ใส่สีใส่สัน
สุดยอดหนังรัก
แต่ละปี ฮอลลีวูดไม่เคยขาดหนังรักโรแมนทิค ถอยหลังจากวันนี้ไป 58 ปี มีหนังรักสำหรับคอหนังโรแมนทิคเรื่องหนึ่งชื่อ SABRINA ผลงานของ บิลลี ไวลเดอร์ ดัดแปลงจากละครเวที เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของ บิลลี ไวลเดอร์ ที่ร่วมงาน 12 ปีกับบริษัทภาพยนตร์พาราเมาท์
ต่อมาในปี 1995 ฮอลลีวูดก็สร้างหนังเรื่องนี้เป็นเวอร์ชันใหม่ ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์เดิมของปี 1954 มีแฮร์ริสัน ฟอร์ด, จูเลีย ออร์มอนด์ ซึ่งรับบทเป็น สาวซาบรินา และกเรก คินเนียร์ เป็นดาราแสดงนำ โดยเฉพาะ กเรก คินเนียร์ ในเรื่องนี้เป็นการแสดงภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิต ผู้กำกับการแสดงเวอร์ชันที่ 2 ของ SABRINA คือ ซิดนีย์ พอลแลค และดนตรีประกอบโดย จอห์น วิลเลียมส์ ซึ่งมีฝีมือเป็นเอกในด้านนี้เป็นการเฉพาะ ช่วยให้ภาพยนตร์รักเรื่องนี้มีบรรยากาศสอดคล้องต้องกันกับคุณค่าของเรื่องราว และการนำเสนอรูปแบบภาพยนตร์
เนื้อหาไม่ซับซ้อนอะไรมาก เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ซาบรินา แฟร์ไชลด์ พ่อมีอาชีพเป็นคนขับรถให้เจ้านาย ตกหลุมรักกับพเลย์บอยคนหนึ่งชื่อ เดวิด ลาร์ราบี ซาบรินา ไปปารีสเข้าคอร์สกับนิตยสาร VOGUE ทางด้านแฟชัน กลับมาอีกทีกลายเป็นสาวสวยสง่างามจนผู้ชายต้องเหลียวมอง แม้กระทั่งพเลย์บอยอย่าง เดวิด ก็ยังหันมามอง หลังจากเมินในความรักที่เธอมีให้ตั้งแต่ครั้งก่อน เดวิด กำลังจะหมั้นกับแพทย์หญิงคนหนึ่งอยู่แล้วทีเดียว แต่เพราะความสวยงามของ ซาบรินา ทำให้เขาลืมการหมั้นโดยสิ้นเชิง
แฮร์ริสัน ฟอร์ด รับบทเป็น ไลนัส ลาร์ราบี เกิดวิตกจริตว่า ถ้าการหมั้นของ เดวิด ล่มสลาย อนาคตทางธุรกิจของตระกูลก็ต้องพลอยล่มสลายไปด้วย เลยต้องหาทางทำให้ เดวิด กับซาบรินา รักกันไม่ได้ ทางออกของ ไลนัส ก็คือ รับบทเป็นพระเอกให้ ซาบรินา ทำเป็นว่าตัวเองรักเธอซะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทุกอย่างทำเพื่อให้ ซาบรินา หันมาสนใจ และมีความรักต่อเขา
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น...ซาบรินา ดันเกิดมีความรักกับ ไลนัส จนได้ ซ้ำร้ายที่สุด ไลนัส ก็ดันเกิดมีความรักที่แท้จริงกับเธอ จนนาทีสุดท้ายนั่นแหละ เขาจึงบอกเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ที่มาแห่งความรักระหว่างคนทั้งสอง ก่อนจะส่ง ซาบรินา กลับไปปารีส ภาพยนตร์ไม่ได้เงิน ลงทุนไป 58 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เก็บเงินได้ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ กว่า แต่ก็ได้กล่อง โดยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และเพลงยอดเยี่ยม ชื่อเพลง "MOONLIGHT" ในการประกาศผลรางวัลประจำปี 1996
SABRINA ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีก 3 รางวัล ในปีเดียวกัน คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และเพลง "MOONLIGHT" ยอดเยี่ยม ส่วน SABRINA เวอร์ชันเดิม ปี 1954 ดาราผู้แสดงนำ คือ ฮัมฟรีย์ โบการ์ท, ออเดรย์ เฮพเบิร์น และวิลเลียม โฮลเดน เวอร์ชันนี้ไม่มีเพลงชื่อ "MOONLIGHT" แต่สาว ซาบรินา ร้องเพลงชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส LA VIE EN ROSE ตรงกับภาษาอังกฤษว่า LIFE IN PINK ซึ่ง เอดิธ เพียฟ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลง
และโดยคุณค่าของเพลง เป็นผลทำให้คำว่า "LA VIE EN ROSE" ฮิทไปทั่วโลก ตามหลังความสำเร็จของสาว ซาบรินา ตามท้องเรื่องในภาพยนตร์ กลายพันธุ์เป็นเทพธิดาเมื่อกลับจากปารีสด้วยชีวิตของเธอเปลี่ยนเป็น "ชีวิตสีชมพู" เดิมทีเดียว ผู้สร้างต้องการให้ แครี กแรนท์ รับบทพระเอก แต่เขาปฏิเสธ บทจึงตกอยู่กับ ฮัมฟรีย์ โบการ์ท ขณะภาพยนตร์กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ สื่อได้ตีพิมพ์ข่าวความรักของคนทั้งสอง คือ วิลเลียม โฮลเดน กับออเดรย์ เฮพเบิร์น เรียกว่ามีเลิฟแอฟแฟร์กัน แม้จะเป็นห้วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ส่วน ฮัมฟรีย์ โบการ์ท ไม่ค่อยชอบนางเอกสักเท่าไร มอง ออเดรย์ เฮพเบิร์น เป็นดารารุ่นเล็ก ขาดประสบการณ์ของการแสดงภาพยนตร์ เวลาถ่ายทำก็ต้องเทคแล้ว-เทคอีก ถ่ายซ้ำไปมาจนเวียนหัว แต่เรื่องราวระหว่าง ฮัมฟรีย์ โบการ์ท กับออเดรย์ เฮพเบิร์น ทางกองถ่ายบอกว่า ออเดรย์ เฮพเบิร์น โดนเท่านี้ถือว่าไม่รุนแรงเท่ากับที่ ฮัมฟรีย์ โบการ์ท โยนใส่คนอื่นในกองถ่ายทำ โดยเฉพาะ บิลลี ไวลเดอร์ กับวิลเลียม โฮลเดน นั้นเข้าหน้า ฮัมฟรีย์ โบการ์ท ไม่ติด แต่ต่อมาภายหลัง ฮัมฟรีย์ โบการ์ท ก็ขอโทษ บิลลี ไวลเดอร์
นี่เป็นธรรมชาติของการสร้างภาพยนตร์ จำเป็นต้องมีข่าวสร้างความสนใจให้กับคอหนัง แม้หนังใหญ่ CLEOPATRA ยังโหมเลิฟแอฟแฟร์ระหว่าง อลิซาเบธ เทย์เลอร์ กับริชาร์ด เบอร์ทัน คนหนึ่งรับบทเป็น พระนางคลีโอพัตรา อีกคนรับบท อัศวินมาร์ค แอนโทนี SABRINA ปี 1954 ได้รางวัลออสการ์ประจำปี สาขาออกแบบเสื้อผ้ายอดเยี่ยมประเภทขาวดำ โดย เอดิธ เฮด ซึ่งในฉากภาพยนตร์ เสื้อผ้าของ ออเดรย์ เฮพเบิร์น ออกแบบตัดเย็บจากดีไซจ์เนอร์คนสำคัญของโลกแฟชัน คือ อูแบร์ต เดอ จีวองชี ปีเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่อง ON THE WATERFRONT ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี
เอดิธ เฮด ให้สัมภาษณ์ใน 20 ปีต่อมาว่า เธอเป็นคนออกแบบ แต่ผู้จุดประกายความคิดในการออกแบบ คือ จีวองชี ซึ่งเขียนแบบตามที่ ออเดรย์ เฮพเบิร์น ชอบ แต่ เอดิธ เฮด ก็จัดการเปลี่ยนโดยพละการ และยืนยันว่าคนออกแบบ คือ เธอ ไม่ใช่ จีวองชี หลังจาก เอดิธ เฮด วายชนม์แล้ว จีวองชี ก็แถลงว่า เสื้อผ้าชุดคอคเทลพาร์ทีที่ ออเดรย์ เฮพเบิร์น สวมใส่นั้น ตัดเย็บจากแผนกเสื้อผ้าของ เอดิธ เฮด แต่การออกแบบเป็นของเขา อย่างไรก็ดี ออเดรย์ เฮพเบิร์น กับจีวองชี ก็มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นับตั้งแต่หนังเรื่อง SABRINA นี่แหละ
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87247