X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รอบรู้เรื่องรถ
1 Jan 2013
เตรียมรถเที่ยวอย่างปลอดภัย และไร้ปัญหา
ผมเชื่อว่าผู้อ่านจำนวนไม่น้อย กำลังจะไปพักผ่อนในต่างจังหวัด หรือไม่ก็ในต่างประเทศ แต่ถ้าให้เลือก ผมอยากขอให้เที่ยวในเมืองไทยดีกว่า ในยามที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพที่เรารู้ๆ กันอยู่ คงมีผู้อ่านจำนวนไม่น้อยขุ่นข้องหมองใจ และผิดหวังกับสถานการณ์ของบ้านเมืองยามนี้ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป จองที่พักที่ไหนไว้ ก็ไปเถอะครับ หยุดความเซ็งได้ไม่กี่วันก็ยังดี เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต กลับมาจากการท่องเที่ยวแล้วค่อยดูกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไรดี สำหรับผู้ที่เดินทางไกลด้วยรถยนต์ ต้องมีความพร้อมทั้งผู้ขับและรถ สำหรับผู้ขับไม่ควรตรากตรำ โดยเฉพาะอดนอนก่อนเดินทาง ไม่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ยารักษาโรคบางอย่างที่แพทย์ไม่แนะนำให้ขับรถ ส่วนรถก็ต้องมีสภาพพร้อมต่อการถูกใช้ในการเดินทางไกล บางคนอาจจะแย้งว่าปกติก็ขับไปทำงานและกลับบ้านวันละ 100 กว่ากิโลเมตรอยู่แล้ว การไปเที่ยวยังจังหวัดที่ไกลไม่กี่ 100 กิโลเมตร ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก เหมือนการขับในวันทำงานแค่สัปดาห์เดียวเอง แต่ความจริงแล้วมันต่างกันพอสมควรครับ เพราะเวลาอันมีค่าของเราในโอกาสเช่นนี้ ไม่ควรสูญไปกับการยืนข้างทางเป็นชั่วโมง เพราะรอรถยกหรือทีมช่างที่จะมาซ่อม หรือแม้ไปเสียในจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางแล้วก็ตาม ก็ยังสูญเสียเวลาพักผ่อน เวลาสนุกสนานไปอย่างน่าเสียดายมาก และไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะตัวเรา แต่ต้องเป็นทุกข์กันทั้งครอบครัว เพราะฉะนั้นกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ทีหลังครับ ด้วยการส่งรถเข้าตรวจความพร้อมก่อนเดินทางไกล สำหรับผู้ที่ปฏิบัติเช่นนี้ มี 2 กลุ่มครับ คือ กลุ่มที่โชคดีกับกลุ่มที่โชคร้าย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่โชคดี ก็คือ ผู้ที่ส่งรถเข้าตรวจความพร้อมในการเดินทางไกล ได้เสียเงินและขับรถออกมาด้วยความมั่นใจ ว่ารถของเราอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แล้วไปเที่ยวจนกลับถึงบ้านโดยไม่มีปัญหาตลอดทาง ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่โชคร้าย ก็คือ พวกที่ปฏิบัติเหมือนกับกลุ่มแรกทุกอย่าง แต่รถก็ยังมีปัญหากลางทาง ที่ผมใช้คำว่าโชคดีและโชคร้าย ก็เพราะว่าช่างไทยไม่ได้ตรวจความพร้อมของรถด้วยวิธีที่ถูกต้อง ส่วนที่มีโอกาสทำให้รถของเราเสียกลางทางมีไม่มากครับ ถ้ารถของเราถูกบำรุงรักษาอย่างถูกต้องมาตลอด ที่พบบ่อยคือ ท่อน้ำฉีกขาด สายพาน (V-BELTS) ขาด ปั๊มน้ำรั่ว BEARING ของปั๊มน้ำชำรุด BEARING ของ ALTERNATOR ชำรุด วิธีตรวจของช่างที่ผมพบเป็นส่วนใหญ่ ก็คือ ใช้สายตามองว่า มีน้ำรั่วที่ท่อน้ำหรือไม่ มันไม่มีอยู่แล้วครับ เพราะถ้ามันแตกก่อนถูกตรวจ เจ้าของรถเขาคงขับมาไม่ถึง วิธีมองว่าท่อน้ำยังเป็นปกติ แล้วบอกว่าใช้ต่อได้ ผ่านการตรวจแล้ว แบบนี้เจ้าของรถเขาก็ทำเองได้ การตรวจสภาพ V-BELTS ของช่างไทยเกือบทุกคน ก็คือ มองดูว่ามันแตกร้าวหรือยัง แต่มองเฉพาะส่วนที่มองเห็นเท่านั้น ถ้าบังเอิญเครื่องยนต์หยุดหมุนตอนดับเครื่อง แล้วรอยร้าวที่เกือบจะขาด มันไปจมอยู่ในร่องของ PULLEY ก็จะไม่มีการหมุนเครื่องยนต์ตรวจให้ครบทั้งเส้น ส่วนวิธีตรวจท่อน้ำของเครื่องยนต์ ที่ช่างควรปฏิบัติ คือ เอามือบีบดูว่าเนื้อยางแข็งกรอบหรือยัง มีรอยปริให้เห็นตอนบีบหรือไม่ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่ชอบตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกล ก็จะเห็นเลยนะครับ ว่าทำเองก็ได้ ยางปัดน้ำฝนต้องอยู่ในสภาพดี ปัดน้ำจากกระจกได้เกลี้ยง ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูฝนก็ตาม ส่วนไฟส่องสว่าง โดยเฉพาะของโคมไฟหน้า ตรวจยากพอสมควร เพราะต้องถอดหลอดไฟออกมา ถอดได้แล้วก็ต้องมีประสบการณ์เพียงพอ ที่จะดูไส้หลอดและเปลือกแก้วของหลอด ว่าผ่านการใช้งานมานานแค่ไหน และจะเหลืออายุใช้งานอยู่อีกเท่าใด ทางที่ดี คือ จดหรือจำกำหนดเวลาที่เริ่มใช้หลอดไฟไว้ ถ้าใช้งานกลางคืนหนักเป็นประจำ สักปีครึ่ง หรือ 2 ปีก็เปลี่ยนใหม่ได้แล้ว โดยไม่ต้องรอให้ไส้หลอดขาด ถ้าใช้น้อยก็เพิ่มระยะเวลาที่ว่านี้เข้าไป อย่าไปเสี่ยงใช้ต่อเพื่อให้ "คุ้ม" ครับ เพราะเวลามันดับตอนอยู่บนถนนต่างจังหวัดที่ไม่มีไฟส่องสว่าง เราจะเข้าใจทันที ว่าเสียเงินเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ตั้งแต่ก่อนเสีย คุ้มกว่ามาก แล้วยังได้ไฟที่สว่างกว่าด้วย เพราะความสว่างมันลดลงตามอายุการใช้งาน แต่ถ้าเป็นโคมไฟแบบซีนอนของรถรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องสนใจอายุใช้งานครับ ใช้ไปจนกว่าจะเกิดปัญหาให้เราเห็น อย่าลืมตรวจลมยางของล้ออะไหล่ด้วย ที่เป็นปัญหาประจำของผู้ใช้รถชาวไทย คือ พอเปลี่ยนเอาล้ออะไหล่ใส่ แล้วเอาแม่แรงลง จึงรู้ว่าไม่ได้เติมลมล้ออะไหล่มาเกือบปีแล้ว เวลาเติมให้เติมเกินกว่ากำหนดไว้ 10 PSI เลยครับ แล้วตรวจและเติมทุกๆ 3 ถึง 4 เดือน ขอให้ผู้อ่านเดินทางไปพักผ่อนกันอย่างปลอดภัย และสวัสดีปีใหม่ครับ
อ่านต่อ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/88719
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
รอบรู้เรื่องรถ
รอบรู้เรื่องรถ
29 Mar 2024
ชมรม ผู้ใช้รถ ประโยชน์ของสมาชิก ต้องมาก่อน !
รอบรู้เรื่องรถ
4 Mar 2024
แบทเตอรีตะกั่ว-น้ำกรด ที่ไม่มีวันล้าสมัย (ตอนจบ)
รอบรู้เรื่องรถ
28 Jan 2024
ความลับของแบทเตอรีตะกั่ว-น้ำกรด (ตอนที่ 3)
รอบรู้เรื่องรถ
28 Dec 2023
ความลับของแบทเตอรี (ตอนที่ 2)
รอบรู้เรื่องรถ
28 Nov 2023
ความลับของแบทเตอรี (ตอนที่ 1)
รอบรู้เรื่องรถ
28 Oct 2023
ถนนเมืองไทย กับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
รอบรู้เรื่องรถ
28 Aug 2023
คุณรู้หรือไม่ ? น้ำมันเบรค ไม่ใช่น้ำมัน
ดูต่อในคอลัมน์ รอบรู้เรื่องรถ