โลกติดล้อ
ฉันรัก ฮาร์เลย์ เดวิดสัน
คนไทยเรานี่ถือว่าเป็นชาติหนึ่งในโลก ที่ไม่เพียงรักและทนุถนอมรถเอามากๆ แล้วยังชอบคุยกันเรื่องรถได้นานๆ โดยสร้างกลุ่มรักรถยี่ห้อโน้น ยี่ห้อนี้ขึ้นมา ผู้เขียนเห็นกลุ่มผู้รักรถ มีนี เข้าไปรับประทานอาหารในร้านสเตคแถวเขาใหญ่ ที่หน้าร้าน จะเห็นบรรดารถ มีนี หลากรุ่น หลายสี แถมเลขทะเบียนงามๆ จอดเรียงรายอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 คัน เรียกว่า ถ้าขับตามกันไปเป็นขบวนที่ไหน ผู้คนต้องมองกันจนเหลียวหลังกลุ่มคนรักรถแบบเดียวกันอีกกลุ่มที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เสมอ คือ กลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน (HARLEY DAVIDSON) โดยมีทั้งดารา นักร้อง หนุ่มไฮโซ มหาเศรษฐี ฯลฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนได้อ่านเรื่องผลสำรวจเกี่ยวกับ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เขาบอกว่าเมื่อปี 2530 ผู้ครอบครอง ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์อายุต่ำกว่า 35 ปี พอมาในปี 2548 อายุเฉลี่ยของผู้ครอบครองส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 46-47 ปี ส่วนในปัจจุบันนี้ผู้ครอบครอง ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ที่อายุต่ำกว่า 35 ปี มีอยู่เพียง 15 % เช่นเดียวกับรายได้เฉลี่ยที่นับวันจะอยู่ในกลุ่มรายได้สูงขึ้น โดยปี 2530 รายได้ต่อครัวเรือนของผู้ตัดสินใจซื้อ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เฉลี่ยจะอยู่ที่ 38,000 เหรียญสหรัฐ ฯ/ปี พอมาในปี 2540 รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของผู้ตัดสินใจซื้อ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ขยับสูงขึ้นถึง 83,000 เหรียญสหรัฐ ฯ/ปี ในแง่ของความเป็นบแรนด์แข็งแกร่ง จึงส่งผลให้มีกลุ่มคนที่หลงใหล และขออนุญาตให้นำตราสัญลักษณ์ไปใช้ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัท ฯ 5 % ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้ทางการตำรวจอเมริกันยังนำ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ไปใช้ในราชการตำรวจอีกด้วย ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ถือกำเนิดขึ้นในปี 2446 ในตอนเริ่มแรก เราคงไม่อยากเรียกว่า นี่คือ มอเตอร์ไซค์ แต่น่าจะเรียกว่า จักรยานติดเครื่อง มากกว่า โดยหนุ่มน้อยอายุ 23 ปี ชื่อ วิลเลียม ซิลเวสเตอร์ ฮาร์เลย์ (WILLIAM SYLVESTER HARLEY) กับเพื่อนคู่หูสมัยเด็ก อาร์เธอร์ เดวิดสัน (ARTHUR DAVIDSON) ร่วมกันสร้างโดยใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ ความจุ 7.07 ลูกบาศก์นิ้ว หรือ 116 ซีซี แล้วนำไปติดตั้งกับจักรยาน และในตอนนั้นแม้จะมีเครื่องยนต์ แต่ผู้ขี่ก็ยังต้องใช้เท้าปั่นเวลาขึ้นที่สูง จนกระทั่งต่อมาได้พัฒนาจนมีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 405 ซีซี แล้วนำไปติดตั้งตัวถังที่ได้รับการออกแบบใหม่ และกลายเป็นต้นแบบของมอเตอร์ไซค์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ช่วงแรกผู้ที่มีส่วนช่วยกันกันปลุกปั้น ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ขึ้นมา คือ 1 หนุ่ม ฮาร์เลย์ กับ 3 หนุ่มตระกูล เดวิดสัน แต่พวกเขาไม่ได้เน้นขายจักรยานยนต์ทั้งคัน แต่เน้นเรื่องขายเครื่องยนต์ให้คนเอาไปประกอบเอง ต่อมาจึงเริ่มมีการผลิตขาย แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก เพราะเป็นการผลิตจากโรงรถของตระกูล เดวิดสัน นั่นเอง โดยตัวแทนจำหน่ายรายแรกในชิคาโกขายได้ 3 จาก 12 คัน ที่ผลิตออกมา หลังจากนั้น 6 ปี ฮาร์เลย์ กับพี่น้อง เดวิดสัน ได้สร้างโรงงานแห่งแรกขึ้นที่ จูโน อเวนิว โดยมีพื้นที่ขนาดเพียง 12x18 เมตร โดยสามารถผลิตรถได้ปีละ 50 คัน/ปี และที่นี่ได้กลายเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน มาจนถึงทุกวันนี้ ในปี 2460 ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรยานยนต์ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ถูกดัดแปลงเป็นยุทธภัณฑ์ด้วย โดยมีการผลิตเพื่อการนี้ถึง 15,000 คัน เพียงไม่ถึง 20 ปี หลังการก่อตั้งบริษัท ฮาร์เลย์ เดวิดสัน กลายเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อปี 2463 โดยมีปริมาณการผลิตถึง 28,189 คัน และถูกส่งไปจำหน่ายใน 67 ประเทศทั่วโลก และมีการปรับปรุงหลายจุด เพื่อความทันสมัยและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ถังน้ำมัน และระบบเบรค จากนั้นพอมาถึงยุคเศรษฐกิจตกต่ำ (THE GREAT DEPRESSION) ส่งผลให้ยอดขาย ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ลดลงจาก 21,000 คัน เหลือแค่ 3,703 คัน ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดตัวครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดออกมาได้ไม่นาน แต่ ฮาร์เลย์ ก็ยังกัดฟันแนะนำรุ่นใหม่ออกมาที่เป็นรุ่น FLATHEAD สไตล์ อาร์ท เดโค แล้วยังช่วยพยุงสถานะทางการเงินของบริษัท ฯ ด้วยการตั้งโรงไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมโดยใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตสำหรับมอเตอร์ไซค์ รวมถึงผลิตรถ 3 ล้อเครื่อง สำหรับการขนส่งที่เรียกว่า SERVI-CAR ในขณะนั้นมีผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รอดพ้นจากวิกฤตดังกล่าวได้เพียง 2 ราย โดย ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เป็นหนึ่งในนั้น และในปี 2484 หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน มีหน้าที่ผลิตมอเตอร์ไซค์ป้อนกองทัพอีกครั้ง โดยเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์แบบ วี ทวิน ซึ่งการผลิตยุทธภัณฑ์ให้กับกองทัพมากกว่า 90,000 คัน สร้างความภาคภูมิใจ และได้รับรางวัล ARMY-NAVY E AWARDS ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้บริษัทผู้ผลิตที่มีผลงานเป็นเลิศถึง 2 ครั้ง ในปี 2486 และอีกครั้ง ในปี 2488 ประวัติความเป็นมาของ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน แสดงถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน และยังแสดงถึงสปิริทนักสู้ที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อรักษากิจการด้วยการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่ตลาดต้องการ ทุกวันนี้ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน คือ ตำนานจักรยานยนต์อมตะ และเชื่อว่าบแรนด์นี้จะอยู่คู่คนรัก ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ไปอีกนานแสนนาน
เรื่องโดย : เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : โลกติดล้อ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/88425