รู้ลึกเรื่องรถ
ใครควรใช้ไฮบริดบ้าง ?
เงื่อนไขในการเลือกซื้อรถของผู้บริโภค แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยครับ ตั้งแต่เพื่อแสดงฐานะในสังคม เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง จนกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน การเลือกรถจากความสวยงาม ขนาด สมรรถนะ กลายมาเป็นการเลือกจากค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการใช้งาน เช่น ค่าเชื้อเพลิง และค่าซ่อมแซม ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ที่ไม่ใช่รถหรูหรา ค่าใช้จ่ายหลักในการใช้งาน โดยเฉพาะถึงเป็นรถใหม่ ก็คือค่าเชื้อเพลิงครับ โดยเฉพาะในประเทศที่ราคาเชื้อเพลิงสูงมาก เมื่อเทียบกับค่าครองชีพอย่างประเทศเรา ราคาเชื้อเพลิง 1 ลิตร ซื้ออาหารพอหายหิวได้ 1 มื้อ ผู้ใช้รถที่ฉลาด รอบครอบ มองการณ์ไกล จะต้องพิจารณาความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่ออย่างละเอียดรอบคอบที่สุด ทั้ง 3 อย่างนี้สำคัญพอๆ กันครับ จะเพ่งเล็งอย่างใดอย่างหนึ่ง และละเลยอย่างอื่นไม่ได้ เพราะ "มัน" สามารถ "สูบเงิน" ในกระเป๋าของเราออกไปได้ทัดเทียมกัน ผมเคยอธิบาย 3 สิ่งนี้ไว้นานแล้ว ถ้ามีโอกาสจะนำมาเสนอใหม่ สำหรับครั้งนี้ขอเขียนเฉพาะความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (หรือจะเรียกให้ถูกใจผู้ผลิตรถว่า ความประหยัดเชื้อเพลิงก็ได้) ของรถไฮบริดก่อนครับ เพราะมีรายงานทดสอบรถประเภทนี้รุ่นหนึ่งในฉบับพอดี
พวกเราเพิ่งคุ้นเคยกับคำว่า ไฮบริด (HYBRLD) ตอนที่ถูกนำมาใช้กับระบบขับเคลื่อนของรถ ที่จริงคำว่านี้ใช้บอกคุณลักษณะของสิ่งอื่นๆ ได้มากมายครับ คำนี้มาจาก HYBRIDA ในภาษาละติน ใช้มาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อเรียกพืช สัตว์ และมนุษย์ที่เป็นลูกผสม เช่น ลูกหมู ที่เกิดจากการผสมกันระหว่าง หมูป่า และหมุเลี้ยง มีข้อแม้ว่าผสมกันแล้วต้องเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ พวกผสมแล้ว เละเทะ แย่ลงไม่เรียก ไฮบริด ต่อมาก็มีการใช้กับสิ่งของและคนด้วย เช่น เชลโล เป็นเครื่องดนตรีแบบไฮบริด ระหว่างไวโอลิน และเบส์ส หรืออาจใช้กับคนที่การศึกษาสูง มีความรอบรู้ แล้วยังทำงานที่ใช้ฝีมือและแรงงานได้ดีอีกด้วย หรือคนที่เรียนมาด้านวิทยาศาสตร์ แต่มีความรอบรู้และทำงานได้ดีในด้านโบราณคดีด้วย เราก็จะเรียกคนแบบนี้ว่า ไฮบริด แต่ถ้าเป็นตำรวจกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน แต่งานและพฤติกรรมหลักไม่ต่างจากโจร หรือ กุ๊ย สถุล รวมตัวเป็นฝูง พกอาวุธ ไปล้อมกรอบ ข่มขู่ประชาชน พฤติกรรมต่ำช้า สามานย์ แบบนี้เรียกสัตว์นรกครับ ไม่ใช่ไฮบริด
จักรยานก็มีแบบไฮบริดเหมือนกันครับ คือ อยู่ประมาณกึ่งกลางระหว่างรถความเร็วสูงบนถนนเรียบ หรือ "เสือหมอบ" (RACING BIKES) กับรถลุยที่ขรุขระทุรกันดาร หรือ "เสือภูเขา" (MOUNTAIN BIKES) คือ ขี่บนถนนเรียบก็ได้ความเร็วพอสมควร หรือ ขี่ทางขรุขระ ลาดชันก็พอได้ ยางและล้อไม่ถึงกับชำรุด เกียร์ต่ำก็ทดในอัตราสูง ไต่ทางชันไหว ส่วนรถยนต์นั่งไฮบริด หมายถึง รถที่มีระบบให้กำลัง 2 อย่าง คือ เครื่องยนต์ซึ่งใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงเหลว และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจาก แบทเตอรี หลักการส่งกำลังให้แก่ล้อขับเคลื่อน มี 2 แบบด้วยกัน คือ แบบอนุกรม และแบบขนาน แบบอนุกรมทำงานตามชื่อที่ตั้งครับ คือ เรียงกันเป็นแถวเดี่ยว หรือแถวตอน เครื่องยนต์ไม่สามารถส่งกำลังโดยตรงไปถึงล้อได้ ต้องส่งกำลังไปหมุนชุดกำเนิดไฟฟ้า หรือ เจเนอเรเตอร์ จากนั้น เจเนอเรเตอร์ จึงส่งกระแสไฟฟ้าไปให้มอเตอร์ เพื่อสร้างแรงบิดส่งไปที่ล้อ แบบนี้สร้างง่ายกว่า เพราะระบบควบคุมไม่ซับซ้อน แต่ประสิทธิภาพต่ำกว่าแบบขนาน เพราะเมื่อต้องการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์จะต้องเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเจเนอเรเตอร์ แล้วจึงส่งให้มอเตอร์เพื่อแปลงเป็นพลังงงานกลไปขับเคลื่อนล้อ ทุกครั้งที่มีการเแปรรูปพลังงานจะมีการสูญเสียไปในรูปพลังงานความร้อน ซึ่งย่อมหมายถึง ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ไม่ควรจะเสียนั่นเองครับ
ส่วนไฮบริดแบบขนาน ระบบควบคุมสามารถเลื่องใช้เครื่องยนต์ หรือ มอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อขับเคลื่อน ได้ตามความเหมาะสม ทั้งในด้านความต้องการของผู้ขับ และด้านการใช้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพ แบบนี้ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า แต่ต้นทุนสูง และชุดเกียร์แบ่งแรงขับเคลื่อน และระบบควบคุม ต้องมีความละเอียดซับซ้อน เนื่องจากจุดประสงค์หลักในการใช้รถไฮบริด คือ การประหยัดเชื้อเพลิง แบบหลังนี่จึงได้รับความนิยมมากกว่า
หัวใจของการประหยัดเชื้อเพลิงด้วยระบบไฮบริดอยู่ที่ การรักษาพลังงานที่จะสูญเสียตอนถอนคันเร่งลดความเร็ว และตอนเบรคครับ ถ้าเป็นรถทั่วไป พลังงานในเชื้อเพลิงนี่ ที่เครื่องยนต์ใช้ในการเร่งความเร็วของรถ และถูกสะสมไว้ในรูปมวลที่เคลื่อนที่ของตัวรถจะสูญเสียไปในรูปของพลังงานความร้อนที่จานเบรค และผ้าเบรค ก้านเบรค (และส่วนอื่นที่ความร้อนกระจายไปถึง) แต่ในรถไฮบริด เราเปลี่ยนพลังงานนี้ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยให้ล้อรถออกแรงหมุนเจเนอเรเตอร์ (ที่ในรถหลายรุ่น คือ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่เจเนอเรเตอร์ได้ด้วย) ได้กระแสไฟฟ้า แล้วส่งไปเก็บไว้ในแบทเตอรี สำหรับนำกลับมาใช้อีก เมื่อต้องการเพิ่มความเร็ว ในทางปฎิบัติก็คือ ทันทีที่ผู้ขับถอนคันเร่ง ระบบควบคุมจะเปลี่ยนหน้าที่ของมอเตอร์ส่งกำลัง ให้กลายเป็นเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟทันที โดยเอาแรงเฉื่อยของรถมาหมุนมันนั่นเอง และถ้ารถยังลดความเร็วไม่พอ ผู้ขับต้องเหยียบเบรคช่วย ระบบควบคุมจะรับรู้ และสร้างแรงต้านที่เจเนอเรเตอร์เพิ่มขึ้น เป็นการช่วยเบรคให้แรงขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ปั่นไฟป้อนแบทเตอรีได้มากขึ้นด้วย ส่วนนี้แหละครับที่ช่วยให้รถไฮบริดประหยัดกว่ารถ "ธรรมดา" ทั่วไป ถ้าเป็นการเดินทางไกล หรือขับด้วยความเร็วคงที่ยาวนาน รถของเราก็จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากเครื่องยนต์ เหมือนรถทั่วไป แต่ก็ยังมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยของรถไฮบริด ซึ่งมักใช้เครื่องยนต์เล็กกว่า ความสิ้นเปลืองจึงน้อยกว่าเล็กน้อยครับ
สำหรับผู้ที่กำลังเลือกซื้อรถใหม่ และต้องการทราบว่าควรซื้อรถไฮบริดหรือไม่ ต้องเปรียบเทียบจุดเด่นและจุดด้อย ข้อดีและข้อเสียให้ครบทุกด้าน ต้องทราบระยะเวลาที่ใช้รถนี้ ระยะทางที่ขับโดยประมาณต่อเดือนหรือต่อปีด้วย
ถ้ามีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยของรุ่นไฮบริดและรุ่นธรรมดา คำนวณราคาเชื้อเพลิงที่รถไฮบริดช่วยประหยัดได้ต่อปี คูณด้วยจำนวนปีที่วางแผนไว้ว่าจะใช้ จนกว่าจะเปลี่ยนรถ ว่าเป็นเงินเท่าใด คำนวนส่วนต่างของราคารถไฮบริดกับรุ่น "ธรรมดา" สมมติว่าส่วนต่างของราคา เกือบเท่าราคาเชื้อเพลิงที่ประหยัดได้ ตลอดการใช้งานคงไม่ต้องให้แนะนำนะครับ ว่าควรซื้อแบบใด อายุใช้งานของแบทเตอรีของระบบไฮบริดจำกัด และยังไม่มีใครทราบแน่จากการใช้งานจริง เพราะยังเป็นรุ่นใหม่ที่ออกจำหน่ายไม่นาน ปัญหานี้จะทำให้ราคาขายต่อของรถไฮบริดลดลง มากกว่ารุ่นธรรมดา
ถ้าเกิดอุบัติเหตุและรถชำรุด การซ่อมแซมตัวรถจะทำได้ยาก เพราะต้องใช้ "ผู้รู้" ถอดชิ้นส่วนของระบบไฮบริด อู่ซ่อมตัวถังที่ไม่มีความพร้อม จะหาทางออกอย่างไร
ผู้ที่ซื้อรถไฮบริดได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากน่าจะมี 2 กลุ่มครับ คือ กลุ่มที่ไม่หาความรู้ ไม่รู้ค่าของเงิน ชอบของแปลกใหม่ กับกลุ่มที่ฐานะดีมาก ใช้ของที่ใจชอบได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความคุ้มครับ
ส่วนผู้ผลิตและผู้จำหน่าย ไม่ใช่ปัญหาครับ ถ้ามีรถให้ลูกค้าเลือกทั้ง 2 แบบสร้างชื่อเสียง ให้ลูกค้าเชื่อมั่นศรัทราต่อ "บแรนด์" โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขายไม่ว่าลูกค้าจะเลือกแบบใด เงินก็ "ไหล" เข้ากระเป๋าเหมือนกันอยู่ดี
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87896