โค้งอันตราย
เริ่มโหมโรง
ผ่านพ้นปี 2555 กันมาอย่างสวยสดงดงาม พอเริ่มต้นศักราชใหม่ ค่ายรถยนต์ต่างก็เริ่มรณรงค์แคมเปญกันเป็นว่าเล่น พาเอาตัวเลขการขายเดือนแรกของปี กระโดดสูงถึง 63.5 % ขายกันทั้งตลาด 124,650 คัน
ที่เปอร์เซนต์สูงขนาดนี้ ก็เพราะเมื่อปีก่อน ยังซับน้ำตา จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กันอยู่ ยอดขายปีที่แล้ว เลยไม่ค่อยรุ่งเท่าที่ควร
อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการทยอยส่งมอบรถ จากแคมเปญประวัติศาสตร์ รถยนต์คันแรก ที่ทำให้ยอดขายรถยนต์นั่ง เติบโตถึง 114.7 % ขายกันได้ 57,141 คัน
ส่วนข้อกังวลเรื่องค่าเงินบาท ที่แข็งค่าอยู่ขณะนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็ยังใช้วิธีการถัวเฉลี่ยต้นทุน และราคาขายกับสินค้าหลายรายการ เพื่อไม่ให้กระทบรายได้รวม แต่ถ้าแข็งไปกว่านี้อีก ก็จะกระทบค่อนข้างมาก ที่จะต้องหาทางรับมือกันต่อไป
ส่วนค่ายรถยนต์เอง ก็พยายามให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการเน้นปรับปรุงเพิ่มและประสิทธิภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งหาวิธีลดต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปด้วยกัน
แต่จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม กลับมองว่า ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน กระทบกับกลุ่ม เอสเอมอี รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
นั่นก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญกันต่อไป ว่าภาครัฐจะสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างไร
หันมาดูทางด้านลีซิง หรือสินเชื่อรถยนต์บ้าง ที่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของรถอีโคคาร์อย่างต่อเนื่องไปถึงกลางปีนี้ หลังจากที่ผู้ซื้อ ได้รับเงินคืนจากมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาลูกค้าอาจไม่ยอมส่งค่างวดที่เหลือ หรือปล่อยให้เช่าซื้อยึดรถ และกลายเป็นหนี้เอนพีแอลในอนาคต
ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิต ก็ตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อประสานงานกับบริษัทเช่าซื้อหรือลีซิง ที่ปล่อยกู้ให้กับผู้ซื้อรถในโครงการรถคันแรก เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ผ่อนชำระค่างวดที่อาจมีผู้เข้าร่วมโครงการประสบปัญหาทางการเงิน และไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ตามปกติและถูกยึดรถ
เพราะตอนนี้ มียอดหนี้เสียที่เกิดขึ้นจากการขาดส่งค่างวดเกิน 3 เดือนเข้ามาแล้วประมาณ 10 กว่าราย ก็จะต้องตรวจสอบข้อมูลกันต่อไป
แต่ถ้าหันมองด้านผลิตภัณฑ์มวลรวม ห้วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 จีดีพี ของเราขยายตัวถึง 18.9 % เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ถ้าคิดรวมทั้งปี เราขยายตัวได้ถึง 6.5 % และในปี 2556 คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทย จะขยายตัว 4.5-5.5 % เพราะเศรษฐกิจโลก ที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่เงินเฟ้อในปี 2556 คาดอยู่ที่ 2.5-3.5 %
ขณะที่นักการตลาด มองกันว่า ปี 2556 นี้ ด้านการผลิต สภาอุตสาหกรรม ประเมินว่า จะมียอดรวมถึง 2.55 ล้าน เพิ่มขึ้น 3.92 % โดยแบ่งเป็นขายในประเทศ ราว 1.4 ล้านคัน และที่เหลือเป็นการส่งออก ส่วนรถจักรยานยนต์ จะมียอดผลิตรวม 2.44 ล้านคัน ลดลง 6.38 %
ซึ่งก็ยังเชื่อได้ว่า หากไม่มีอะไรมากระทบอุตสาหกรรมยานยนต์อีก ปีนี้ ก็ยังคงได้ชื่นชมกับความสำเร็จกันอีกครั้ง
ส่วนปี 2557 ยังประเมินไม่ได้ว่า ยอดการผลิตของบ้านเรา จะขึ้นไปอีกสักเท่าไร เพราะกำลังเร่งมือสร้างโรงงานกันหลากยี่ห้อ ไล่มาตั้งแต่ ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า มิตซูบิชิ นิสสัน ฮอนดา หรือน้องใหม่อย่าง ซูซูกิ ที่เพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ คาดกันว่า จะสามารถเริ่มสายการผลิตกันได้ ปลายปีนี้ หรือภายในครึ่งปีหน้า ที่จะทำให้ตัวเลข ก้าวกระโดดอีกครั้ง
ตั้งเป้ากันไว้ ว่าเราจะผลิตถึง 3 ล้านคันได้ภายในปี 2560 ที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินหวัง
ขณะเดียวกัน สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กำลังทำการศึกษาผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังสิ้นสุดมาตรการนโยบายรถยนต์คันแรก ที่ดึงเอาความต้องการในอนาคตมาใช้ ว่าจะส่งผลกระทบ ต่อกำลังซื้อในประเทศอีก 2-3 ปีข้างหน้าอย่างไร และภาครัฐควรหามาตรการใด ออกมาเพื่อที่จะรักษาระดับการผลิตรถยนต์ ให้ประเทศไทยก้าวสู่การผลิตรถยนต์เกิน 3 ล้านคันในปี 2560 ตามเป้าหมายที่วางไว้
สศอ. ได้ศึกษาแนวทางในการรองรับปัญหา โดยจะหารือร่วมกับ บีโอไอ ร่วมกำหนดความเป็นไปได้ ถึงการออกนโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์รอบ 2 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ โดยจะส่งเสริมการลงทุน ให้สอดรับกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ของรัฐบาล ที่จะจัดเก็บตามปริมาณการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ให้สอดคล้องกันไป
นั่นเป็นการดำเนินงานของภาครัฐ เพราะทางด้านเอกชนเอง ต่างก็กำลังวุ่นวายกับการผลิต การขาย กันทุกค่ายอยู่แล้ว ถ้าหากทำได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยกันทำให้มีการปรับตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มมากขึ้น
แต่อย่าลืมหันมองเหรียญอีกด้านหนึ่งบ้าง ว่าข้อร้องเรียนปัญหาของรถยนต์ ก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ถ้าเข้าไปในโลกของโซเชียล มีเดีย ก็ยังคงพบปัญหา โดยเฉพาะรถบางยี่ห้อ ที่มีหลากหลายเรื่องราว
ก็ยังคงขอตักเตือนผู้ที่สนใจจะซื้อรถใหม่ป้ายแดง ศึกษาข้อมูลกันให้ดีเสียก่อน ในโลกของ โซเชียล มีเดีย มีมากมาย รายการตอบปัญหาทางวิทยุก็มีมากมาย หาทางทดลองขับให้ได้ก่อน ดูว่าชอบรถยี่ห้อนี้ รุ่นนี้จริงหรือเปล่า ปรึกษาดูหลายๆ ทาง อย่าให้ต้องมานั่งช้ำใจภายหลัง
รถยนต์ทุกยี่ห้อ มีปัญหาทั้งนั้น มากบ้าง น้อยบ้าง เจ้าของทำใจรับกับปัญหาได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ เรื่องราวเหล่านั้นก็จะถูกระบายออกมาทาง โซเชียล มีเดีย
ศึกษากันให้ดี ก่อนตัดสินใจซื้อรถสักคันหนึ่งนะครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90100