มุมมองนักออกแบบ
ฮันเด เวโลสเตอร์ & มีนี คลับแมน
ภัทรกิติ์ : รถ 2 คันนี้ เป็นรถรูปทรงประหลาด ซึ่งเหมาะกับคนชอบของแปลก ขอเริ่มที่รุ่นพี่ก่อน คือ มีนี คลับแมน เป็นการนำรถ มีนี คูเพอร์ รุ่นธรรมดา มายืดฐานล้อให้ยาวขึ้น แล้วใส่ประตูท้ายเข้าไป ถือเป็นรถที่มีความเก๋ไก๋ ใครเห็นก็รู้สึกว่ารถคันนี้แปลก ด้วยประตูท้ายที่เปิดแยกออกจากกัน ให้ความสะดวกในการขนสัมภาระมากทีเดียว โดยเลือกเปิดทีละข้างก็ได้ แม้จะมีเสาโผล่มาตรงลางกระจกมองหลังก็ตาม
อภิชาติ : ชื่อ "คลับแมน" มีมาตั้งแต่ยุค '70 ในยุคนั้นเป็นรถที่มีขนาดเท่ากับ มีนี คลาสสิค แต่ใช้เรียกกับรุ่น "ยกหน้า" ส่วนในปัจจุบัน มีนี คลับแมน กลายเป็นชื่อเรียกของรุ่น เอสเตท ที่มีความยาวของตัวรถเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 240 มม. และมีระยะห่างระหว่างฐานล้อหน้า/หลัง เพิ่มขึ้นอีก 80 มม. ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ มีนี คลับแมน นั่งสบายกว่าแบบรุ่นปกติ แต่มีประตูท้ายที่แปลกออกไป
โดยใช้ระบบที่เรียกกันทั่วไปว่า BI-PARTING หรือจะแปลเป็นไทย คือ ประตูแบบเปิด 2 ฝั่ง หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ประตูตู้กับข้าว" แต่ผมว่าระบบประตูท้ายที่กล่าวมานั้น ยังไม่แปลกเท่ากับประตูข้างที่มีอยู่บานเดียวของรถคันนี้
ภัทรกิติ์ : ประตูบานที่ 3 ที่อยู่ด้านข้างของรถรุ่นนี้ ไม่ได้ย้ายตามพวงมาลัย ดังนั้นรุ่นที่มาขายในบ้านเราเลยกลายเป็นปัญหาอึดอัด เนื่องจากประตูข้างอยู่ด้านขวา และเป็นประตูบานเล็ก แต่มาอยู่ด้านหลังผู้ขับ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก มีนี เป็นรถอังกฤษประตูบานที่ 3 ควรจะอยู่ตรงข้ามกับผู้ขับ แต่ต้องเข้าใจว่าในโลกนี้รถพวงมาลัยซ้ายมีจำนวนมากกว่ารถพวงมาลัยขวา เขาเน้นขายประเทศอื่น ซึ่งผู้ใช้ทั้งบ้านเราและในประเทศอังกฤษก็ต้องอดทน เพราะถ้าจะให้ผู้โดยสารขึ้นรถผ่านประตูบานที่ 3 ผู้ขับคงต้องลงมายืนอยู่กลางถนน
อภิชาติ : เห็นด้วยเรื่องประตูบานที่ 3 แต่เราค่อนข้างเห็นจนชินตา ประตูรูปแบบนี้ กระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ นำมาใช้เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งตอนนั้นก็โดนบริษัทคู่แข่งเกทับเรื่องโครงสร้างความปลอดภัย แต่คนที่รู้เรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์ก็จะไม่แปลกใจเพราะประตูรูปแบบนี้ มีการผลิตจำหน่ายในต่างประเทศมานานแล้ว และได้รับความนิยมสูงเพราะเพิ่มความสะดวกเรื่องการเข้า/ออกห้องโดยสาร
ภัทรกิติ์ : ถ้าอยู่ในประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยซ้าย ประตูบานที่ 3 น่าจะเพิ่มความสะดวกบ้าง แต่พอมาอยู่ในบ้านเราก็ต้องเจอกับปัญหาที่ว่ามา และน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นรถรุ่นนี้บนท้องถนน และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ มีนี คลับแมน มีช่องประตูด้านขวาใหญ่มาก ทำให้ต้องมีการเสริมความแข็งแรงเยอะกว่าปกติ จนรู้สึกได้ถึงความกระด้างของตัวรถ แต่ถือเป็นรถที่เก๋ ใครอยู่เมืองนอกก็ซื้อได้ ผมชอบประตูท้ายที่สามารถเปิดแยกได้ 2 บาน มันมีรูไฟท้ายด้วย ต้องสังเกตเวลาเปิดฝาท้าย ดวงไฟจะติดอยู่กับตัวถัง ลูกเล่นนี้น่ารักมาก เรื่องลูกเล่น "มีนี" ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
อภิชาติ : แต่ผมกับชอบเรื่องการออกแบบเสาหลัง (REAR PILLAR) ที่ให้ความรู้สึกว่ารถคันนี้มีลูกเล่นมากขึ้น เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ทริมสีอะไร ไม่ว่าจะเป็น สีเงิน หรือสีดำ เพื่อให้เหมาะกับสีของตัวรถ ถ้าใครต้องการให้เสาหายไปก็เลือกแบบที่เป็นสีดำ เพราะมันจะทำให้ดูกลืนไปกลับกระจกมองข้าง แต่ถ้าจะให้ดูแปลกเด่นไปเลยก็ต้องเลือกเป็นสีเงิน
ฟอร์มูลา : ผมชอบ ฮันเด เวโลสเตอร์ ตรงที่เขาย้ายประตูบานที่ 3 ตามพวงมาลัย
อภิชาติ : ดูเหมือน ฮันเด ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจาก มีนี คลับแมน เขาจึงออกแบบให้ประตูบานที่ 3 ย้ายหนีพวงมาลัย
ภัทรกิติ์ : มีนี คลับแมน เป็นรถที่มีไอเดียเก๋ๆ แต่มันไปไม่สุด สำหรับ ฮันเด เวโลสเตอร์ เป็นรถที่เต็มไปด้วยไอเดียแปลกๆ
อภิชาติ : ฮันเด เวโลสเตอร์ เริ่มต้นจากรถแนวคิดชื่อ เอชเอนดี-3 เมื่อปี 2007 โดยดำเนินการออกแบบที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ ฮันเด ที่ขายในบ้านเรา บางรุ่นออกแบบที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นอาจจะมีความแตกต่างในกระบวนการออกแบบที่อาจจะดูแปลกตาไป
ภัทรกิติ์ : เห็นครั้งแรกคิดว่าก็คงเป็นประตูเหมือนๆ กับเขาแหละ แต่จริงๆ แล้วไม่เหมือน เพราะมันเป็นประตูแบบปกติ
ฟอร์มูลา : หมายถึงไม่ได้ใช้ประตู "ตู้กับข้าว"
ภัทรกิติ์ : ใช่ครับ ถ้าถามว่าเก๋ไหม มันดูแปลกๆ แต่ใช้งานได้ไหม ตอบได้เลยว่าได้ ถามว่าเข้า/ออกสะดวกไหม ตอบเลยว่าไม่สะดวก
ฟอร์มูลา : เป็นเพราะพื้นที่ห้องโดยสารมีไม่มากหรือเปล่า
อภิชาติ : เห็นด้วยครับ มันอาจจะต่างกันตรงที่ ฮันเด เวโลสเตอร์ มีเสาบี พิลลาร์ (B PILLAR) ขวางอยู่ แต่ มีนี คลับแมน ไม่มีเสามาขวาง เลยทำให้ผู้โดยสารสามารถเข้า/ออก ห้องโดยสารสะดวกกว่า ผมไม่แน่ใจว่าทีมออกแบบเขามีความตั้งใจอะไรถึงออกแบบโครงสร้างในลักษณะนี้ แต่ถ้าเราดูรายละเอียดการออกแบบก็จะเห็นความตั้งใจของทีมงาน เพราะมีการซ่อนมือจับประตูไปอยู่ที่แนวกระจก ทำให้ดูเหมือนไม่มี แต่เราก็จะเห็นการออกแบบลักษณะนี้อยู่ใน เชฟโรเลต์ โซนิค ที่ออกแบบการจัดวางมือเปิดประตูหลังเช่นเดียวกัน
ภัทรกิติ์ : ผมว่าช่องประตูมันเเคบมาก แล้วมีเสาบีเพิ่มเข้ามาอีก ยิ่งทำให้แคบไปกันใหญ่ ประตูก็ค่อนข้างหนาอยู่แล้ว
ฟอร์มูลา : แคบเหมือนที่เห็นเมื่อยามใช้งาน
ภัทรกิติ์ : รถกลุ่มนี้เขาไม่ได้ให้เข้า/ออกด้านหลังกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ส่วนเบาะหลังก็ใช้งานได้จริง...แต่ผมนั่งไม่ได้นะ
ฟอร์มูลา : ผมมองเหมือนเขาสร้างเป็นจุดขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ส่วนเกินบ้างเล็กน้อย ประมาณเพื่อนนางเอก
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92497