วิถีตลาดรถยนต์
"หลุดแสนคัน"
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม, - ,25.5 %
รถยนต์นั่ง ,- ,26.3 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, - ,26.7 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - ,52.0 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,- ,20.7 %
รถอเนกประสงค์ (MPV), - ,25.1 %
อื่นๆ, + ,7.5 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม, +, 13.6 %
รถยนต์นั่ง ,+ ,25.6 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, +, 5.7 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - ,30.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), + ,16.9 %
รถอเนกประสงค์ (MPV), - ,5.8 %
อื่นๆ ,+, 18.7 %
[/table]
นับตั้งแต่โครงการประชานิยม "รถยนต์คันแรก" ออกวาดลวดลายให้คนที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถใหม่ป้ายแดง เปลี่ยนใจมาใช้รถใหม่ป้ายแดง หรือมีความจำเป็นต้องใช้ ด้วยเหตุผลประการใดก็แล้วแต่ ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างพรวดพราดต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน ตัวเลขยอดจำหน่ายรายเดือนที่เกินกว่า 100,000 คัน มีมาให้เห็นจนกลายเป็นเหตุการณ์ปกติ แม้เมื่อโครงการดังกล่าวหมดอายุการใช้งานไป แต่ความต้องการที่ยังตกค้างอยู่ยังส่งผลต่อเนื่องมาอีกหลายต่อหลายเดือน
แต่ในที่สุด โลกแห่งความเป็นจริงก็กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศเริ่มชะลอตัวลงไปตามสภาวะเศรษฐกิจ และความต้องการที่แท้จริง รวมไปถึงเริ่มมีข่าวคราวของการทิ้งใบจองรถยนต์คันแรกเผยแพร่ออกมา ถึงแม้ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ และมีจำนวนน้อย ไม่ได้แสดงถึงความผิดพลาดของโครงการนี้แต่อย่างใด แต่ก็เป็นไปอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า รถราในเมืองใหญ่จะติดขัดมากขึ้น จากรถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ใครที่ใช้รถใช้ถนนคงซาบซึ้งกันเป็นอย่างดี
จาก 100,000 กว่าคัน/เดือน ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเริ่มส่อแววว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา และในที่สุดก็หลุดไปสู่ตัวเลขที่ต่ำกว่า 100,000 คัน ในเดือนกรกฎาคม นี่เอง โดยรถยนต์ทุกรุ่นทุกประเภทมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 98,076 คัน เทียบกับเดือนกรกฎาคม ปี 2555 แล้วแตกต่างกันถึง 25.5 % ถึงแม้ว่ายอดสะสมตั้งแต่ต้นปียังไม่ได้รับผลกระทบมากมายเท่าใดนัก เพราะเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันแล้ว ยอดสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2556 ยังมีตัวเลขที่สูงกว่า 13.6 % มียอดรวมทั้งสิ้น 838,145 คัน
แต่ก็เป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก เพราะเดือนกรกฎาคมนี้ ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ออกมา เป็นการปรับตัวลดลงในเกือบทุกตลาด โดยตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจำหน่ายได้รวม 45,626 คัน ลดลง 26.3 %, พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ จำหน่ายได้ 35,662 คัน ลดลง 26.7 %, พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยอดจำหน่าย 2,158 คัน ลดลง 52.0 %, รถเอสยูวี จำหน่ายได้ 6,469 คัน ปรับตัวลดลง 20.7 %, รถเอมพีวี ยอดจำหน่าย 1,874 คัน ลดลง 25.1 %
ในส่วนของยอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่ต้นปี ตลาดที่มียอดสะสมน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ปรากฏให้เห็นแล้วในส่วนของตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 7 เดือนผ่านไปมียอดจำหน่ายรวมที่ 21,894 คัน ลดลงกว่าช่วง 7 เดือนของปีที่แล้ว 30.3 % และรถเอมพีวี มียอดจำหน่ายรวม 7 เดือน 14,085 คัน ลดลง 5.8 %
ขณะที่ตลาดใหญ่ตลาดหลักอย่างพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็ใช่ว่าจะมียอดสะสมตุนไว้มากกว่ายอดจำหน่ายในช่วงเดียวกันของปี 2555 เท่าใดนัก เพราะต่างกันอยู่เพียง 17,131 คัน หรือ 5.7 % เท่านั้น หากช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีก 5 เดือน ยอดจำหน่ายรถยนต์ประเภทนี้ในแต่ละเดือนรูดติดลบต่อเนื่อง โอกาสที่ยอดรวมทั้งปีจะสู้ปีที่แล้วไม่ได้ ก็เป็นไปได้สูงอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีการประเมินกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศ ปี 2556 นี้จะปรับตัวลดลงบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2555 แต่คงไม่เป็นที่สบอารมณ์เท่าใดนัก สำหรับทีมงานการตลาด และทีมขาย รวมไปถึงฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะนั่นอาจหมายถึง ตัวเลขเงินโบนัสปลายปีที่ต้องปรับลดลงตามสภาพความเป็นจริง
สำหรับผู้นำของตลาดรถยนต์ใหม่ในประเทศยังคงเป็น โตโยตา อยู่เหมือนเดิม ถึงแม้จะมีแววว่าอาจต้องเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งให้กับ ฮอนดา ไปก็ตาม แต่ยอดรวมทั้งหมดยังพอจะภาคภูมิใจได้บ้าง เดือนกรกฎาคม กวาดตัวเลขยอดจำหน่ายไปอีก 34,114 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 34.8 % ขณะที่ยอดรวม 7 เดือน ขยับไปอยู่ที่ 271,042 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 32.3 % อันดับ 2 เป็นของ ฮอนดา ด้วยยอด 16,039 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 16.4 % รวม 7 เดือนมียอดสะสมที่ 147,497 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 17.6 % อันดับ 3 เป็นของ อีซูซุ 14,718 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 15.0 % 7 เดือนผ่านไปยอดรวมอยู่ที่ 135,137 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 16.1 % เบอร์ 4 ของตลาดนี้เป็นของ มิตซูบิชิ ด้วยยอด 7,397 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.5 % ตั้งแต่ต้นปีมาจำหน่ายแล้วรวมทั้งสิ้น 65,508 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาด 7.8 % และอันดับ 5 เป็น นิสสัน ที่จำหน่ายได้ 5,600 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.7 % ยอดรวม 7 เดือน 60,772 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 7.3 %
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดา 5 บแรนด์หัวแถวของยานยนต์ไทยนี้ มีเพียง โตโยตา เท่านั้นที่ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีมามีการปรับตัวลดลง โดยยอดจำหน่ายที่สะสมไว้ 271,042 คันนี้ เป็นตัวเลขที่น้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 6.3 % ขณะที่อีก 4 บแรนด์ที่ตามมา ยังมีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ ฮอนดา ที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 114.3 % เมื่อเป็นเช่นนี้ คาดว่าคงจะได้เห็นกิจกรรมการตลาดที่เข้มข้นมากขึ้นจากทางค่าย โตโยตา ในช่วง 5 เดือนที่เหลืออยู่ รวมไปถึงรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะส่งลงตลาดเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้
ในส่วนของรถพิคอัพ 1 ตัน ที่ในอดีตเคยใช้เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความอยู่ดีกินดีของภาคประชาชน แต่ปัจจุบันวัดได้ยาก เพราะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่เฉพาะสำหรับงานบรรทุกเท่านั้น แต่หนุ่มออฟฟิศ นิสิต นักศึกษา ก็นิยมใช้ไม่น้อยเช่นกัน เดือนกรกฎาคมมีการปรับตัวลดลงทั้งตลาด อันดับความนิยมมีการเปลี่ยนแปลงสลับที่กันระหว่าง ฟอร์ด กับ มาซดา โดย ฟอร์ด หล่นไปอยู่อันดับ 5 ขณะที่ มาซดา แซงกลับมาอยู่ในอันดับ 4 ทั้งนี้ โตโยตา ยังมียอดจำหน่ายสูงสุดเช่นเดิม จำหน่ายไป 14,479 คัน ในเดือนกรกฎาคมส่วนแบ่งการตลาด 40.6 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 117,459 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 37.0 % อันดับ 2 อีซูซุ จำหน่ายได้ 11,894 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 33.4 % รวม 7 เดือนผ่านไปยอดรวมอยู่ที่ 111,688 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 35.2 % อันดับ 3 เป็น มิตซูบิชิ ที่พลัง ทไรทัน ชักจะแผ่วลงไปทุกขณะ เดือนกรกฎาคมจำหน่ายได้ 2,250 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.3 % ยอดรวม 7 เดือน 25,488 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.0 % แต่ก็ลดลงจากปีที่แล้ว 25.5 % อันดับ 4 มาซดา ยอดจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 1,845 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.2 % ตั้งแต่ต้นปีมา จำหน่ายได้ 15,397 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.9 % และอันดับ 5 ฟอร์ด แพ้ มาซดา ไปเพียงแค่คันเดียวเท่านั้น ยอดรวม 7 เดือนยังอยู่ในอันดับ 6 จำหน่ายได้ 13,390 คัน อันดับ 5 ของยอดรวมตั้งแต่ต้นปีเป็น เชฟโรเลต์ 14,169 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.5 %
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ โตโยตา นำโด่งเป็นที่หนึ่ง ด้วยยอด 1,204 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 55.8 % ในเดือนกรกฎาคม รวม 7 เดือนกวาดไปแล้ว 10,644 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 48.6 % อันดับ 2 อีซูซุ 536 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 24.8 % รวม 7 เดือน 6,977 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 31.9 % อันดับ 3 ฟอร์ด จำหน่ายได้ 234 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 10.8 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 2,033 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.3 % อันดับ 4 เป็น เชฟโรเลต์ 70 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.2 % แต่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีอยู่ในอันดับ 5 จำหน่ายได้ 692 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.2 % อันดับ 5 เป็นของ มาซดา 56 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.6 % ยอดรวม 7 เดือนยังอยู่ในอันดับ 6 ส่วนอันดับ 4 ของยอดรวม 7 เดือนเป็น มิตซูบิชิ 732 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.3 %
ตลาดรถเอสยูวี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับความนิยม ทั้งในยอดจำหน่ายรายเดือน และยอดสะสม แต่มีเสียวบ้างสำหรับยอดสะสมอันดับ 5 ซึ่งเป็นของ อีซูซุ เพราะ ซูบารุ ที่ได้รับความนิยมจาก เอกซ์วี ใหม่ ไล่กวดเข้ามาอย่างกระชั้นชิด และทำท่าว่าจะแซงผ่านเสียด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เดือนกรกฎาคม อันดับ 1 โตโยตา 2,706 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 41.8 % อันดับ 2 เชฟโรเลต์ท์ 1,398 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 21.6% อันดับ 3 ฮอนดา 1,080 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 16.7 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ 828 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 12.8 % และอันดับ 5 ซูบารุ 210 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.2 % รวมตั้งแต่ต้นปีอันดับ 1 โตโยตา 18,471 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 32.6 % อันดับ 2 ฮอนดา 15,132 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 26.7 % อันดับ 3 มิตซูบิชิ 10,375 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 18.3 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 8,546 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 15.1 % และอันดับ 5 อีซูซุ 1,274 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.3 % สำหรับ ซูบารุ อยู่ในอันดับ 6 ด้วยยอด 1,224 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.2 % ดูจากยอดจำหน่ายเฉลี่ยแต่ละเดือนแล้ว ช่วงห่างระหว่าง อีซูซุ กับซูบารุ ที่ 50 คัน ทำให้เดือนสิงหาคม อาจเห็น ซูบารุ ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 5 แล้ว
รถเอมพีวี ตลาดนี้ยอดจำหน่ายไม่สูง แต่อันดับความนิยมสลับสับเปลี่ยนไม่ใช่น้อย เดือนกรกฎาคม อันดับ 1 ยังเป็น โตโยตา ด้วยยอด 789 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 42.1 % แต่อันดับ 2 กลายเป็น ซูซูกิ ไปด้วยยอดจำหน่าย 426 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 22.7 % เฉือน ฮอนดา ที่จำหน่ายได้น้อยกว่า 3 คัน ทำให้ ฮอนดา หล่นไปอยู่ที่ 3 แทน มีส่วนแบ่งการตลาด 22.6 % อันดับ 4 เป็น เชฟโรเลต์ ที่มีน้องใหม่เป็นเอมพีวีขนาดคอมแพคท์ชื่อ สปิน จำหน่ายได้ 171 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.1 % และอันดับ 5 ปโรตอน จำหน่ายได้ 33 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.8 %
รวม 7 เดือน โตโยตา อยู่อันดับ 1 ด้วยยอด 7,253 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 51.5 % อันดับ 2 ฮอนดา 5,519 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 39.2 % อันดับ 3 กลายเป็น ซูซูกิ 499 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.5 % อันดับ 4 ปโรตอน 367 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.6 % และอันดับ 5 เชฟโรเลต์ 179 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.3 %
เดือนสิงหาคม แอททราจ ของ มิตซูบิชิ น่าจะพ้นช่วงรัน-อินไปแล้ว ตัวเลขรถยนต์นั่งของค่ายนี้น่าจะขยับสูงขึ้น แต่จะเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่ ตามดูกันต่อไป
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92794