รู้ไว้ใช่ว่า
ทะยานข้ามเกาะ
ถ้าท่านตื่นตัวกลัวภัย แล้วติดตามข่าวจากสื่อ จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้มีรายการ "รถทะยานข้ามเกาะกลางถนน" ออกนอกลู่นอกทาง หรือแม้กระทั่งตกถนนลอยฟ้า อยู่เป็นประจำ ผลคือ "ตายโหง" รวมไปถึงผู้ที่ขับรถของเขาดีๆ หรืออยู่ในช่องทางตามปกติ ทรัพย์สินรถราเสียหายยังไม่นับ และเชื่อด้วยว่า เอาอะไรจากใครแทบไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องค้าความจนเหนียงยาน
มันน่ากลัว สำหรับการใช้รถใช้ถนนมากขึ้นทุกวัน สาเหตุมาจากหลายกรณี อาทิเช่น สภาพถนนไม่สมบูรณ์ ภูมิอากาศไม่ดี เช่น ฝนตกถนนลื่น สภาพรถ ต่างคนต่างมีต่างใช้ ดูแลบ้างไม่ดูแลบ้าง ตลอดจนสรรพคุณของรถที่ผ่านการใช้งานมานาน ขาดอุปกรณ์ป้องกัน
ที่สำคัญอีกอย่าง คือ "ตัวคนขับ" ในยุคนี้ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า คนนั่งหลังพวงมาลัยจะปลอดจากเหล้ายาหรือไม่ ยาในที่นี้ คือ "ยาบ้า" เพราะมันระบาดหนัก แม้จะปราบอย่างหนักก็ตาม หายนะจากรถเพราะคนขับเป็นเหตุ จึงเกิดขึ้นได้เสมอ
เคยได้ยินคนในรัฐบาลนี้ออกมาพูดว่า จะต้องแก้ไขกฎหมาย ให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาบ้า ยาเสพติด อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องปราม เท่าที่ฟังข่าว คงไม่คืบหน้า เพราะสภาไทย นักการเมืองไทย ถนัดในการราวีฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา ใคร่ขอให้หันมาเร่งรัด แก้ไขมาตรการลงโทษพวกค้ายาบ้าแบบด่วน ประหารก็ให้ประหาร หลังจากศาลตัดสินเด็ดขาดทันที มันจึงจะเอาอยู่ใช่ไหมครับ
ตามมาติดๆ ด้วยคดีความให้ครึกครื้นอย่างเคย
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อตอนตี 3 ของคืนที่ "นายอย่างจัง" บอกว่าซวยจัง เพราะตื่นขึ้นกลางดึกเนื่องจากได้ยินเสียงหมาเห่า งัวเงียลุกขึ้นมาเล็งไปนอกบ้าน เห็นคนร้าย 4 คนกำลังเข็นรถกระบะของตนออกไปที่ถนน แล้วขับไปได้ซะด้วย นายอย่างจัง ไม่กล้าเอะอะ ไม่กล้าติดตาม กลัวสังขารจะมีรูพรุน รอจนรุ่งเช้าจึงหน้าตื่นไปหาผู้ใหญ่บ้าน เพราะแกอยู่ชนบท ห่างไกลโรงพักตั้งโข ผู้ใหญ่ดีใจหาย เกณฑ์ลูกบ้านตามหารถ แต่ไม่เป็นผล
หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน มีคนแจ้งว่า "นายจัดหนัก" เขาบอกฝากถึง นายอย่างจัง อยากไถ่รถคืนให้ไปติดต่อ นายจัดหนัก รับรองจัดให้ได้แน่ นายอย่างจัง จึงให้คนพาไปหา นายจัดหนัก ซึ่งอยู่จังหวัดถัดไป พบกันแล้ว นายจัดหนัก เรียกค่าไถ่ 6 หมื่นบาท ต่อรองเหลือ 5 หมื่น 5 พันบาท นายอย่างจัง กัดฟันจ่ายเงินไป นายจัดหนัก บอกว่ารอ 2 วัน แล้วให้ไปรับรถยังที่นัดหมาย นายอย่างจัง ไปตามนัด แต่คว้าน้ำเหลว ทำท่าจะเสียเงินฟรี
ยังดีที่อีก 10 วันต่อมา ตำรวจไปยึดรถของ นายอย่างจัง ซึ่งจอดทิ้งอยู่ในป่ายางนำมาโรงพัก และให้เจ้าของ คือ นายอย่างจัง นำหลักฐานไปรับรถคืน
ได้รถคืนแล้ว นายอย่างจัง นอนก่ายหน้าผาก คิดอยู่ในใจว่า นายจัดหนัก มันต้มตูนี่หว่า เอาเงินไปกินฟรี เลยทวงเงินคืน แต่ไม่สำเร็จ จึงแจ้งตำรวจดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร รถของ นายอย่างจัง
ตำรวจยังไม่ทันออกเหงื่อไล่จับ นายจัดหนัก ชิงมอบตัวเสียก่อน หลังจากนั้นก็โดนอัยการหิ้วตัวไปฟ้องที่ศาล ข้อหาลักรถของ นายอย่างจัง หรือไม่ก็รับของโจร และขอให้ชดใช้ราคาค่าแอร์ กับวิทยุติดรถยนต์ของ นายอย่างจึง ซึ่งโดนถอดไป เป็นเงิน 4 หมื่นกว่าบาท นายจัดหนัก จ้างทนายสู้คดี ให้การว่าเป็นคนที่มีพวกมาก จึงหาทางไถ่รถให้ นายอย่างจัง ทำไปด้วยความหวังดี ฐานเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ได้ลักขโมย หรือรับของโจร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นนั่งหน้าเมื่อย แลดูน่าเกรงขาม ฟังพยานทั้ง 2 ข้างแล้ว ตัดสินยกฟ้อง ปล่อยจำเลยไป
โจทก์ คือ อัยการ ยังแข็งขัน ยื่นอุทธรณ์เพื่อเอาผิด นายจัดหนัก ให้ได้
ศาลอุทธรณ์เล็งดูเฉพาะสำนวนคดี ไม่ต้องนั่งดูหน้าใครให้รำคาญ แล้วเห็นไปคนละทางจากศาลชั้นต้น พิพากษากลับ ลงโทษ นายจัดหนัก จำคุก 4 ปี ฐานรับของโจร ลดให้ 1 ใน 4 เพราะเข้ามอบตัว เหลือจำคุก 3 ปี
นายจัดหนัก ถือว่าโดนหนัก ไม่อยากติดตะราง จึงให้ทนายยื่นฎีกา ยืนยันความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ศาลฎีกาคว้าสำนวนคดีนี้ที่มาถึงคิว เขม่นมองดูจนทั่วแล้วชี้ขาดออกมาว่า
ข้อหาลักทรัพย์ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีพยานหลักฐานเอาผิด นายจัดหนัก อยู่แล้ว เหลือข้อหารับของโจร ศาลฎีกามองว่า แม้ นายจัดหนัก จะเรียกเอาเงินค่าไถ่รถจาก นายอย่างจัง แต่ นายอย่างจัง ก็ไม่ได้รับรถคืนตามที่ นายจัดหนัก นัดหมาย แต่ได้รถคืนจากตำรวจ ที่ไปพบอยู่ในป่ายาง และคนละอำเภอกับที่ นายจัดหนัก นัดหมายให้ไปรับ แถมเลยเวลานัดหมายไปแล้ว 10 วัน ไม่อาจสันนิษฐานว่า คนร้ายนำรถไปจอดทิ้งไว้ เพื่อให้ นายอย่างจัง ไปรับคืน ตามที่ นายจัดหนัก จัดการและเอาค่าไถ่ จึงเป็นไปได้ที่ นายจัดหนัก สวมรอย เรียกเอาเงินจาก นายอย่างจัง ไปกินฟรี ไม่ได้ช่วยคนร้ายจำหน่ายรถกระบะ โดยวิธีให้ นายอย่างจัง ไถ่คืนก็ได้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงเป็นเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามวิ.อาญา มาตรา 227 วรรคสอง ลงโทษนายจัดหนักไม่ได้
ศาลฎีกาต้องออกแรง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย
ระวัง ใครคิดอาสาไถ่ข้าวของที่โดนลักขโมยไป ทำได้เพราะกว้างขวาง หรือด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ อาจโดนข้อหารับของโจร ฐานช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่โดนลักขโมยไป ดังเช่น นายจัดหนัก ที่แน่ๆ คือ นายอย่างจัง คงหาทางเอาเงินคืน ด้วยการเชคบิลล์ ฟ้องร้องคดีแพ่ง ต่างหากจากที่ นายจัดหนัก โดนอัยการฟ้องข้อหารับของโจร เข้าใจตามนี้นะครับ
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/88123