีกหน พิพากษายืนให้ นายบุญเสย รอดตัวไป บุญเสยแกจริงๆ แหละ
นับว่า นายชั่วมาก มันเหี้ยมเกรียมจริงๆ คดีอาญาศาลน่าจะลงโทษถึงขั้นประหาร อย่างว่าถ้ารับสารภาพ ก็ต้องลดโทษกึ่งหนึ่งทุกรายไป หากไม่ใช่กรณีจำนนต่อพยานหลักฐาน หรือหลักฐานมัด โดยไม่สนคำรับสารภาพ
ก็อย่างที่เสนอมา รถบรรทุก รถพ่วง น่าจะติดไฟสัญญาณแบบใช้หลอดแอลอีดี เพื่อความปลอดภัยของทุกๆ คน ซึ่งบ้านเราไม่ค่อยนำพาเท่าที่ควร
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2524
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92798