เสียบก็ได้ ไม่เสียบก็เด็ด

เมื่อ 5-6 ปีก่อน หากใครสักคนพูดถึงรถไฮบริด ใครอีกหลายคนอาจขมวดคิ้ว ในขณะที่ใครบางคนอาจนึกถึงรถยุโรปที่ยกเครื่องยนต์เก่าออก แล้วแทนที่ด้วยเครื่องญี่ปุ่นที่ซื้อหามาจากย่านรองเมืองหรือหลักสี่ ในเวลานั้นรถไฮบริดดูเป็นเรื่องใหม่และไกลตัว ทั้งๆ ที่เมื่อสืบสาวราวเรื่องกันแล้ว ก็จะพบว่า รถไฮบริดไม่ใช่เรื่องใหม่ รถประเภทนี้มีมานมนาน ประจักษ์พยานยืนยัน ก็คือ ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่น ทำรถไฮบริดแบบแรกที่มีการผลิตในลักษณะมวลผลิต คือ โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS) มาตั้งแต่ปี 1997 นั่นแล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมและราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงจากธรรมชาติ ทำให้รถไฮบริดเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ในพอศอนี้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่แทบทุกราย ล้วนมีรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดให้ลูกค้าเลือกซื้อเลือกหาด้วยกันทั้งนั้น ในส่วนของผู้ใช้รถ หากไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนเงินในกระเป๋า หรือในบัญชีธนาคาร ถ้าต้องตัดสินใจเลือกระหว่างรถที่ขับด้วยเครื่องยนต์เครื่องเดียวกับรถที่ขับแบบไฮบริด คงมีอยู่ไม่น้อยที่จะเลือกอย่างหลัง เชื่อเป็นการส่วนตัว ซึ่งอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ว่า รถไฮบริดจะทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงยุคของรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เดือนนี้รถใหม่ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังใน "ระเบียงรถใหม่" เป็นรถที่ขับเคลื่อนแบบไฮบริดล้วนๆ มีทั้งรถไฮบริดชนิดที่ผู้ขับไม่ต้องเป็นกังวลกับการประจุไฟให้แบทเตอรี เพราะกลไกการประจุไฟเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติในตัวรถ อย่างที่เรียกขานกันในภาษาอังกฤษว่า ON-BOARD CHARGING และรถไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อประจุไฟให้แก่แบทเตอรี อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า PLUG-IN HYBRID เริ่มกันที่ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ ไฮบริด (FORD C-MAX HYBRID) และ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอร์จี (FORD C-MAXENERGI) รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่เพิ่งออกจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2013 ทั้ง 2 คัน ไม่ใช่รถที่ค่ายนี้ออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ แต่ดัดแปลงจากรถหน้าตาคล้ายๆ กัน คือ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ (FORD C-MAX) ซึ่งเริ่มจำหน่ายในตลาดยุโรปเมื่อเดือนกันยายน 2010 รถไฮบริด 2 แบบนี้ ผลิตจากโรงงานเดียวกัน เป็นโรงงานที่เมืองเวย์น (WAYNE) ในรัฐมิชิแกน มีหน้าตาเหมือนๆ กัน รูปทรงองค์เอวก็เหมือนกัน เพราะใช้ตัวถังเดียวกัน เป็นตัวถังเหล็กกล้า ยาว 4.409 ม. กว้าง 1.829 ม. สูง 1.623 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.650 ม. สิ่งที่ไม่เหมือนกัน และเป็นความแตกต่างประการสำคัญของรถ 2 แบบนี้ ก็คือ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ ไฮบริด เป็นรถไฮบริดที่ผู้ขับไม่ต้องเป็นกังวลกับการประจุไฟเข้าหม้อแบทเตอรี ส่วน ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอร์จี เป็นรถไฮบริดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อประจุไฟแบทเตอรี หรือ PLUG-IN HYBRID ระบบขับแบบไฮบริดใน ฟอร์ด ซี-แมกซ์ ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 105 กิโลวัตต์/141 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 140 กิโลวัตต์/188 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง หรือที่เรียกกันโดยย่อว่าเกียร์ CVT ส่วนแบทเตอรีที่ใช้เป็นแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 1.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีรถให้เลือกใช้รวม 2 โมเดล คือ FORD C-MAX HYBRID SE ค่าตัวตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรือ MSRP เริ่มต้นที่ 25,200 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 806,000 บาทไทย กับ FORD C-MAX SEL ซึ่งค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 28,200 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 902,000 บาทไทย ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอร์จี ใช้ระบบขับไฮบริดชุดเดียวกัน แต่ใช้แบทเตอรีขนาดโตกว่า คือ แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อประจุไฟด้วยไฟบ้าน 120 โวลท์ โดยเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่มีช่องเปิดอยู่เหนือบังโคลนหน้าด้านซ้ายดังที่เห็นในภาพใหญ่ จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง และจะลดเหลือเพียง 2.5 ชั่วโมง เมื่อใช้ไฟ 240 โวลท์ เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟของแบทเตอรีเพียงอย่างเดียว จะไปได้ไกลประมาณ 32 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 137 กม./ชม. มีขายเพียงโมเดลเดียว สนนราคาค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 32,950 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 1,054,000 บาทไทย