ประสาใจ
ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์
นวนิยายเชิง "อีโรทิค" เรื่อง "ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์" (LADY CHATTERLEYS LOVER) วรรณกรรมปี 2471 ที่เขียนโดย ดี เอช ลอว์เรนศ์ นักเขียนชาวเมืองผู้ดี เป็นหนังสือต้องห้าม 1 ใน 3 เล่มที่เดินทางขึ้นศาลเพื่อการต่อสู้แห่งความคิดอิสระของนักเขียน
อีก 2 วรรณกรรมที่เหลือ คือ TROPIC OF CANCER และ FANNY HILL
เหตุผลหลัก หรืออีกนัยหนึ่ง แนวทางการต่อสู้ ข้อกล่าวหา เป็นหนังสือลามก หยาบโลน มีกระทู้เดียว คือ มาตรฐานแห่ง "สังคม มิได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด หรือ คุณค่าทางวรรณกรรม" คดีที่สหรัฐ ฯ ดังกล่าวนี้ถูกโยนขึ้นถึงศาลอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม คดีความของวรรณกรรมเรื่องนี้ ดูจะ "ชง" ซึ่งกันและกันมาตั้งแต่เขียนเสร็จ
เล่มที่พิมพ์เป็นครั้งแรกนั้น ต้องลงเรือไปพิมพ์ที่เมืองฟลอเรนศ์ ประเทศอิตาลี เพราะในสหราชอาณาจักรการพิมพ์เป็นสิ่ง "ต้องห้าม" เป็นเวอร์ชันที่ไร้รอยต่อ...เอ้ย...ไร้การตัดทอน เขียนไว้ด้วยคำอย่างไร ก็พิมพ์คำนั้น ไม่มีมายาคลิพสมัยนี้เข้ามาปะปน ซึ่งข้อความเข้าข่ายละเมิดกฎหมายที่จะอนุญาตให้พิมพ์จำหน่ายได้ในเมืองผู้ดี
ผลงานอันยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 ฉาวทั้งโลกทันทีที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ อารมณ์ผู้อ่านหนังสือถูกกระชากให้วาบหวิว ด้วยความรัก-ความใคร่ระหว่าง สาวไฮโซ กับชายหนุ่มชนชั้นแรงงาน ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำอันไม่ซ่อนเร้นในเรื่องเพศ และการเลือกภาษาหยาบโลนและลามกจนไม่อาจตีพิมพ์ได้ (UNPRINTABLE WORDS)
เมื่อหนังสือมีความร้อนแรง สังคมก็ต้องขึ้นป้ายเป็น "ทอล์ค ออฟ เธอะ ทาวน์" สุมหัวกันเมาท์ถึงที่มาที่ไปของนวนิยายเรื่องนี้
เล่าขานกันด้วยว่า เป็นเพราะ ดี เอช ลอว์เรนศ์ นักประพันธ์ได้จินตนาการมาจากการใช้ชีวิตที่ไร้ความสุขของเขาในถิ่นอีสต์วูด, นอททิงแฮมไชร์ อันเป็นถิ่นฐานที่เขาเติบโตมา
นักวิจารณ์บางคนเปิดเผยที่มาว่า ผู้เขียนได้แนวความคิดมาจาก ความสนุกเพียงชั่วครู่ของ เลดี ออทโทไลน์ มอร์เรลล์ ที่ทุ่มเทให้กับชายหนุ่มร่างกายบึกบึน นามว่า "ไทเกอร์" (ไอ้เสือผู้หญิง-ว่างี้ละกัน) ซึ่งเป็นช่างหนุ่มประกอบอาชีพตัดหินตกแต่งอาคารสถานที่ เข้ามาสลักหินรูปปั้นให้แก่นาง
วรรณกรรมที่ ดี เอช ลอว์เรนศ์ เขียนอย่างวิจิตรบรรเจิด เปี่ยมด้วยคุณค่าวรรณกรรมคลาสสิค ด้วยลีลาและสไตล์การเขียนที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งและโคตรรุนแรงนี้ มีทั้งหมดถึง 3 เวอร์ชัน
และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศอื่นหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยซึ่งแปลโดย "แอนน์" อีกหนึ่งนามปากกาของ "สด กูรมะโรหิต" ผู้ประพันธ์อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทยในอดีต เจ้าของเรื่อง "ปักกิ่ง-นครแห่งความหลัง" อันระบือนาม
"ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์" ฉบับแปลโดย "แอนน์" ถูกตีพิมพ์หลายครั้ง ข้อมูลที่ผมได้รับ พิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 2495 ก่อนที่หลายสำนักพิมพ์ดำเนินการในเวลาต่อมา หลังสุดดูจะเป็นเวอร์ชันที่ สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุคส์ พิมพ์เป็นครั้งที่ 7 เมื่อเดือนมิถุนายน 2543
เนื้อหา "ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์" เกี่ยวข้องถึง หญิงสาวผู้มีสามีคนหนึ่ง คือ คอนสแตนศ์ (เลดีแชทเตอร์เลย์) มีคู่สมรสเป็นชนชั้นสูงชื่อ คลิฟฟอร์ด แชทเตอร์เลย์ พิการทางร่างกายอันเนื่องจากการบาดเจ็บที่ได้รับระหว่างการเป็นทหาร
ความพิการทางร่างกายเป็นที่มาแห่งความไม่สมดุลระหว่าง สามี-ภรรยา คู่นี้ อารมณ์และความรู้สึกที่ขาดหายไปของ คลิฟฟอร์ด ที่ไม่มีให้กับ คอนสแตนศ์
การเสพสมบ่มิสมในเรื่องเพศของ คอนสแตนศ์ นำพาหล่อนไปสู่ชู้รัก ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำล่ำสัน บึกบึน เป็นลูกจ้างของหล่อน มีหน้าที่ดูแลที่ดินส่วนบุคคลที่มีไว้สำหรับการล่าสัตว์และยิงนก
ความสัมพันธ์ทางเพศมีลักษณะแตกต่างไปตามชนชั้นที่สูงต่ำไม่เท่าเทียมกัน และกลายเป็นเหตุจูงใจอันใหญ่หลวงของนวนิยายเชิงอีโรทิค สำแดงถึงการขาดความคิดอันเต็มไปด้วยสติปัญญาลุ่มลึกของคนชั้นแรงงาน
นวนิยายตีแผ่ การตระหนักรู้และเข้าใจถึงสิ่งอันเป็นสัจธรรมแห่งชีวิตที่ปลงไม่ตกของ คอนสแตนศ์ ว่าหัวจิตหัวใจเพียงสถานเดียวเป็นชีวิตที่อยู่ไม่ได้ จำเป็นต้องมีร่างกายที่เต็มไปด้วยชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง
ความกำยำล่ำสันบึกบึนของชายหนุ่มชนชั้นแรงงานผู้มีนามว่า โอลิเวอร์ เมลเลอร์ส ที่ประเคนให้แก่หญิงสาว คือ ยุทธการทางเพศที่พิสูจน์ว่า ความรักเกิดแต่ร่างกาย มิใช่ด้วยจิตใจ
โอ้...จอร์จ...!!
วรรณกรรมคลาสสิคของ ดี เอช ลอว์เรนศ์ มิใช่จะเป็นสิ่งเพียงพิสูจน์พลังเรียกร้องทางธรรมชาติของกายและใจที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ศีลธรรมจรรยา แต่ยังพิสูจน์ถึงความคิดแนวๆ ของผู้คนที่ว่า จะสามารถมีชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ด้วยความรักทางด้านกามารมณ์
ประเด็นที่สังคมถกเถียงกันต่อ เนื้อหาของนวนิยายเชิงอีโรทิคเรื่องนี้ อยู่ที่หัวข้อ ความสามารถแห่งการอยู่ร่วมกันระหว่าง ร่างกายและจิตใจ
"ร่างกายที่ไม่มีหัวใจย่อมเถื่อนสิ้นดี" หรือว่า "หัวใจที่ไม่มีร่างกาย คือ การวิ่งหนีสภาพชีวิตคู่"
เป็นประเด็นที่ความซื่อสัตย์และยึดหลักคุณธรรมอย่างเต็มพิกัด ที่จะเป็นกุญแจไขไปสู่ความสามารถต่อการอยู่ร่วมกัน หรือไปด้วยกันได้ ได้รับการถกเถียงอย่างกระหึ่มโลก
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของ "ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์" ก็จบลงด้วยความรู้สึกระหว่างคนทั้งสอง เลดีเรียนรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าละอาย และชนชั้นแรงงานก็เข้าใจสิ่งท้าทายทางจิตวิญญาณเกิดจากสมรรถนะทางร่างกายเท่านั้น
นวนิยายเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นสภาวะแวดล้อมทางสังคมของเมืองผู้ดีสมัยต้นศตวรรษที่ 20 ทั้งความไม่มั่นใจในความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น คอนสแตนศ์ ตรงกันข้ามกับความไม่มั่นใจในตนเองของ คลิฟฟอร์ด
เซอร์คลิฟฟอร์ด แชทเตอร์เลย์ มีสายเลือดเป็นชนชั้นสูงเต็มประตู บิดาถือยศศักดิ์ถึงระดับ บารอน และมารดาก็เป็น ธิดาสูงศักดิ์ของชนชั้นไวส์เคาน์ท์ อันเป็นยศศักดิ์คนอังกฤษระดับสูงกว่า บารอน แต่ยังต่ำกว่า เอิร์ล
ว่ากันไปแล้ว คอนสแตนศ์ เป็นเพียงหญิงสาวชนบท ผู้มากด้วยวุฒิภาวะแห่งความรอบรู้ในเรื่องวัฒนธรรม การเมืองและวรรณคดี ยศศักดิ์ต่ำชั้นกว่า คลิฟฟอร์ด แชทเตอร์เลย์
หนังสือต้องห้ามของสังคมเมืองผู้ดี ได้รับการพิมพ์ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายในปี 1960 แต่เล่มที่พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ เพนกวิน บุคส์ เป็นคดีขึ้นศาลข้อหาละเมิด พรบ. การพิมพ์ผิดศีลธรรมจรรยาปี 1959
บนภูมิภาคเอเชีย ก็มีคดีความทั้งในญี่ปุ่นและอินเดีย คดีความนวนิยายเรื่องนี้ที่แปลโดย เซอิ อิโตะ ปี 1950 คาศาลระหว่าง 8 พฤษภาคม 1951 ถึง 18 มกราคม 1952 กว่าจะแล้วเสร็จในขั้นอุทธรณ์ก็ตกถึง 13 มีนาคม 1957 คนแปลถูกปรับ 1 แสนเยน สำนักพิมพ์ถูกปรับ 2.5 แสนเยน
นอกจากนี้ "ชู้รักเลดีแชทเตอร์เลย์" ยังถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเวอร์ชัน ตั้งแต่ปี 1955 จนถึงหลังสุดเป็นปี 2006 เป็นหนังฝรั่งเศส พูดฝรั่งเศส ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของ CESAR AWARD ในปี 2007
รวมความแล้ว "LADY CHATTERLEYS LOVER" ทั้งน่าอ่าน และน่าดู ครับ
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/89865