ระหว่างเพื่อน
รวย-จน ก็คนเหมือนกัน
มนุษย์เราเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ยังมีข้อสงสัยกันอยู่หลายเรื่อง แม้กระทั่งความจน และความมีทรัพย์ ยังวัดกันไม่ถูก เมื่อ 50 ปีก่อน ใครปลูกบ้านราคา 1 ล้านบาท ก็เรียกว่ารวย วันนี้ ซื้อบ้านจัดสรรหลังหนึ่ง ราคาขึ้นต้น 40 ล้านบาท ยังไม่รู้ว่าเรียกได้หรือเปล่าว่ารวย
ชีวิตในสหรัฐอเมริกา มีความพยายามสวมบทตุลาการพิพากษาว่าเท่าไร ควรเรียกว่ารวย ความพยายามเหล่านั้นมาจากกระจกหกด้านของสังคม
ทางด้านภาพยนตร์
มีภาพยนตร์เรื่อง AUSTIN POWERS ผู้ร้ายชื่อ ดร. เอวิล ถูกจับแช่แข็งตั้งแต่ยุคสมัยทศวรรษที่ 60 ตื่นจากการละลายน้ำแข็งแกก็กรรโชกผู้นำมหาประเทศว่า ต้องหาเงินมาให้แก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ผู้คนก็หัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก
ผู้ร้าย สงสัยอาการหัวเราะอยู่นาน กว่าจะคิดออกว่า แกคงเรียกเงินน้อยไป ต้องหาจำนวนเงินในการกรรโชกใหม่ เรียกไปแล้วต้องให้มันร้องไห้ ดังนั้นมันก็เลยเรียกใหม่
...เอาเงินมาให้เดี๋ยวนี้ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ประมาณ 3 พันล้านล้านบาท...!
ภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งชื่อ THE SOCIAL NETWORK ก็ผสมโรงสร้างค่ามาตรฐานความรวย ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนี้คือประวัติที่มาของ FACEBOOK ตัวละคร 2 ตัว คุยกันในเรื่อง
ฌอน พาร์เคอร์ : แกก็รู้นี่ว่าอะไรมันดีเลิศประเสริฐศรีกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ?
เอดูอาร์โด ซาเวอริน : ตัวแกงั้นเรอะ ?
ฌอน พาร์เคอร์ : 1 พันล้านดอลลาร์ไง...!
ฌอน พาร์เคอร์ รับบทโดย จัสติน ทิมเบอร์เลค และ เอดูอาร์โด ซาเวอริน รับบทโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์
บทสนทนาระหว่างตัวละครในภาพยนตร์เกิดขึ้น ในขณะความสำเร็จของ FACEBOOK ยังไม่ให้ตัวเลขเท่าที่ พาร์เคอร์ ระบุ แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานความร่ำรวยให้สังคมรู้ว่า มี 1 ล้านไม่รวยเท่ามี 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
ภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง มีสถิติรายได้เกินพื้นฐานความร่ำรวย เช่นภาพยนตร์เรื่อง อวตาร และ ไททานิค ทำรายได้เกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
เช่นเดียวกับเรื่อง LORD OF THE RINGS: RETURN OF THE KING เรื่อง PIRATES OF THE CARIBBEAN: DEAD MANS CHEST เรื่อง TOY STORY 3 เรื่อง ALICE IN WONDERLAND และเรื่อง THE DARK KNIGHT
นิตยสารอเมริกัน ฟอร์บส์ ว่าด้วยการเงินและเรื่องราวของอัครมหาเศรษฐี มีการประกาศผลอันดับความรวยทุกปี
31 ปีที่แล้ว ทำเนียบมหาเศรษฐีอเมริกัน 400 คนแรก มีเพียง 13 คน ที่รวยในระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ 28 ปีต่อมา ทุกรายนามที่ปรากฏล้วนมีทรัพย์สินเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ คนที่รวยที่สุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือ บิลล์ เกทส์ แกรวยด้วยตัวเลข 54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
เศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ไม่ใช่มีเพียงคนอเมริกัน คนจากประเทศอื่นก็มีด้วยในปีเดียวกัน ทั้งอินเดีย จีน ตุรกี โรมาเนีย อิตาเลีย โปแลนด์ และมาเลเซีย
การชี้นำในด้านหนังสือที่วางขาย ก็มีให้เห็นเกลื่อนร้านหนังสือ เช่นหนังสือเรื่อง THE MIDDLECLASS MILLIONAIRE ปี 2008 ระบุว่า คนอเมริกัน 8.4 ล้านคน มีฐานะอยู่ระหว่าง 1 ล้านกับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
แปลว่า อเมริกันชนที่เหลือจาก 8.4 ล้านคน จนกันถ้วนหน้า แต่ขณะเดียวกันหนังสือก็ให้กำลังใจว่า คุณเองก็ยังมีสิทธิ์ร่ำรวย โดยมีกาลเวลาเป็นคนตัดสิน
เจ้าของร้านขายหนังสือยอมรับว่า หนังสือที่มีคำว่า พันล้าน ปะปนอยู่ในชื่อหนังสือ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกเล่ม เช่น TRUMP STRATEGIES FOR REAL ESTATE: BILLIONAIRE LESSONS FOR SMALL INVESTOR. หรือหนังสือชื่อ THINK LIKE A BILLIONAIRE. หรืออีกเล่มหนึ่ง BLUEPRINT TO A BILLION: 7 ESSENTIALS TO ACHIEVE EXPONENTIAL GROWTH.
แม้แต่หนังสือประเภทสำหรับเยาวชน ยังต้านกระแสไม่อยู่ เอากะเขามั่ง THE BILLIONAIRES CURSE และ MR. GUM AND THE BISCUIT BILLIONAIRE และ MILLIONAIRE BOY. เรียกว่า ปลุกกระแสกันตั้งแต่เด็กเลย ได้ผลหรือไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็กระตุ้นต่อมความทะเยอทะยานขึ้นให้ถึงระดับอัครมหาเศรษฐี
ทางด้านดนตรี
ก็มีการชี้นำเช่นกัน และค่อนข้างจะมีอิทธิพลเพราะผู้คนสร้างกระแสความนิยมไปที่การดนตรี
เพลงของ ทราวี แมคคอย ชื่อเพลงรับประกันกินขนมฟรี คือ BILLIONAIRE บรรยายเนื้อหาว่า ถ้าผมเป็นนักร้องมีเงินพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ-ผมควรทำอะไรดี ?
- รับเด็กมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม
- ซื้อรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ มาแจกเล่น
- ปรับโฉมเมืองเสียใหม่ให้กับ นิว ออร์ลีนส์ นาครแห่งประเพณีอนุรักษ์
ปรากฏว่าเพลงของเขา ติดอันดับ บิลล์บอร์ด 100 เพลงขายระเบิดเถิดเทิง นานถึง 20 สัปดาห์ มีอยู่ 1 สัปดาห์ที่ติดอันดับที่ 4 ใน 100 เพลงแรก
ว่ากันตรงๆ เพลงนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากต้องการชี้ให้คุณเห็นว่า ถ้าชีวิตต้องการเปลี่ยน ก็ต้องด้วยเงินพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ เท่านั้น
ทางด้านอสังหาริมทรัพย์
ก็อย่างที่ขึ้นต้นนั่นแหละครับ ก่อนนี้ปลูกบ้านราคา 1 ล้านบาท สังคมก็ฮือฮาแล้ว วันนี้มีล้านบาทซื้อบ้านอยู่ไม่ได้
ในสหรัฐอเมริกาก็เหมือนกัน สมัยนี้ อเมริกันชนมีล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ซื้อบ้านใน 10 หัวเมืองใหญ่ไม่ได้ นี่พูดกันเมื่อ 2 ปีที่แล้วนะ
เขาพูดกันว่า เมืองที่บ้านพักอาศัยมีราคาแพงที่สุด คือ เมือง นิวพอร์ท บีช ในแคลิฟอร์เนีย ราคาเฉลี่ยแต่ละหลังเริ่มต้นที่ 1.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
ถูกลงมาก็มี เริ่มต้นที่ 1.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ แต่ต้องไปอยู่ที่ ซานตา บาร์บารา ซึ่งก็แคลิฟอร์เนียเหมือนกัน แต่ภูมิทัศน์ต่างกัน
ราคาเริ่มต้นเหล่านี้ ยังไม่ได้รวมค่าตกแต่ง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น สวนหย่อม โรงรถ จิปาถะอุปโภค
ผมเคยได้ยินเพื่อนบอกว่า ราคาเริ่มต้น 70 ล้านบาท มี 100 ล้าน ยังซื้อไม่ได้เลยว่ะ ก็เห็นจะจริงของมัน
ด้านกีฬาอาชีพ
เห็นชัดเจนมาก ล่าสุดที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สาวน้อยมหัศจรรย์ คว้าแชมพ์โลกแบดมินทัน 2013 เฉพาะเงินอัดฉีด 2.5 ล้านบาท นี่ถือว่ากระจอกมากในวงการกีฬาอาชีพระดับโลกแล้ว ต้องพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขึ้น
ฟุตบอลระดับโลกหลายทีม อัครมหาเศรษฐีทั้งนั้น ในปี 2008 ที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดอันดับ 1 ของโลก คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเทด มียอด 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ที่ 2 เป็นเรอัล มาดริด มีอยู่ 1,285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ และที่ 3 คือ อาร์เซนอล 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขณะที่บาร์เซโลนา ยังมีแค่ 784 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
5 ปีต่อมาในปี 2013 ฟอร์บส์ ระบุ แมนเชสเตอร์ ยูไนเทด มีมูลค่าทางทรัพย์สิน 3,165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ร่วงเป็นที่ 2 เรอัล มาดริด ที่สเปนที่มียอด 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ แซงขึ้นเป็นที่ 1 ตามด้วยทีมบาร์เซโลนา 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขณะที่ อาร์เซนอล ของเมืองผู้ดีที่ลอนดอนเป็นอันดับ 4 มีทรัพย์สิน 1,326 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ
มาตรฐานความยากจนของผู้คน อย่าง ยูกันดา พลเมืองร้อยละ 37.7 มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ จีดีพี ของเขา 1,317 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ/คน/ปี ( ปี 2011)
สาธารณรับโมซัมบิก จีดีพี ปี 2011 อยู่ที่ 1,085 ดอลลาร์/คน/ปี มนุษย์เงินเดือนที่กินเงินหลวงของเขา เดือนละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ประมาณ 1,800 บาท
สาธารณรัฐซิมบับเว ในปี 2011 มีจีดีพี อยู่ที่ 487 ดอลลาร์/คน/ปี นอกจากความยากจนแล้ว พลเมืองของเขายังเสี่ยงตายด้วยโรคร้าย ทั้ง HIV และ AIDS
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ในปี 2011 มี จีดีพี อยู่ที่ 348 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ/คน/ปี พลเมืองมีประมาณ 71 ล้านคน มากกว่าฝรั่งเศส 6 ล้านคน แต่ความเป็นอยู่ห้ามนำมาเปรียบเทียบ
ประเทศไทย ยังไม่ติดอันดับใน 20 ประเทศที่ยากจน
สรุปแล้ว เกิดมารวยดีกว่าไหม ? คำตอบก็คือ ยังไม่ดีกว่าเพราะแม้ว่าคุณจะคาบช้อนทองออกมาดูโลก แต่คุณก็ยังต้องแข่งขันกับมนุษย์ที่รวยเกินพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ตั้งแต่อายุยังไม่ 30 ปี อย่าง บิลล์ เกทส์ หรือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นต้น...
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92601