รถตรวจการณ์ขนาดเล็กยอดนิยม

รถตรวจการณ์ขนาดเล็กยอดนิยม VOLKSWAGEN GOLF VARIANT โฟล์คสวาเกน (VOLKSWAGEN) ซึ่งใช้คำขวัญเป็นภาษาเยอรมันว่า DAS AUTO หรือ THE CAR ในภาษาอังกฤษ ก่อตั้งกิจการขึ้นในเมืองเบียร์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1937 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโวล์ฟส์บวร์ก (WOLFSBURG) ในภาคเหนือของเยอรมนี ปัจจุบัน โฟล์คสวาเกน เป็น 1 ในบรรดารถรวม 10 ยี่ห้อ ที่อยู่ในร่มเงาของ โฟล์คสวาเกน กรุพ (VOLKSWAGEN GROUP) กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของยุโรป และรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก โตโยตา (TOYOTA) และ จีเอม (GM) รถอีก 9 ยี่ห้อที่อยู่ภายใต้ร่มเงานี้ คือ เอาดี (AUDI) เบนท์ลีย์ (BENTLEY) บูกัตตี (BUGATTI) ลัมโบร์กินี (LAMBORGHINI) มาน (MAN) โพร์เช (PORSCHE) สแกเนีย (SCANIA) เซอัต (SEAT) และ สโกดา (SKODA)   ตามตัวเลขที่ตีพิมพ์ไว้ในรายงานประจำปี 2012 ในรอบปีดังกล่าว โฟล์คสวาเกน ผลิตรถยนต์นั่งได้รวมทั้งสิ้น 5,771,789 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากปี 2011 รถที่ผลิตมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ โฟล์คสวาเกน พาสสัท/ซันตานา (VOLKSWAGEN PASSAT/SANTANA) 1,309,618 คัน โฟล์คสวาเกน เจททา/โบรา(VOLKSWAGEN JETTA/BORA) 1,060,824 คัน โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF) 825,591 คัน โฟล์คสวาเกน โพโล (VOLKSWAGEN POLO) 711,519 คัน โฟล์คสวาเกน โกล (VOLKSWAGEN GOL) 502,486 คัน   เดือนนี้ "ระเบียงรถใหม่" นำเรื่องราวของรถ โฟล์คสวาเกน แบบใหม่ๆ มาเล่าสู่กันฟังถึง 3 แบบ แบบแรกที่กำลังอวดโฉมอยู่ในขณะนี้ คือ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ วาเรียนท์ (VOLKSWAGEN GOLF VARIANT) รถเก๋งตรวจการณ์ขนาดเล็กกะทัดรัดซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในเมืองแม่และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป   ไม่ใช่รถที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดท้าย แต่พัฒนาจากรถแฮทช์แบค โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF) รุ่นที่ 7 ซึ่งเพิ่งออกจำหน่ายในเยอรมนี เมื่อเดือนตุลาคม 2012 ตัวถังทรง 2 กล่อง ยาว 4.562 ม. กว้าง 1.799 ม. สูง 1.481 ม. ซึ่งวางตัวอยู่บนช่วงฐานล้อยาว 2.635 ม. มีหน้าตาและรูปทรงส่วนครึ่งหน้าเหมือนๆ กับตัวถังแฮทช์แบค แต่ส่วนท้ายที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดมีเสาค้ำยันหลังคาคู่ท้ายที่ค่อนข้างกว้าง และมีพื้นที่หน้าต่างที่ดูโปร่งตากว่ารถแฮทช์แบค ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 จน มีจุดเด่นซึ่งน่าจะเป็นจุดขายสำคัญของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ห้องเก็บของท้ายรถที่จุถึง 605 ลิตร เมื่อบรรทุกของจนถึงขอบบนของเก้าอี้ที่นั่งแถวหลัง (รุ่นเดิม 505 ลิตร) และจะเพิ่มเป็นเกือบ 3 เท่าตัว คือ 1,620 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังและบรรทุกของถึงหลังคา (รุ่นเดิม 1,495 ลิตร)   รถที่ออกขายแล้วในเมืองแม่ตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 3 พร้อมกับป้ายค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ 18,950 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 758,000 บาทไทย แบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส TRENDLINE-COMFORTLINE-HIGHLINE มีสีตัวถังให้เลือกรวม 11 สี คือ สีขาว PURE WHITE สีน้ำเงิน NIGHT BLUE METALLIC สีฟ้า PACIFIC BLUE METALLIC สีเงิน REFLEXSILBER METALLIC สีดำ DEEP BLACK PERLEFFEKT สีดำ SCHWARZ สีแดง TORNADOROT สีเทา LIMESTONE GREY METALLIC สีแดง SUNSET RED METALLIC สีเงิน TUNGSTEN SILVER METALLIC สีขาว ORYXWEISS PERLMUTTEFFEKT และมีรถให้เลือกใช้ตามรสนิยมรวม 19 โมเดล   ส่วนเครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้ามีอยู่รวม 5 ขนาด แยกเป็นเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง รวม 3 ขนาด คือ เครื่อง 1,197 ซีซี 63 กิโลวัตต์/85 แรงม้า เครื่อง 1,197 ซีซี 77 กิโลวัตต์/105 แรงม้า และเครื่อง 1,395 ซีซี 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า กับเป็นเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง รวม 2 ขนาด คือ เครื่อง 1,598 ซีซี 77 กิโลวัตต์/105 แรงม้า และเครื่อง 1,968 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อคู่หน้ามี 4 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 หรือ 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 หรือ 7 จังหวะ