กิจกรรม(formula)
เซดเอฟ ก้าวสู่ยานยนต์ยุคหน้ากับวิสัยทัศน์ใหม่
"เซดเอฟ" คือ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ร่วมทีมพัฒนาคู่กับหลายบริษัทยานยนต์ชั้นนำ มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญเรื่องระบบส่งกำลัง ระบบรองรับ และระบบบังคับควบคุม ในยานยนต์สารพัดแบบ เริ่มตั้งแต่รถเก๋ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ไปจนถึงเรือดำน้ำกัน รวมไปถึงระบบขับเคลื่อนสำหรับอุตสาหกรรมหนัก เรียกได้ว่าอะไรที่มีการถ่ายทอดกำลังจากแหล่งกำเนิดพลังงาน เขาทำหมด ! มีพนักงานราว 75,000 คนทั่วโลก จากบริษัทในเครือ 121 บริษัท ใน 126 ประเทศ ยอดขายโดยรวมเมื่อปีที่แล้ว 7.2 แสนล้านบาท ใช้งบวิจัยและพัฒนากว่า 36,000 ล้านบาท และยังมีศูนย์บริการและซ่อมบำรุงกระจายอยู่กว่า 650 แห่งทั่วโลก
ครั้งนี้ เซดเอฟ เชิญเราไปเยี่ยมบ้านเกิดของเขาที่เยอรมนี พาไปเมืองวืร์ซบวร์ก (WURZBURG) เพื่อดูเทคโนโลยีล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวต่อสาธารณชนในงาน "มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท 2013" (IAA) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยให้เราทดลองขับรถกว่า 40 รุ่นในหนึ่งวัน ! โดยทุกคันล้วนเป็นรถยนต์จากค่ายที่ เซดเอฟ ร่วมพัฒนาอยู่ด้วย มีทั้งรถเก๋งเล็ก-กลาง-ใหญ่ รถกระบะ รถหรู รถกิจกรรมกลางแจ้ง รถสปอร์ท รวมถึงรถต้นแบบที่ยังไม่เปิดตัว
เขาพาเราไปสนามทดสอบเมืองชลืสเซลเฟล์ด (SCHLUSSELFELD) ของหน่วยงานกลางด้านยานยนต์ของประเทศเยอรมนี (ADAC) สนามแห่งนี้ถูกจัดเป็น 7 สถานีย่อย เพื่อให้เราได้สัมผัสกับสิ่งที่เขา "ทำกับมือ" ป้อนส่งบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำ หลังจากนั้นเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาเมืองชไวน์ฟวร์ท (SCHWEINFURT) ห่างไปไม่ไกลนัก และปิดท้ายรายการด้วยการแวะดูระบบบริหารคลังสินค้าที่ทันสมัย รวดเร็ว และแม่นยำที่สุด เพราะมีระบบเบิกสินค้าในคลังด้วยหุ่นยนต์
เนื่องจากโควตาหน้ากระดาษมีจำกัด ผมขอสรุปเอาเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีวันหน้า...ที่มาวันนี้ ที่ได้จากการลองรถ 40 รุ่นแบบไม่แยกคัน โดยแบ่งเป็น 6 หัวข้อหลักของสถานีทั้งหมด
DRIVELINE TECHNOLOGY: ในรถหรูอย่างใน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7 และสปอร์ทเปิดประทุนรุ่นล่าสุด เอฟ-ไทพ์ จากค่าย แจกวาร์ หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งสุดหรูอย่าง แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ โรเวอร์ ล้วนใช้ระบบถ่ายทอดกำลังอัตโนมัติ 8 จังหวะของ เซดเอฟ ยิ่งกว่านั้นยอดรถสปอร์ทจากเมืองเบียร์อย่าง โพร์เช 911 และ เคย์แมน ก็เลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะคลัทช์คู่ของ เซดเอฟ ด้วยเช่นกัน
CONTINUOUS DAMPING CONTROL (CDC): สถานีนี้เราได้สัมผัสชอคอับที่สามารถปรับค่าความหนืดต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพถนน สถานการณ์ และน้ำหนักบรรทุก ควบคุมการสั่งงานด้วย ECU (ELECCTRONIC CONTROL UNIT) โดยคำนวณค่าต่างๆ จากเซนเซอร์ และปรับค่าความหนืดของชอคอับแต่ละตัวอย่างอิสระ ตอบสนองภายในเสี้ยววินาที เช่น ในขณะเข้าโค้งชอคอับคู่ที่อยู่ด้านนอกโค้งจะถูกปรับให้แข็งขึ้น หรือในขณะเบรคกะทันหันชอคอับคู่หน้าจะถูกปรับให้แข็งขึ้นเพื่อลดอาการท้ายยก ระบบนี้ทำให้ช่วงล่างในอุดมคติเป็นจริงได้ เนื่องจากผู้ขับขี่รู้สึกได้ทั้งความนุ่มนวล และการควบคุมบังคับที่แม่นยำในเวลาเดียวกัน ระบบนี้ยังถูกนำไปใช้ในรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่อย่าง บีเอมดับเบิลยู อาร์ 1200 จีเอส และ ดูกาติ มัลทิสตราดา อีกด้วย ปัจจุบันระบบ CDC ถูกพัฒนาเป็นเจเนอเรชันที่ 4 แล้ว CDC 1XL เริ่มติดตั้งในรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งนับว่าแก้ปัญหาได้ถูกจุด เนื่องจากการกระจายน้ำหนักที่ดีนั้น มีผลต่อการทรงตัวของรถยนต์ขนาดเล็กอย่างมาก
9HP TEST DRIVE: เซดเอฟ เปิดตัวเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นครั้งแรกในโลก เขาว่ามันช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 16 % เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะตัวเดิม (ความเร็วคงที่ 120 กม./ชม.) เกียร์ชุดดังกล่าวจะติดตั้งเป็นครั้งแรกใน แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค รุ่นปี 2013 โดยเกียร์จะมีขนาดเล็กลง ขณะที่เพิ่มจังหวะเกียร์มากขึ้น ช่วยทำให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ถี่ ชิด และรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้ทั้งประหยัดน้ำมัน ตอบสนองเร็ว และขับสบายในเวลาเดียวกัน จากข้อมูลของ เซดเอฟ ระบุว่ารถยนต์ทั่วโลกกว่า 75 % เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า และ 25 % เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ดังนั้นการเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญ เนื่องจาก 3 ใน 4 ของรถยนต์รุ่นใหม่จากทั่วโลกมีโอกาสได้ใช้เกียร์รุ่นล่าสุดนี้
ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง เซดเอฟ พัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว สามารถลดอัตราสิ้นเปลืองได้เพิ่มอีก 3 % ยิ่งกว่านั้นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะไฮบริด เหมาะสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง รับแรงบิดได้สูงตั้งแต่ 30.6-102 กก.-ม. นั่นหมายความว่ามันจะถูกใส่ไว้ในเก๋งขนาดกลาง-เล็ก ไปจนถึงรถสปอร์ทหรู และรถกิจกรรมกลางแจ้ง ที่มีแรงบิดมหาศาลอีกด้วย เพิ่มเกียร์ขึ้นถึง 2 จาก รุ่น 6 จังหวะ แต่ยังคงน้ำหนัก 89 กก. เท่าเดิม
STEERING TECHNOLOGY: ECONNECT ระบบนี้ติดตั้งในรถขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจะเลือกการทำงานเฉพาะล้อที่จำเป็นเท่านั้น ลดอัตราสิ้นเปลืองได้กว่า 5 % นอกจากนั้นแล้วในสถานีนี้ผมยังประทับใจการได้ทดลองระบบช่วยถอยจอดสำหรับรถพ่วง โดยเรายืนควบคุมอยู่นอกตัวรถ เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน หรือแทบเลท รถก็จะถอยและหมุนพวงมาลัยเข้าจุดจอดเอง คล้ายๆ กับการเล่นรถบังคับ แต่คราวนี้มันเป็นรถจริง ! เรียกได้ว่าเป็นการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย สำหรับคนเคยถอยรถพ่วงเข้าซองมาแล้วแทบทุกคน
CHASSIS TECHNOLOGY: สถานีนี้มีรถให้ลองเยอะที่สุด รถทั้ง 10 คันนี้ล้วนใช้ระบบช่วงล่างของ เซดเอฟ ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ เป็นรุ่นเล็กสุด ไล่เลียงไปจนถึงรถกิจกรรมกลางแจ้งสุดหรูอย่าง เอม-คลาสส์ ต่างก็ใช้ระบบรองรับจากสำนักนี้ ให้ความรู้สึกเชื่องมือ มั่นใจ "เอาอยู่" แบบเดียวกัน โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นรถขนาดใหญ่หรือเล็ก
ELECTRIFICATION: เป็นสถานีเกี่ยวกับเรื่องพลังงานอนาคตล้วนๆ รถที่เขาจอดเตรียมไว้เกือบทุกคันเป็นรถไฮบริดที่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเสริม เพิ่มกำลังในการขับขี่ และชาร์จคืนกลับเมื่อกำลังเหลือเกิน รถไฮบริดบางคันดับเครื่องยนต์และหันมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เงียบเหลือเชื่อ
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเราได้ลองรถต้นแบบ (คันที่ครอบตัวถัง ซูซูกิ สปแลช) ซึ่งอยู่ในขั้นทดลอง ยังไม่ผลิตขายจริง เชื่อผมเถอะว่า...มันเร้าใจกว่าเยอะ ! เพราะเมื่อลองอัดกันเต็มๆ ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และช่วงล่างวัสดุน้ำหนักเบา มันช่างเข้ากันอย่างดี ลบ "ปมด้อย" รถไฟฟ้าในอดีตไปหมดสิ้น รัศมีทำการที่ระบุไว้เอกสาร สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 120 กม. เลยทีเดียว ! แถมพกอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที ไว้เป็นอาวุธ ไม่น้อยหน้า "รถเก๋งกินฟอสซิล" อีกด้วย ด้วยหลักการลดน้ำหนักเท่ากับการเพิ่มระยะทาง ทำให้วัสดุน้ำหนักเบาแบบใหม่ที่ เซดเอฟ คิดค้นขึ้น ถูกนำมาใช้หลายๆ จุดภายในระบบรองรับเทคโนโลยียานยนต์ที่ เซดเอฟ มุ่งมั่นพัฒนาล้วนเกี่ยวกับ การขับขี่ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วนความประหยัดและยานยนต์ไร้มลพิษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเป้าหมายใหม่ ที่เขารุกหนัก เอาจริงเอาจัง เมื่อเร็วๆ นี้เอง
การพัฒนาสู่ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานอนาคต มอเตอร์ไฟฟ้า เกียร์ไฮบริด และชิ้นส่วนต่างๆ ภายในรถยนต์ที่เริ่มนำเอาระบบไฟฟ้ามาช่วยเสริมการทำงานนั้น ทำให้หลายเรื่องที่เคย "เป็นไปไม่ได้" ในอดีต กลับ "เป็นไปได้" แล้วในวันนี้ รวมถึงการวิจัยพัฒนาวัสดุใหม่ๆ ที่ทำให้ยานยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้น เหล่านี้เป็นเรื่องใหม่ที่เราจะได้เห็นในรถยนต์อนาคตอันใกล้
ขอขอบคุณบริษัท แซดเอฟ (ประเทศไทย) สำหรับประสบการณ์...ยานยนต์วันหน้า ที่มาให้ลองในวันนี้ครับ
เรื่องโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์
ภาพโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : กิจกรรม(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92132