รู้ลึกเรื่องรถ
ชาติแห่งความไร้ระเบียบวินัย
สัปดาห์ที่แล้วขณะหยุดรถอยู่ที่ทางแยกแห่งหนึ่ง ผมเหลือบไปมองรถคันที่หยุดอยู่ด้านข้างของรถผม ก็เห็นผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้ขับ เป็นเด็กหญิง ซึ่งไม่ว่าจะประมาณอายุให้มากที่สุดอย่างไร ก็ไม่เกิน 15 ปี พาน้องสาวอายุประมาณ 10-11 ปี นั่งมาด้วยทางด้านหน้าซ้าย เป็นรถคันหน้าสุดที่หยุดอยู่ตรงทางแยกนี้ คู่กับรถของผม อย่านึกว่าผมจะเขียนต่อว่าผมตกตะลึงหรือแปลกใจนะครับ เพราะมันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับผม แต่มีสิ่งที่พอจะทำให้แปลกใจอยู่บ้าง ก็คือด้านหน้าของรถมีตำรวจจราจรยืนทำงานอยู่ และก็มองเห็นด้วยว่า มีเด็กอายุห่างเกณฑ์ที่จะทำใบขับขี่ได้หลายปี กำลังขับรถอยู่โดยไม่รู้สึกเคารพกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ทำไมตำรวจจราจรจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ คำตอบที่ตรงที่สุดน่าจะเป็น ก็เพราะตำรวจจราจรส่วนใหญ่ไม่มีจรรยาบรรณเพียงพอ เพราะถ้ามีสำนึกด้านความปลอดภัย มีสำนึกเรื่องการทำให้ประชาชนผู้ใช้รถ เคารพกฎหมาย เขาจะไม่มีวันมองเฉย แล้วปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ผ่านไปอย่างแน่นอน แต่มีอีกสาเหตุหนึ่งครับ ที่ทำให้มีเรื่องแย่ๆ เหล่านี้ บนถนนหลวง นั่นคือความขี้เกียจของตำรวจจราจร เพราะการจับผู้ขับรถที่ไม่มีใบขับขี่ มันยุ่งยากกว่าการจับผู้มีใบขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการจับแบบถูกต้อง กินรางวัล 60 % โดยยึดใบขับขี่ แล้วออกใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับ พร้อมรับใบขับขี่คืน หรือจะเป็นการ "รีดเงิน" ยักยอกเอาเข้ากระเป๋าตัวเองโดยไม่ต้องออกใบสั่งก็ตาม มันผิดตั้งแต่วิธียึดใบขับขี่เป็นประกัน เป็นเงื่อนไขในการลงโทษแล้ว ที่จริงแล้วต้องใช้วิธีให้เจ้าของรถเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งอย่างช้าที่สุดก็จะต้องไปรับผลของการกระทำ เมื่อต่ออายุทะเบียนประจำปี
คนที่มีส่วนสนับสนุนให้เด็กทำผิดกฎหมายโดยตรง ก็คือพ่อแม่นั่นเอง นี่คือหนึ่งตัวอย่างด้านลบ ที่เป็นผลของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบบริโภคนิยม ที่ให้โอกาสมากมายแก่คนส่วนน้อยนิดของประเทศ จนมีเงินเหลือล้น แล้วเชื่อว่าจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยเงิน เลี้ยงลูกด้วยความเชื่ออย่างนี้ มีความหลงผิดว่า การให้ลูกทำอะไรได้ก่อนวัยอันควรเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ การขับรถบนถนนหลวง ต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอ มีความรู้สึกรับผิดชอบ ไม่เหมือนการให้ลูกหัดเล่นกีฬาบางอย่างก่อนวัยอันควร คุณเช่าสนามเป็นส่วนตัวได้ แต่การให้เด็กที่ยังขาดวุฒิภาวะ ขับรถบนถนนหลวงนั้น มีชีวิตของผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกเหนือไปจากการสอนขับกันแบบไม่มีหลักเกณฑ์ เอาแค่พอให้พารถแล่นไปได้ หยุดได้ เลี้ยวได้ เข้าจอดพอได้ แต่ต้องให้คนอื่นรอเป็นแถวยาว มีอาชีพและหน้าที่การงานมากมาย ที่ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ หรือไม่ก็สติปัญญาในระดับหนึ่งขึ้นไป แต่ในชีวิตของผม ยังไม่เคยเห็นใครสติปัญญาไม่พอ ในการขับรถให้ ได้ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ ยังไม่เคยเห็นใครโง่จนขับรถไม่ได้แม้แต่คนเดียว แต่ถ้าจะขับรถให้ถูกต้องปลอดภัยตามมาตรฐานได้นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราอาจเคยได้อ่านข่าวในประเทศพัฒนาแล้ว ที่เขามีกฎหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อยกเว้น ว่ามีบางคนที่สอบใบขับขี่เป็นสิบปี หรือหลายสิบครั้งกว่าจะสำเร็จ เรื่องทำนองนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นในประเทศที่ซื้อใบขับขี่กันได้เสมอ หรือถ้าคุณ ใหญ่พอ ขอฟรีเลยก็ยังได้
เท่าที่ผมทราบ ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ จะใช้ความถูกต้องตามกฎหมายเป็นเครื่องตัดสิน ว่าบริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งคนของเขาก็เกรงกลัวกันมาก แต่วิธีนี้จะไม่มีวันได้ผลในประเทศไทย ที่ขนาดชนกันแล้วยังสามารถเลือกได้ว่า จะแจ้งว่าใครเป็นผู้ขับจึงจะดี ตราบใดที่ยังมีค่านิยมว่ามีเงินล้นเหลือแล้ว อยู่เหนือกฎหมายได้แทบทุกเรื่องแล้วล่ะก็ คงหวังอะไรได้ยากครับ สำนึกด้านความถูกต้องดีงาม คือสิ่งที่สังคมไทยต้องการอย่างยิ่งยวดในขณะนี้
ยางรถยนต์แบบไม่มียางใน ก็ระเบิดได้ !
มีการตอบปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ตามสื่อต่างๆ ของไทยอยู่เสมอ ว่ายางรถยนต์แบบที่ไม่ใช้ยางในนั้น จะไม่มีวันระเบิดได้เด็ดขาด เป็นความเข้าใจผิดนะครับ ยางแบบที่ใช้ยางใน จะมียางในทำหน้าที่กั้นอากาศไม่ให้ซึมออกมาทางเนื้อยางนอก ทางหน้าสัมผัสระหว่างยาง และกระทะล้อ ส่วนยางนอกมีหน้าที่รักษารูปทรงและรับแรงอันเกิดจากความดันอากาศภายในยางใน เมื่อใดที่โครงสร้างของยางนอกชำรุด ยางในจะพองออกมาทางแผลนั้น เนื้อยางจะถกความดันของอากาศ ทำให้ยืด จนขาดทันทีทันใด
อากาศความดันสูงที่พลุ่งออกมาทันที จะก่อให้เกิดคลื่นความดันสูง ที่กระจายไปรอบด้าน ทุกทิศทุกทาง และพุ่งเข้าหูเราจนได้ยินเสียง "ระเบิด" ไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งแตกเลย เพราะฉะนั้น เมื่อใดที่โครงสร้างของยางนอกฉีกขาดก็จะมีการ "ระเบิด" ให้ได้ยินเกือบทุกครั้ง ส่วนยางแบบไม่มียางใน หรือ TUBELESS จะมียางแบบเนื้อแน่น เป็นชั้นกันลมรั่วอยูในเนื้อของยางนอก เมื่อใดที่ยางเป็นแผลทะลุ อากาศก็จะรั่วออก ถ้าเรากำลังขับอยู่ก็จะเริ่มรู้สึกว่ายางแบน ถ้าเป็นคนช่างสังเกต เพราะฉะนั้นโอกาสที่ยางแบบไม่มียางในจะระเบิดให้เราได้ยินจึงมีน้อยมาก อีกประการหนึ่งก็คือ การพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตยางก้าวหน้าไปมาก จนให้ความปลอดภัยสูง ถ้าไม่ใช่ความละเลยของผู้ใช้รถ ในการตรวจความดันลมยาง หรือความบกพร่องทางโครงสร้าง หรือกรรมวิธีผลิตแล้ว โอกาสที่ยางระเบิดจะเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ยางแบบไม่มียางในก็ระเบิดได้ครับ !
เมื่อใดที่โครงสร้างส่วนที่รับแรงชำรุด แต่ชั้นกันลมยังปกติ ยางแบบไม่มียางในก็จะระเบิดได้เหมือนกัน ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ในบ้านเรา ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากใช้ความเร็วสูงเป็นเวลานาน แต่ไม่ตรวจความดันลมยางก่อนขับ หรือจากความผิดพลาดของผู้ผลิต กรณีแบบนี้ ทำให้คนตายไปหลายรายแล้วครับ แต่อย่าเพิ่งกลัวจนเกินกว่าเหตุ เพราะถ้าใช้ยางคุณภาพสูงพอ อายุไม่มาก ไม่มีแผลช้ำ หรือถูกปะรอยรั่วมาอย่างผิดวิธี แล้วเราสูบยางตามค่าที่กำหนดโดยผู้ผลิตรถ ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะก่อนยางแบบไม่ใช้ยางในจะระเบิด จะมีเสียงเนื้อยางแยกตัวจากโครงสร้าง พร้อมกับความรู้สึกสะเทือน ซึ่งมาจากความไม่กลมของยาง เตือนให้ผู้ขับรู้ตัวล่วงหน้า กรณีเช่นนี้ ห้ามประมาทและขับต่อเด็ดขาดครับ ต้องรีบลดความเร็วจนรถหยุด แล้วตรวจสอบยางทุกล้ออย่างละเอียด ว่าไม่แบนผิดปกติ ถ้าจะให้ดี ควรลองเอามือจับหน้ายางดู ยางที่มีปัญหาเช่นนี้ จะร้อนจัดมากกว่าเส้นอื่นที่ปกติ ก่อนจบผมขอแนะนำให้ผู้ที่คำนึงถึงความปลอดภัย ซื้อที่วัดความดันลมยางไว้ประจำรถ เพื่อวัดค่านี้ด้วยตนเอง เพราะ GAGE ที่พนักงานตามปั๊มน้ำมันใช้นั้น เชื่อถือไม่ได้เลย
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90008