วิถีตลาดรถยนต์
1.2 ล้านคัน ปี '55 ไม่น่าพลาด
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม, + ,79.2 %
รถยนต์นั่ง, +, 95.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, +, 58.7 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, + ,242.7 %
รถยนต์กิจกรรมกลางแจ้ง ,+, 77.0 %
รถเอมพีวี, +, 122.4 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม ,+, 44.8 %
รถยนต์นั่ง ,+, 37.7 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + ,42.4 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, +, 234.7 %
รถยนต์กิจกรรมกลางแจ้ง, + ,54.7 %
รถเอมพีวี ,+, 94.3 %
[/table]
ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหานครใหญ่ที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 4 และทั้งๆ ที่รู้กันอย่างนี้ รวมไปถึงการขยายพื้นที่จราจรทางพื้นราบ แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วในเมืองหลวง ส่วนการขยายพื้นผิวจราจรขึ้นไปด้านบนก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะแล้วเสร็จ อีกทั้งระหว่างการก่อสร้างยังมีส่วนสำคัญทำให้การจราจรด้านล่างติดขัดมากถึงมากที่สุด แต่กระนั้นจำนวนรถยนต์ใหม่ป้ายแดง กลับเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสัดส่วนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับจำนวนประชากรรถใหม่ที่ถูกนำออกไปใช้งานในต่างจังหวัด โดยเฉพาะการเติบโตของรถยนต์ป้ายแดงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2555 มาจนถึงเดือนกรกฎาคม สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนที่ผ่านมา ล้วนมีอายุยืนยาวไม่ข้ามเดือน จากสถิติใหม่กลายเป็นสถิติเก่าเมื่อเดือนต่อไปมาถึง ซึ่งทำให้เป็นที่มั่นอกมั่นใจได้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งปีผ่าน 1.2 ล้านคันอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีวิกฤตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะปัจจัยลบที่เกิดจากน้องน้ำ ที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนที่รังเกียจน้องน้ำต้องจับตาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หากผ่านพ้นไปได้โดยน้องน้ำไม่ตามมาหลอกหลอนเหมือนเช่นปีที่แล้ว ปี 2555 จะต้องเป็นปีทองของยานยนต์ไทยอย่างแน่นอน
เดือนกรกฎาคม มีรถยนต์หน้าใหม่เข้าสู่ตลาดรถยนต์เมืองสยามหลายโมเดลจากหลายค่าย ที่น่าสนใจเห็นจะได้แก่ ฮอนดา แจซซ์ ไฮบริด สำหรับผู้ที่มุ่งหวังความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะ และเชฟโรเลต์ โซนิค เก๋งโมเดลใหม่ของค่ายโบว์หูกระต่าย ที่มีให้เลือกทั้งในแบบ 4 และ 5 ประตู มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง เป็นต้น ขณะที่พโรโมชันดึงลูกค้าเข้าโชว์รูมได้มากที่สุดเป็นแคมเปญพิเศษที่บริษัทผู้จำหน่ายไม่ต้องควักกระเป๋าทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เท่าใดนัก เป็นของขวัญที่รัฐจัดให้ในโครงการรถยนต์คันแรก ที่โดนอกโดนใจผู้อยากมีรถยนต์คันแรกเป็นของตัวเองเหลือเกิน ว่ากันว่ามีผู้ซื้อรถยนต์ที่เข้าหลักเกณฑ์การคืนภาษี และยื่นคำร้องขอรับภาษีคืนแล้วกว่า 150,000 ราย และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เข้าข่ายผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนอีกหลายรุ่น ที่จะทยอยออกมารับคำสั่งซื้อภายในปี 2555 นี้ บางรุ่นบางโมเดลเริ่มแรกเดิมทีกาปฏิทินไว้ว่าจะเปิดตัวในปีหน้า เป็นโมเดลปี 2013 แต่ความร้อนแรงของนโยบายรถยนต์คันแรกทำให้ต้องเข็นออกมาเปิดตัวในปีนี้ก่อนทำเอกสารสั่งซื้ออะไรให้เรียบร้อยภายในสิ้นปี ส่วนส่งมอบค่อยไปว่ากันอีกทีปีหน้า ผู้ขายถูกใจ ผู้ซื้อแฮพพีกันไปทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องของนโยบายประชานิยมนี้จะส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง เป็นเรื่องของผู้หยิบยื่นนโยบาย ไปว่ากันเอาเองต่อไปในภายภาคหน้า
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 130,653 คัน เพิ่มขึ้นมโหฬารจากเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว 79.2 % ขณะที่สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์ต่อเดือนสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนมิถุนายน ที่เพิ่งจะผ่านมา กลายเป็นอดีตไปแล้ว เดือนกรกฎาคมยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศสูงขึ้นกว่าเดือนมิถุนายน 6.3 % แต่สถิตินี้จะมีอายุงานเพียงแค่เดือนเดียวเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ ต้องตามติดกันต่อไป โดยที่ถ้าโรงงานประกอบรถยนต์ของแต่ละยี่ห้อ ยังเร่งปั๊มรถยนต์ออกมาส่งมอบให้กับผู้สั่งจองไว้ก่อนหน้านี้ได้อย่างสม่ำเสมอเต็มกำลังการผลิตเช่นทุกวันนี้ มีความเป็นไปได้สูงอย่างแน่นอน ว่าจะเป็นอีหรอบเดิมที่สถิติมีไว้เพื่อทำลายอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามเดือนเท่านั้น
สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์รวมตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงเดือนกรกฎาคม 2555 ปรากฏว่าปาเข้าไปถึง 731,190 คัน เป็นตัวเลขที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2554 ถึง 44.8 % และถ้าในช่วงเวลาอีก 4-5 เดือนที่เหลือ ไม่มีจุดพลิกผันใหญ่หลวง แน่นอนว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศปี 2555 วิ่งทะลุเป้าสบายๆ อย่างแน่นอน
เดือนกรกฎาคม ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 61,001 คัน เพิ่มขึ้น 95.8 % รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 48,679 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.7 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4,500 คัน เพิ่มสูงขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้วถึง 242. 7% รถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเอสยูวี 8,156 คัน เพิ่มขึ้น 77.0 % รถอเนกประสงค์ หรือเอมพีวี 2,502 คัน เพิ่มขึ้น 122.4 % และรถยนต์ประเภทอื่นๆ 5,815 คัน เพิ่มขึ้น 44.3 % แน่นอนว่า โตโยตา ยังเป็นทางเลือกอันดับที่ 1 สำหรับคนต้องการซื้อรถยนต์ใหม่เช่นเดิม ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเฉพาะในบ้านเราเท่านั้น เพราะจากรายงานรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในโลก ในช่วงควอร์เตอร์แรกของปี 2555 แสดงให้เห็นว่า โตโยตา กลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้แล้ว หลังจากที่ในปีก่อนหน้านี้พลาดท่าเสียที ยกตำแหน่งนี้ให้กับค่าย เจเนอรัล มอเตอร์ส ไป โดย 4 เดือนแรกของปี 2555 นี้ โตโยตา ทั่วโลก จำหน่ายไปแล้วเกือบ 2,500,000 คัน ขณะที่ เจเนอรัล มอเตอร์ส ที่มีรถยนต์ให้เลือกใช้หลายบแรนด์ จำหน่ายไปได้ประมาณ 2,200,000 คัน ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของกลุ่ม โฟล์คสวาเกน ย้อนกลับมาที่เมืองไทย เดือนกรกฎาคม โตโยตา เกือบจะกวาดตำแหน่งรถยนต์ขายดีในเกือบทุกตลาด จะมีโดนแย่งตำแหน่งไปก็ในตลาดรถเอสยูวี ที่พลาดท่าเสียทีให้กับ มิตซูบิชิ แต่สำหรับยอดสะสมมาตั้งแต่ต้นปีไม่มีปัญหา โตโยตา นำโด่งในทุกตลาด เปิดแชมเปญฉลองชัยล่วงหน้าได้
5 มหานิยมของรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนกรกฎาคม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับแต่อย่างใด โตโยตา อยู่หัวแถวด้วยยอดจำหน่าย 19,520 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 40.1 % อีซูซุ ตามมาห่างๆ ด้วยยอด 13,308 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 27.3 % มิตซูบิชิ อันดับ 3 มียอดจำหน่าย 4,812 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.9 % อันดับ 4 เป็นของ เชฟโรเลต์ 3,166 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % อันดับ 5 มาซดา 2,828 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.8 % เมื่อรวม 7 เดือน พิคอัพทั้ง 5 ยี่ห้อ ยังมียอดจำหน่ายนำหน้ายี่ห้ออื่น ไล่เรียงอันดับกันไปไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปได้สำหรับปี 2555 นี้ โตโยตา 113,475 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.8 % อีซูซุ 92,073 คัน ส่วนแบ่งตลาด 30.7 % มิตซูบิชิ 34,226 คัน ส่วนแบ่งตลาด 11.4 % เชฟโรเลต์ 20,319 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.8 % และมาซดา 12,514 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.2 % ยอดรวมทั้งหมด 300,228 คัน เพิ่มขึ้น 42.4 %
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนกรกฎาคม อันดับ 1 โตโยตา จำหน่ายได้ 2,572 คัน ส่วนแบ่งตลาด 57.2 % ตามมาด้วย อีซูซุ 1,156 คัน ส่วนแบ่งตลาด 25.7 % อันดับ 3 เชฟโรเลต์ 243 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.4 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ 167 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.7 % อันดับ 5 ฟอร์ด 159 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.5 % รวมยอดจำหน่าย 7 เดือน 31,428 คัน เพิ่มขึ้น 234.7 %
ตลาดรถเอสยูวี มิตซูบิชิ ทำได้ดีในเดือนนี้ แซงขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ด้วยยอด 2,908 คัน ขณะที่ โตโยตา ลงไปว่าการในอันดับที่ 2 ขายได้ 2,558 คัน อันดับ 3 เชฟโรเลต์ 1,678 คัน อันดับ 4 ขยับขึ้นมาจากอันดับ 5 ในเดือนมิถุนายน อีซูซุ 388 คัน อันดับ 5 หล่นมาจากอันดับ 4 ฮอนดา 358 คัน แต่เมื่อรวม 7 เดือน อันดับ 1 ยังเป็น โตโยตา 19,409 คัน ส่วนแบ่งตลาด 40.1 % มิตซูบิชิ อยู่ในอันดับ 2 ด้วยยอด 15,564 คัน ส่วนแบ่งตลาด 32.2 % ขณะที่อันดับ 3-5 ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เชฟโรเลต์ 7,577 คัน ส่วนแบ่งตลาด 15.7 % อีซูซุ 2,407 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.0 % และฮอนดา 1,730 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.6 % ยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 48,409 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 7 เดือนปี 2554 ถึง 54.7 %
สำหรับรถเอมพีวี อันดับ 1 โตโยตา เดือนนี้เก็บยอดไปอีก 1,431 คัน แต่ ฮอนดา มาแรงสุดในตลาดนี้ ทำยอดจำหน่ายได้ 863 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,528.3 % อันดับ 3 ปโรตอน 148 คัน ตามด้วย ซังยง 17 คัน และเกีย 15 คัน ยอดรวมของตลาดนี้เมื่อผ่าน 7 เดือนไป 14,945 คัน เพิ่มขึ้น 94.3 % เกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นรถเอมพีวีของ โตโยตา ตามด้วย ฮอนดา ปโรตอน ซังยง และซูซูกิ ส่วนรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่เป็นจำพวกรถบัส รถโดยสาร รถหัวลาก ฯลฯ ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีมาอยู่ที่ 35,799 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29.9 % และเป็น โตโยตา อีกเหมือนเดิมที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในบรรดารถยนต์ประเภทนี้ ถ้าดูที่ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงเดือนกรกฎาคม โตโยตา ครองความเป็นผู้นำในทุกตลาดรถยนต์ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87821