วิถีตลาดรถยนต์
"ติดลบครั้งแรกในรอบ 17 เดือน"
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม, - ,3.6 %
รถยนต์นั่ง, - ,5.6 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, -, 1.6 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, -, 31.9 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ, + ,8.6 %
รถเอมพีวี ,- ,10.6 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม ,+, 31.3 %
รถยนต์นั่ง, +, 55.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, +, 16.9 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, -, 25.3 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ, +, 34.4 %
รถเอมพีวี, + ,7.8 %
[/table]
เริ่มกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงกันแล้ว หลังจากที่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเติบโตแบบทะลุทะลวง ชนิดที่ฝ่ายผลิตเร่งปั๊มกันเต็มลิมิทอย่างไร ก็ยังไม่ทันส่งมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการมีรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ต้องรอกันข้ามปีสำหรับรถยนต์รุ่นยอดนิยม อันเป็นผลมาจากการอยากเห็นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเจริญรุดหน้าเทียมเท่านานาอารยประเทศ คนไทยอยู่ดีกินดี มีรถยนต์ใช้กันเกือบทุกครัวเรือน ตามที่ได้สัญญาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหญ่ของพรรคการเมืองที่ได้เข้ามาบริหารประเทศอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่โครงการรถยนต์คันแรกมีผลบังคับใช้ เติบโตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ รถยนต์รุ่นต่างๆ ที่อยู่ในโครงการนี้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนผู้บริหารของค่ายรถยนต์ต่างๆ แทบจะไม่ต้องระดมความคิดหาแคมเปญพิเศษอะไรมายั่วใจผู้สนใจอยากได้รถใหม่กันเลย เพราะรัฐจัดให้เสร็จสรรพ
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่เติบโตสูงขึ้นอย่างผิดปกติ มาเป็นระยะเวลายาวนาน 17 เดือน ก็ถึงเวลากลับสู่ความเป็นจริงกันได้แล้ว เพราะในเดือนพฤษภาคม 2556 ตัวเลขติดลบปรากฏตัวให้เห็นแล้ว โดยติดลบไป 3.6 % เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ปี 2555 โดยจำหน่ายรวมกันได้ทั้งหมด 111,718 คัน ทั้งนี้ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลติดลบไป 5.6 % จากยอดจำหน่าย 50,272 คัน รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ติดลบ 1.6 % ยอดจำหน่าย 42,618 คัน พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดลบ 31.9 % ยอดจำหน่าย 3,318 คัน รถเอมพีวี ติดลบ 10.6 % ยอดจำหน่าย 2,460 คัน จะมีเพียงรถเอสยูวี เท่านั้นที่เอาตัวรอดไปได้ มียอดจำหน่ายทั้งหมดสิ้น 7,142 คัน เติบโตสูงขึ้น 8.6 % เมื่อเทียบกับพฤษภาคม ปี 2555
สำหรับยอดจำหน่ายของ รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในเดือนพฤษภาคม เริ่มมีตัวเลขติดลบให้เห็นกันในหลายยี่ห้อ ขณะที่ อีซูซุ ขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ได้เพียงเดือนเดียว ก็กลับมาอยู่ในอันดับที่ 2 อีกแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้ โดย โตโยตา จำหน่ายได้มากสุด 16,278 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 38.2 % ถึงแม้จะทำยอดจำหน่ายได้น้อยกว่าในเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว 2.9 % อีซูซุ จำหน่ายได้ 15,123 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.5 % แต่เป็นยอดจำหน่ายที่สูงกว่าปีที่แล้ว 9.7 % อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 3,174 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 7.4 % จำหน่ายได้น้อยลง 26.0 % อันดับ 4 มาซดา 2,276 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.3 % เพิ่มขึ้น 11.4 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ 2,025 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.8 % ลดลง 38.6 %
รวม 5 เดือนสำหรับตลาดนี้ จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 240,066 คัน 5 อันดับยอดนิยมยังคงเป็น โตโยตา, อีซูซุ, มิตซูบิชิ, มาซดา และเชฟโรเลต์ ตามลำดับ โตโยตา มียอดรวมที่ 86,670 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.1 % เพิ่มขึ้น 13.7 % อีซูซุ 85,203 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.5 % เพิ่มขึ้น 31.8 % มิตซูบิชิ 20,673 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.6 % ลดลง 15.9 % มาซดา 11,332 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.7 % เพิ่มขึ้น 52.5 % และเชฟโรเลต์ 11,060 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.6 % ลดลง 20.8 % ถูกแซะหล่นไปจาก 5 อันดับยอดนิยมเรียบร้อยแล้วสำหรับ นิสสัน จากอันดับที่ 4 ในเดือนที่แล้วหล่นไปอยู่อันดับที่ 6 และถ้าจะยากเอาการอยู่เหมือนกัน ถ้าคิดจะเรียกอันดับคืน
ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ สิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนที่มียอดจำหน่ายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะยักษ์ใหญ่มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากนั่นเอง โตโยตา ถึงจะเป็นอันดับ 1 แต่ยอดจำหน่ายที่ทำได้ลดลงถึง 44.6 % เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว จำหน่ายได้ 1,532 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 46.2 % อันดับ 2 อีซูซุ ก็ลดลงเช่นกัน จำหน่ายได้ 1,097 คัน ลดลง 16.1 % มีส่วนแบ่งตลาด 33.1 % ฟอร์ด อยู่ในอันดับที่ 3 จำหน่ายได้ 392 คัน เพิ่มขึ้นถึง 119.0 % แต่ส่วนแบ่งตลาดยังแค่ 11.8 % เท่านั้น อันดับที่ 4 เชฟโรเลต์ 100 คันพอดี ลดลงถึง 60.8 % ได้ส่วนแบ่งตลาด 3.0 % อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 93 คัน ลดลง 35.4 % ส่วนแบ่งตลาด 2.8 % ซึ่งการที่หัวแถวมียอดจำหน่ายที่ลดลง คิดเป็นเปอร์เซนต์ค่อนข้างสูงรวมกันหลายๆ เดือน ส่งผลให้ตลาดนี้เป็นตลาดแรกที่มียอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีมาปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดรวม 5 เดือน โตโยตา จำหน่ายได้ 7,872 คัน ปรับตัวลดลง 36.4 % ส่วนแบ่งตลาด 46.4 % อีซูซุ 5,802 คัน ลดลง 18.6 % ส่วนแบ่งตลาด 34.2 % ฟอร์ด 1,465 คัน เพิ่มขึ้น 121.3 % ส่วนแบ่งตลาด 8.6 % มิตซูบิชิ 637 คัน ลดลง 18.2 % ส่วนแบ่งตลาด 3.8 % เชฟโรเลต์ 539 คัน ลดลง 43.4 % ส่วนแบ่งตลาด 3.2 %
รถเอสยูวี มีหลายยี่ห้อที่ทำยอดจำหน่ายติดลบในเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อเทียบกับที่เคยทำได้ในเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว แม้แต่หัวแถวอันดับ 1 จากยอดรวมทั้งตลาด 7,142 คัน เป็นยอดจำหน่ายของ โตโยตา 2,501 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.0 % ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว 1.8 % ฮอนดา ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอด 1,570 คัน ส่วนแบ่งตลาด 22.0 % เพิ่มขึ้น 148.8 % อันดับ 3 มิตซูบิชิ 1,321 คัน ส่วนแบ่งตลาด 18.5 % ลดลง 29.0 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 1,017 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.2 % เพิ่มขึ้น 1.7 % น้องใหม่ในตลาดเปิดตัวเอสยูวีโมเดลใหม่ไม่นาน โดดพรวดเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 5 แล้วสำหรับ ซูบารุ มียอดจำหน่าย 405 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.7 % ยอดรวม 5 เดือน โตโยตา จำหน่ายไปแล้ว 13,889 คัน เพิ่มขึ้น 0.6 % ส่วนแบ่งตลาด 31.3 % ฮอนดา 12,987 คัน ส่วนแบ่งตลาด 29.2 % เพิ่มขึ้นถึง 1,314.7 % มิตซูบิชิ 8,495 คัน ส่วนแบ่งตลาด 19.1 % ลดลง 19.0 % เชฟโรเลต์ 5,943 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13.4 % เพิ่มขึ้น 19.6 % และอีซูซุ 1,091 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.5 % ลดลง 36.4 % ส่วน ซูบารุ อยู่ในอันดับที่ 6 แล้ว โอกาสติด 1 ใน 5 มีสูงเหมือนกัน
รถเอมพีวี เดือนพฤษภาคม อันดับ 1 ฮอนดา 1,505 คัน ส่วนแบ่งตลาด 61.2 % เพิ่มขึ้น 28.6 % อันดับ 2 โตโยตา 886 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.0 % ลดลง 40.5 % อันดับ 3 ปโรตอน 31 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.3 % เพิ่มขึ้น 10.7 % อันดับ 4 ซังยง 15 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.6 % ลดลง 40.0 % อันดับ 5 ซูซูกิ 8 คัน ส่วนแบ่ง 0.3 % ลดลง 52.9 % รวม 5 เดือน โตโยตา ยังเป็นอันดับ 1 ด้วยยอด 5,650 คัน ส่วนแบ่งตลาด 53.9 % ลดลง 4.7 % ตามด้วย ฮอนดา 4,335 คัน ส่วนแบ่งตลาด 41.4 % เพิ่มขึ้น 50.0 % ปโรตอน 290 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.8 % ลดลง 49.8 % ซังยง 71 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.7 % ลดลง 33.6 % และวูหลิง 58 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.6 % เพิ่มขึ้น 16.0 %
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/91930