รู้ไว้ใช่ว่า
รู้ไว้ใช่ว่า
หนึ่ง สมรรถนะรถ
สอง สภาพถนนหนทาง เช่น พื้นผิวจราจร ช่องทางจราจร สัญญาณจราจร แสงสว่าง
สาม สภาพร่างกายขณะขับรถของคนขับรถทุกคัน สี่ ความสามารถในการควบคุมรถของผู้ขับรถบนถนน
องค์ประกอบ 4 หัวข้อ แต่มีรายละเอียดนับ 10 อย่าง นำมาคลุกเคล้า ผลลัพธ์ที่ออกมา คือ ความปลอดภัย ในการใช้รถจะมีแค่ไหน นี่คือเรื่องสำคัญต่อการเอาชีวิตรอดเมื่อท่านขับรถ ซึ่งผู้คนไม่ค่อยคำนึงถึง โดดขึ้นรถได้ ตูควบลูกเดียว
ตกอยู่ในลักษณะ ลืมตัว ไม่ใส่ใจ สมรรถนะอันแท้จริงของรถแต่ละคัน ซึ่งแตกต่างกัน และใครๆ ก็รู้ได้จาก ชนิด ขนาด ยี่ห้อ ราคา หรือ กึ๋น ของรถ ลงท้ายข่าวการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุทางรถจึงเกิดขึ้นทุกวัน
แน่นอน ผมไม่มีปัญญาหารถดีๆ แพงๆ มาใช้ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ใช้เท่าที่หาได้ แต่ต้องตระหนักว่า ขีดความสามารถ รถเราที่แท้จริงเป็นยังไง รถเล็กๆ ราคาไม่กี่แสนบาท หรือล้านบาทนิดๆ ในสมัยนี้ จะซื้อสดหรือผ่อนจนหน้าเหลือง ตามปกติสมรรถนะย่อมเป็นรองรถที่เหนือกว่า
ที่น่าห่วง คือ เรายึดแนวคิด ซ่อมง่าย ขายต่อง่าย เป็นสรณะเข้าไปอีก สมรรถนะของรถที่แท้จริง กลายเป็นเรื่องรอง หรือแทบไม่คำนึงถึง ซื้อรถเพ่งอยู่ 2 เรื่องมาแต่ไหนแต่ไร พอได้รถมาไม่ยักเพ่งเรื่องการใช้งาน และอื่นๆ
ประกอบกับปัจจุบันมีการพัฒนาด้านเครื่องยนต์ ควบได้เกินร้อยไปอีกเยอะแยะ เจ้าของรถมักเผลอตัว เหยียบแหลก ไม่ว่าคนหนุ่ม หรือแก่ แล้วเราก็เห็นข่าว ตายยกคัน ตายยกครัว รถพังพินาศ อยู่ไม่ขาด
กราบเรียนท่านประธาน ผ่านไปยังพี่น้องที่รักทั้งหลายด้วยความปรารถนาดี อย่าได้คิดว่าไอ้นี่แสนรู้ หรือช่างสอน ขอให้ประเมิน กึ๋นของรถ ที่เราใช้ ก่อนจะซิ่ง อย่าคิดว่าเหยียบยังไม่มิด โห...ไปได้ร้อยสี่สิบห้าสิบ แล้วไม่ยั้ง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมันกำลังจะ เอาไม่อยู่ มากน้อยตามสภาพรถต้นทุนของรถ นั่นหมายถึง เสี่ยงตายทั้งตัวเรา คนใกล้ชิดอยู่ในรถเรา และคนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทางอยู่บนถนน
ยังไม่นับองค์ประกอบอื่นๆ ดังที่ผมยกมาข้างต้น กับเรื่องซวยหรือดวงชะตา ถ้าประเมินรวมกัน ลองเอาหัวแม่มือตรองดู จะรู้ว่า หวาดเสียวแค่ไหน เสี่ยงแค่ไหน ในแต่ละครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย
จงไปเท่าที่รถเราพอจะไปได้ ถึงที่หมายชัวร์ เร็วกว่าเดินหรือนั่งล้อเกวียนสมัยก่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่าอยู่แล้ว โลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามน่าพิสมัยอีกมากมาย ถนอมชีวิตไว้เถิดครับ อย่าให้รถพรากเราจากโลกก่อนเวลาอันควร
ตามมาติดๆ ด้วยคดีความเพื่อให้ครึกครื้น
นายแรงม้า หากินสมชื่อ เป็นโชเฟอร์ขับรถบรรทุกพ่วง ขณะนั้นควบด้วยความเร็วราวๆ 70-80 กม./ชม. ถือว่าเร็วและไม่ชิดซ้ายอีกต่างหาก ถึงที่เกิดเหตุ นายนิรภัย ขับรถเก๋งอยู่ข้างหน้า จะเลี้ยวข้ามช่องเกาะกลางถนน ยังไงไม่รู้ รถหมุนขวางถนน ขวางรถบรรทุกที่ นายแรงม้า ขับมา หลบไม่พ้นหยุดไม่ทัน รถเก๋งโดนรถบรรทุกพ่วงชนอย่างจังจนไฟลุกไหม้ ลากไปตั้ง 70 ม. ตกลงไปทางซ้ายของถนน
นายนิรภัย และเมีย กับเด็กซึ่งเป็นญาติอีก 2 คน จบชีวิต เรียกว่าตายยกคัน ยกครัว น่าอนาถยิ่งนัก ยังดีที่ นายแรงม้า ไม่หลบหนี เจอข้อหาขับรถประมาททำให้คนตาย อัยการหิ้วตัวไปฟ้องที่ศาล
จำเลย คือ นายแรงม้า เชื่อว่าตนเองไม่ผิด เถ้าแก่จ้างทนายให้สู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ลูกของ นายนิรภัย และแม่ของเด็กที่ตายในรถเก๋ง จ้างทนายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินเอาผิด นายแรงม้า จำคุก 4 ปี ถือว่าแรง
นายแรงม้า ดิ้นรน ให้ทนายยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่าไม่ได้ขับรถประมาท รถเก๋งหมุนขวางทางต่างหาก
ด่านที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่ารถเก๋งเป็นเหตุ นายแรงม้า ประมาทร่วมด้วยเท่านั้น ไม่ได้ประมาทฝ่ายเดียว พิพากษาแก้ ตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ 2 ปี
อัยการไม่ติดใจการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ โจทก์ร่วมก็เช่นกัน คงเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ฝ่ายจำเลย ซึ่งหมายรวมถึง เถ้าแก่ รู้ว่าถ้ายอมรับผิดทางอาญา อาจโดนเฉ่งทางแพ่ง ให้จ่ายเยอะ จึงยื่นฎีกา ขอให้ยกฟ้องไปเลย
ศาลฎีกาคว้าสำนวนขึ้นมาพิจารณาด้วยความอ่อนล้า เพราะคดีกองพะเนินสางไม่หมดง่ายๆ จำใจชี้ขาดออกมาว่า
แม้ นายแรงม้า ไม่ขับรถอยู่ในเลนซ้าย ขับเร็วไม่น้อย สังเกตได้จากรถเก๋งถูกลากไปตั้ง 70 ม. แต่ศาลฎีกาแจงต่อไปว่า พยานหลักฐานที่ปรากฏแน่ชัด ฟังได้ว่ารถเก๋งที่ นายนิรภัย ขับหมุนขวางถนนในระยะกระชั้นชิด สุดปัญญาที่ นายแรงม้า จะหลบหรือหยุดรถได้ทัน ไม่ว่าจะขับเร็วหรือช้าก็ตาม จึงไม่ถือว่า นายแรงม้า ขับรถประมาทในงานนี้ ศาลอุทธรณ์เอาโทษ ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ไม่เอาผิดปล่อยจำเลยไปเสีย
ถ้าจะบอกว่า นี่คือตัวอย่างของสมรรถนะรถก็น่าจะได้ ขับอยู่ดีๆ รถหมุนคว้างจนเอาไม่อยู่ แล้วมีรถอื่นอยู่บนถนน เขาหลบหลีกไม่พ้น หมายถึง ชะตาขาด คนอื่นซวยไปด้วย แม้ นายแรงม้า รอดจากคุก แต่ก็กินไม่อิ่มนอนไม่หลับไปอีกนาน ล้อเล่นไม่ได้หรอกครับ กับการใช้รถใช้ถนนโดยไม่คำนึงถึงกึ๋นของรถ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2553
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86859