โค้งอันตราย
เรื่องจริง
อย่างที่เล่าสู่กันฟังมาหลายหนแล้ว ว่าความเป็นจริงของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย กำลังจะกลับมา หลังเกิดความปั่นป่วนของตลาดเมื่อปีก่อน จากโครงการรถคันแรก ทำให้ยอดการส่งมอบรถยนต์ช่วงครึ่งปีแรก เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะการเร่งการผลิตและส่งมอบของค่ายรถยนต์
และแล้ว ความจริงก็ปรากฏ จากตัวเลขการขายในเดือน 7 กรกฎาคม ร่วงกราวรูดถึง 25.9 % ขายกันไม่ถึงแสนคัน 96,766 คัน เท่านั้นเอง แต่ตัวเลขยอดรวม 7 เดือนยังคงดีอยู่ เพิ่ม 13.4 % ได้ตัวเลข 828,924 คัน
ยอดขายรถอย่างนี้ ประเมินกันได้ว่า เป็นปกติของยอดขายในช่วงฤดูฝน ที่จะต้องลดลงช่วงกลางปี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูขายในช่วงปลายปีอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่ตัวเลขลดลงฮวบฮาบ ในระยะเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะตัวเลขของโครงการรถคันแรก ค่ายรถยนต์ เร่งการผลิต เร่งส่งมอบไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทำให้สภาพตลาดกลับมาสะท้อนให้เห็นความต้องการที่เป็นจริงของผู้บริโภค
แต่อย่างไรก็ตาม ค่ายรถยนต์ต่างก็เร่งการจัดกิจกรรมทางการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดสงครามโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน ในทีวี มากมาย จนเดี๋ยวนี้ การจะซื้อรถสักคัน มีอุปกรณ์มาตรฐานเป็นประกันภัยชั้น 1 หนึ่งปี กันไปเรียบร้อย
ยี่ห้อไหนไม่มีบ้าง ยกมือขึ้น
แม้แต่ค่ายยักษ์ใหญ่ ที่ไม่ค่อยจะมีแคมเปญออกมาสู่สายตาประชาชน ยังต้องลงมายิ้มสู้กับตลาดช่วงนี้ด้วยเลย
นี่แหละเรื่องจริง ของจริง มีคนมาคำนวณส่วนลดที่ค่ายรถยนต์ลดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย 0 % หรือส่วนลดเงินสดสารพัดอย่าง แต่ละยี่ห้อ อย่างต่ำๆ ก็ระดับ 40,000 บาท ไปจนเกือบแสนทีเดียว ขึ้นอยู่กับรุ่น อยู่กับยี่ห้อ ยิ่งรุ่นใหญ่ กำลังจะตกรุ่น ลดกันเกือบ 2 แสนบาทไทย
ไม่ต้องบอกชื่อยี่ห้อ หรือชื่อรุ่นก็ได้นะจ๊ะ
มาเรื่องอื่นดีกว่า อย่างเช่น เรื่องพโรดัคท์ แชมเพียน ตัวใหม่ล่าสุด
หลังเป็นข่าวกันมานาน มีเสียงซุบซิบว่า อีโคคาร์รอบ 2 จะเล่นเรื่อง ค่ามลพิษจากไอเสีย เล่นเรื่องน้ำมัน อี 85 ก็ได้ความจริงออกมาเสียที
สรุปว่าอีโคคาร์ รอบ 2 จะเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เท่ากับอีโคคาร์ รุ่นที่ 1 และไม่เกิน 1,500 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่มขึ้นจากอีโคคาร์ 1 อยู่ที่ 1,400 ซีซี
ค่ามลพิษใช้มาตรฐานยูโร 5 หรือปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับหรือต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร (กม.) จากเดิมที่ 120 กรัม/กม. และประหยัดพลังงานได้ที่ 4.3 ลิตร/100 กม. จากเดิม 5 ลิตร/ 100 กม.
และหากปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้น้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/กิโลเมตร จะเสียภาษีสรรพสามิตอัตรา 14 % ขณะที่อีโคคาร์ปัจจุบันเสียภาษีอยู่ที่ 17 %
โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้น ราวคันละ 400,000 บาท
ซึ่งนั่นก็คือรถเล็กแน่นอน และเป็นรถที่เมืองนอกเมืองนา เขามีกันมานานแล้ว แต่เมืองไทยไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก เพราะประชากรส่วนใหญ่ จะมีรถเพียงแค่คันเดียวทั้งครอบครัว ไปไหนที ก็ยกขบวนกันเต็มคันรถ แต่สภาพความเป็นจริงมันเริ่มเปลี่ยน กลายเป็นทุกคนอยากมีรถของตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องไปทรมานกับองค์การขนส่งมวลชน และปัญหาของการจราจร ที่ติดกันทั่วทุกหัวระแหง รวมทั้งทุกครั้งที่ฝนตกด้วย
และเป็นเหตุผลหนึ่งที่โครงการรถคันแรกได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย เพราะราคาและเงินคืนภาษีเป็นแรงจูงใจ
ซึ่งก็ทำให้หนี้สินของครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงิน เข้มงวดเรื่องสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพราะกลัว เอนพีแอล (NPL)กลับมาอีกครั้ง
ก็ว่ากันไปตามสถานภาพของแต่ละบุคคลก็แล้วกัน
อีกเรื่องหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ที่ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณของคนไม่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีหนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งหนี้บัตรเครดิท หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้รถยนต์คันแรก หนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดที่อยู่อาศัยลดน้อยลง จนทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถอนุมัติวงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้านให้ได้ ทั้งๆ ที่เกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อยังคงเดิม
ท่านผู้รู้ท่านว่าปัจจุบันความสามารถในการขอสินเชื่อของลูกค้าลดลง เนื่องจากมีหนี้สินมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้สัดส่วนของลูกค้าที่ขอสินเชื่อไม่ผ่าน จะมาจากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เอนพีแอล ประมาณ 30 % ความสามารถในการผ่อนชำระหรือมีหนี้มาก 30 % และอื่นๆ 40 % แต่ปัจจุบัน ความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มขึ้นเป็น 50 % เอนพีแอล 20 % อื่นๆ 30 % สะท้อนหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงมาก
นั่นก็เป็นเหตุผลใหญ่ ที่การขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เริ่มเข้มงวดมากขึ้น และเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ยอดการขายรถยนต์ ไม่เพิ่มมากไปกว่านี้
ขี้เกียจส่งคนไปตามยึดนะขอรับเรื่องเล่าเรื่องต่อไป เป็นเรื่องของรถโดยสารสาธารณะ สรุปว่า ขสมก. จะจัดซื้อรถโดยสารใช้แกสธรรมชาติ ซีเอนจี จำนวน 3,183 คัน เพื่อทดแทนรถโดยสารธรรมดา จำนวน 1,659 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 1,524 คัน โดยจะดำเนินการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอีเลคทรอนิคส์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แบ่งการประมูลเป็น 8 กลุ่ม
การจัดซื้อครั้งนี้ เพื่อทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล พร้อมทั้งจะจัดระบบเส้นทางเดินรถ และปรับอัตราค่าโดยสาร ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาของคณะทำงาน รวมทั้งเรื่องการใช้ตั๋วร่วม เพื่อการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ เช่นกัน
ก็คาดว่า จะสามารถสรุปผลการศึกษาได้ประมาณเดือนธันวาคม 2556 แต่จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อไปก่อน
ลงมือทำกันได้เสียที เพราะเห็นสภาพรถโดยสารสาธารณะปัจจุบันแล้ว แย่เต็มทน
ก็ต้องทนทำใจกันไปอีกพักใหญ่ๆ กว่าโครงการรถไฟฟ้าหลากสีจะแล้วเสร็จ การจราจรที่จลาจลในปัจจุบัน จำนวนรถที่เพิ่มมากขึ้น ถนนที่ไม่ค่อยจะเพิ่มตามปริมาณรถ รถโดยสารสาธารณะที่สภาพทรุดโทรม
เกิดเป็นคน กทม. ยังไงก็ต้องทนนะขอรับ ไม่งั้นก็ต้องไปอยู่ป่าแล้ว
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92598