ชีวิตอิสระ(4wheels)
ขับ ฟอร์ด ดอดไปเที่ยวตาก (2)
ในฉบับที่ผ่านมา ผมได้เสนอแหล่งท่องเที่ยวใน จ. ตาก ไปหลายแห่ง แต่คงเหลือภารกิจสำคัญที่ต้องจัดการ ตามคำขอจากมิตรใหม่แห่งเมืองตาก ในการขนทัพนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ไปออกค่ายอาสา ที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" บ้านซอแข่ลู่ ต. แม่สอง ใน อ. ท่าสองยาง
ภารกิจจับพลัดจับผลู
ขับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ส่งเด็กขึ้นดอย
ที่บอกว่าภารกิจจับพลัดจับผลู เนื่องจากการเดินทางไปพบกลุ่ม "เมืองตากออฟโรด" เป็นช่วงเวลาพอดีกับที่พวกพี่ๆ ได้รับอาสาในการรับ-ส่งเด็กๆ จากเมืองกรุง ไปเรียนรู้ชีวิตบนยอดดอย ผมจึงถือโอกาสช่วยเป็นสารถีพานักศึกษากว่า 30 ชีวิต ลุยขึ้นไปที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" ณ บ้านซอแข่ลู่ ต. แม่สอง อ. ท่าสองยาง เพื่อทำค่ายอาสาพัฒนาในชื่อโครงการ สวรรค์บ้านนอก ตอน "ซอแข่ลู่ ทุ่งข้าวกลางสายหมอก"
ผมจึงรับอาสา ใช้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค ดับเบิลแคบ 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร เป็นพาหนะส่งเด็กๆ ขึ้นยอดดอย ซึ่งไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะโหดแค่ไหน รู้แต่เพียงว่า ต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น ถึงจะใช้เส้นทางนี้ได้
รถลุยกว่า 10 คัน
ลำเลียงว่าที่บัณฑิตเกือบ 40 ชีวิต
พวกเรานัดเจอกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อทำการเคารพสักการะ ก่อนที่จะเดินทางไปยัง อ. ท่าสองยาง ตามทางหลวงหมายเลข 105 โดยขบวนรถโฟร์วีลดไรฟกว่า 10 คัน พร้อมรถบัสทหารอีก 1 คัน ที่ขนเด็กมาเต็มคันรถ ขบวนของเรามาหยุดที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าสองยาง เพื่อเปลี่ยนถ่ายการเดินทางอีกครั้ง
นักศึกษาที่มากับรถบัสได้กระจัดกระจายอยู่ในรถลุยกว่า 10 คัน ทั้งนั่งกระบะหลังและในห้องโดยสารตามอัธยาศัย จากนั้นจึงกลับไปในถนนทางหลวงหมายเลข 105 อีกครั้ง เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมย ระยะทางกว่า 60 กม.
อช. แม่เมย-บ้านซอแข่ลู่
ขับ 2 จอดสนิท ขับ 4 พิชิตยอดดอย
ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย ก่อนจะสิ้นสุดถนนหลวง คณะของเราได้แวะร้านค้าแห่งสุดท้ายเพื่อบรรจุเสบียง ต่อจากนี้ไป คือ เส้นทางสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อการลุยโดยเฉพาะ ในทริพนี้มีรถขับ 2 ยกสูง เข้าร่วมด้วย 2 คัน แต่ก็ต้องจอดสนิทหลังจากขับเข้ามาเพียงไม่กี่ กม. เพราะสภาพทางโหดเกินที่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อจะไปได้
ถ้าฝนไม่ตก รถพิคอัพ หรือเอสยูวี ทั้งระบบขับ 2 หรือ 4 ล้อ ก็ไปได้ อาจมีเสียวนิดๆ ก็บริเวณทางขึ้นเขา ที่ลาดชันจนน่าหวาดกลัว แต่พวกเราเข้าพื้นที่หลังจากฝนหยุดตกไปไม่นาน ฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึง ดินแข็งๆกลายสภาพเป็นโคลนซุย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาต้องเอาออกมาใช้ทั้งหมด
ฝ่าโคลนซุย 20 กม.
ตะกุยขึ้นดอย ไปส่งเด็ก
เนินสูงที่ผ่านมา พวกเรายังคงเดินทางแบบชิลล์ๆ เด็กๆ บางคนมีอาการเมารถให้เห็นอย่างชัดเจน ระยะทางย่นมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 20 กม. แต่สภาพทางข้างหน้าโหดและน่ากลัวกว่าเยอะ วิทยุแดงที่ติดรถไว้ มีเสียงตามสายจากต้นขบวนตลอดเวลา เกี่ยวกับการเตือนย้ำถึงสภาพเส้นทาง รวมถึงการตั้งสติเพื่อควบคุมรถ
ตอนนี้ผมเองเริ่มมีอาการประหม่า เพราะกลัวว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ขับอยู่ อาจจะไปไม่ถึงตลอดรอดฝั่ง เพราะรถในขบวนแต่ละคันนั้นได้รับการตกแต่งสมรรถนะชนิดที่เรียกว่า "จัดเต็ม" ทั้งความสูง และอาวุธลับแต่ของผมไม่มีอะไรเลย มีก็แต่ใจ และเนวิเกเตอร์กิตติมศักดิ์ ที่คอยบอกไลน์ และการใช้รอบเครื่องยนต์ พร้อมกับประโยคที่ดังก้องหูว่า "จะไหวไหม"
มาถึงตรงนี้คงมีแต่คำว่า "เดินหน้า" ไม่มีเลี้ยวรถกลับแน่ ทริคเล็กที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้ คือ การวางล้อในไลน์ต้องแม่น รอบเครื่องยนต์และการควบคุมทิศทางของรถ จะต้องสัมพันธ์กัน พวกเราลุยกันมาจนเหลือระยะทางอีกประมาณ 5 กม. ซึ่งจุดนี้ผมขอบอกว่าโหดสุดๆ
เลื้อยตามไลน์ในดินโคลน
กับอาการ อึ้ง ทึ่ง เสียว
ที่บอกว่าโหดสุดเพราะเหมือนจะเป็นการรวมเส้นทางลุยตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งดินโคลน เนินชัน และโค้งหักศอก มีครบรส เป็นทางแคบที่ซ้ายมือเป็นไหล่เขา และขวามือ คือ เหวลึก แถมยังเจอกิ่งไม้ใหญ่ขวางเส้นทาง ตรงนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เกือบสิ้นลาย เพราะดินโคลนนั้นลึกเกือบจะมิดล้อแมกขนาด 17 นิ้ว จนมาติดหล่มอยู่กลางเนิน
ผมขอความช่วยเหลือจากรถด้านหน้าที่ติดตั้งวินช์ เนื่องจากเกรงว่าจะไปถึงจุดหมายไม่ทันเวลาที่กำหนด เครื่องยนต์เริ่มปั่นล้ออยู่กับที่ จนจมลึกลงไปเรื่อยๆ สะบัดพวงมาลัยก็แล้ว เปลี่ยนจากเกียร์ 2 มาเป็นเกียร์ 1 ในตำแหน่งของเกียร์สโลว์ ก็ไม่ขึ้น เหลืออย่างเดียว คือ ถอยหลังและเดินหน้าใหม่ โดยเพิ่มรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น ดันหลุดมาได้ซะงั้น ทุกคนพากันทึ่งกับสมรรถนะของเจ้ารถพิคอัพสายพันธุ์อเมริกัน ส่วนผมเองนั้นยังไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่า หลุดมาได้อย่างไร เพราะรถสูงๆ ออพชันเต็มบางคันยังต้องดึงขึ้นด้วยวินช์
4 ชม. กับทางโหด
ถึงค่ายสวรรค์บ้านนอกพร้อมหน้า
ถึงแม้ว่าสภาพเส้นทางจะลำบากยากเข็ญสักเพียงใด คณะของเราก็ปฏิบัติภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี เด็กๆ กว่า 30 ชีวิต ได้มาทำงานออกค่ายกันพร้อมหน้า ต่างคนต่างแยกย้ายไปสู่บ้านของครอบครัวชาวเขา โดยกินนอนและใช้ชีวิตอยู่บนนั้นเกือบ 10 วัน และยังร่วมทำกิจกรรมพัฒนาชุมชนอีกเพียบ
น้องวิว-นันทพร สมนันชัย ประธานค่ายอาสา ฯ ได้บอกถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ว่า "กิจกรรมนี้เป็นการพาน้องๆ ในชมรมศึกษาและพัฒนาชุมชนมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวเขา และกินอยู่แบบ โฮมสเตย์ โดยใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ และเพื่อเป็นการปรับทัศนคติของนักศึกษาแพทย์ และสาขาที่เกี่ยวเนื่อง ที่มีต่อคนหมู่มาก เพื่อได้พัฒนาตนเองในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโอกาสต่อไป และขอขอบคุณพวกพี่ๆ จากเมืองตากออฟโรด ที่รับหน้าที่ช่วยเหลือพวกเราในเรื่องการเดินทาง เพราะถ้าไม่มีพวกเขา เราคงไม่ได้มาถึงหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้เป็นแน่"
ธรรมชาติสวย น้ำตกใส
ใกล้ทางขึ้นบ้านซอแข่ลู่
ด้านบนสุดของบ้านซอแข่ลู่ มองเห็นดอยเปเปอร์ เส้นทางก่อนเข้าหมู่บ้านหากขับตามทางไปเรื่อยๆ อีกเพียง 60 กม. ก็จะโผล่ไปที่ อ. อมก๋อย จ. เชียงใหม่ แต่จะใช้ระยะเวลาการเดินทางกี่ชั่วโมงนั้น คงต้องตามรอยกันดูอีกทีบริเวณทางขึ้น สามารถแวะชมธรรมชาติสวยๆ ด้วยมุมมองแบบพาโนรามา ณ ม่อนครูบาใส รวมถึงลงเล่นน้ำชำระร่างกาย ในน้ำตกแม่ระเมิง ที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ
ทริพนี้เป็นอีกรูปแบบการเดินทางที่ยังตราตรึงใจ และเป็นการเพิ่มเติมประสบการณ์เดินทางในรูปแบบการลุย ที่ผมจะไม่มีวันลืม รวมถึงทดสอบสมรรถนะของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อย่างเต็มรูปแบบ จนกล้าเอ่ยปากว่า "ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ"
ในทริพหน้า ผมจะพาทุกท่านเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางไปด้วยเจทสกี และเรือเร็ว เพื่อท่องเที่ยวในบึงบอระเพ็ด จ. นครสวรรค์ จะสนุก สุดมัน ขนาดไหน ติดตามให้ได้ครับ !!!
ที่พัก+ที่กิน
ที่กิน
สถานการณ์การเดินทางในรูปแบบลุยโหด การประกอบอาหารด้วยตัวเอง นั้นต้องจัดเตรียมเมนูล่วงหน้าไว้แต่เนิ่นๆ ส่วนภัตตาคารกลางดอย คงไม่ต้องพูดถึง เพราะบรรยากาศนั้นยากที่จะสาธยายได้
ในครั้งนี้ประธานชมรมเมืองตากออฟโรด ทำหน้าที่เป็นเชฟกะทะเหล็ก เมนูอร่อยลิ้น ได้แก่ ต้มยำปลากดคัง, น้ำพริกอ่อง+ผักสด, แกงป่าไก่บ้าน และเมนูสุดท้าย คือ หมูหมักทอดกระเทียมพริกไทย
ที่นอน
ในรูปแบบแคมพิง คงต้องนอนกลางดินแน่นอน ครั้งนี้เราพักกันแบบใกล้ชิด โดยเทนท์หลายๆ หลังถูกกางออกเพื่อเป็นกลุ่มก้อน นอกจากอบอุ่นแล้วยังช่วยกันลมหนาวได้ในตัว
ฟอร์ด เรนเจอร์
พระเอกตัวจริง
การเดินทางในครั้งนี้ ผมได้รับการสนับสนุนรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค ดับเบิลแคบ 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พิคอัพสายพันธุ์อเมริกันเสริมชุดแต่งรอบคัน จากบริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นพาหนะคู่กาย
เรื่องโดย : ณัฐเทพ เผ่าจินดา
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/88567