วิถีตลาดรถยนต์
มีสะดุดบ้างเหมือนกัน
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม ,+29.0 %
รถยนต์นั่ง ,+18.5 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,+22.8 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ,+233.9 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ,+46.1 %
รถเอมพีวี ,+111.1 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-เมษายน ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม ,+18.8 %
รถยนต์นั่ง ,-1.7 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,+27.4 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ,+209.8 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ,+38.7 %
รถเอมพีวี ,+64.4 %
[/table]
ยอดจำหน่ายรถยนต์ในบ้านเราพุ่งสูงมาตั้งแต่เปลี่ยนเป็นปี 2555 ซึ่งตำราโหราศาสตร์ว่าเป็นปีมังกรทอง โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำลายสถิติยอดจำหน่ายรถยนต์ในแต่ละเดือนเท่าที่มีการจดบันทึกไว้ ด้วยยอดจำหน่ายเดือนเดียวเกินกว่า 100,000 คันเป็นครั้งแรก ทำเอาผู้ที่อยู่ในแวดวงยานยนต์ยินดีปรีดากันโดยถ้วนหน้า และคาดหวังว่าแรงกระตุ้นทั้งจากช่วงเวลาของงานมอเตอร์โชว์ ที่จัดขึ้นปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งมีทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากมายหลายรุ่น และข้อเสนอพิเศษจากผู้ขาย ที่ช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์คันใหม่ได้รวดเร็ว และสะดวกขึ้น รวมไปถึงนโยบายรถยนต์คันแรกของภาครัฐที่ให้เงินคืนสูงสุดถึง 100,000 บาท ยังมีผลบังคับใช้อยู่ และการที่ภาคการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่กลับมาเดินเครื่องกันได้เป็นปกติ จะทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายอย่างน้อย 100,000 คัน/เดือน เกิดขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเกินกว่าเป้าหมาย 1.1 ล้านคัน ในปี 2555 นี้
แต่เดือนถัดมาจากเดือนมีนาคม ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศกลับชะลอตัวลงเสียแล้ว สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากเดือนเมษายน เป็นเดือนที่มีวันหยุดพิเศษหลายวัน ผู้คนจำนวนมากเดินทางออกไปท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาเดิม ทำให้การซื้อขายหรือการผลิตในช่วงนี้ ต้องระงับไว้ชั่วคราว ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนเมษายน มีอันต้องสะดุดลงไป อยู่ที่ไม่ถึง 90,000 คัน โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 86,780 คันอย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดจำหน่ายนี้ถึงแม้จะไม่สวยหรูเหมือนเดือนมีนาคม แต่เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนของปี 2554 แล้วยังเป็นตัวเลขที่ดูดีกว่ากันเยอะ เป็นยอดจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 29.0 % โดยที่รถยนต์บแรนด์ดังยังคงซื้อง่ายขายคล่อง โกยยอดจำหน่ายอย่างเป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิม
โตโยตา พี่ใหญ่ของตลาด ยังไม่มีโมเดลใหม่สดออกมา เพียงแค่จับโมเดลเดิมที่มีจำหน่ายอยู่ มาอัพลุคให้สดใสทันยุคทันเหตุการณ์มากขึ้น เท่านี้แฟนๆ ก็จับปากกามาเซ็นใบจองรถกันเป็นทิวแถวแล้ว เดือนเมษายน ทั้งรถเก๋งและพิคอัพ รวมไปถึงรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่ติดโลโก โตโยตา จำหน่ายรวมกันได้ 30,937 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 35.6 % ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนเมษายนปีที่แล้ว 28.1 % ขณะที่เบอร์ 2 ของตลาด อีซูซุ ที่เชี่ยวชาญเหลือล้นในการทำตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดจำหน่ายรวม 13,418 คันเพิ่มขึ้นกว่าเมษายนปีที่แล้ว 13.7 % มีส่วนแบ่งตลาด 15.5 % อันดับที่ 3 ฮอนดา ส่อแววว่ากลับมาแล้วหลังจากที่ยอดจำหน่ายลดฮวบมานานจนหลุดโผ 5 บแรนด์ยอดนิยมไป มียอดจำหน่ายรวมที่เกินกว่า 10,000 คัน/เดือนอีกครั้งหนึ่งแล้ว จำหน่ายไปได้ 12,425 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วถึง 67.2 % คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 14.3 % ขณะที่ มิตซูบิชิ ซึ่งเป็นที่จับตามองว่าอีโคคาร์คันใหม่จะโดนอกโดนใจผู้ใช้รถบ้านเรามากน้อยเพียงไร หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มียอดจำหน่าย 7,383 คัน ปรับตัวสูงขึ้น 38.1 % มีส่วนแบ่งตลาด 8.5 % ส่วน นิสสัน ยังได้อันดับ 5 ไปนอนกอดอยู่เหมือนเดิม จำหน่ายไปได้ 5,803 คัน เพิ่มจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 15.4 % ส่วนแบ่งตลาด 6.7 %
รวมตัวเลขยอดจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงเดือนเมษายน รถยนต์ใหม่ป้ายแดงทุกประเภทมียอดจำหน่ายรวมกันที่ 363,479 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 18.8 % โตโยตา เป็นเพียงบแรนด์เดียวที่โกยยอดจำหน่ายรวมเกิน 150,000 ไปแล้ว ตัวเลขจริงอยู่ที่ 152,002 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 41.8 % ทิ้งห่างอันดับที่ 2 อีซูซุ กว่าเท่าตัว โดย อีซูซุ มียอดรวมที่ 63,182 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 17.4 % อันดับที่ 3 เป็นของ นิสสัน ปีนี้มีคิวส่งทีเด็ดรถยนต์นั่งโมเดลใหม่ออกสู่ตลาดอีก 1 โมเดล ทำยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีได้ 33,202 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.1 % มิตซูบิชิ เก็บยอดสะสมอยู่ในอันดับ 4 ด้วยยอด 31,711 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.7 % โอกาสแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 3 มีความเป็นไปได้สูงไม่ใช่น้อย และอันดับที่ 5 เป็นของ เชฟโรเลต์ 20,737 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.7 % ส่วน ฮอนดา ถึงแม้สถานการณ์ยอดจำหน่ายจะกระเตื้องขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ เหมือนในอดีต คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนเมษายน อีซูซุ ทำยอดไล่กวด โตโยตา เกือบทัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันอยู่ดี มียอดจำหน่ายที่แพ้ โตโยตา ไม่กี่ร้อยคันเท่านั้น โดย โตโยตา ครองอันดับ 1 ต่อเนื่องอีก 1 เดือนด้วยยอดจำหน่าย 10,914 คัน เพิ่มขึ้นจากเมษายนปีที่แล้ว 8.0 % คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 32.2 % อีซูซุ จี้ตามมาติดๆ ด้วยยอดจำหน่าย 10,327 คัน เพิ่มขึ้น 4.0 % ส่วนแบ่งตลาด 30.4 % ส่วน มิตซูบิชิ ก็ยังเหนียวแน่นกับอันดับที่ 3 เดือนนี้กวาดยอดจำหน่ายไปอีก 4,328 คัน เพิ่มจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 41.3 % ได้ส่วนแบ่งตลาด 12.8 % ที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดเป็นยอดจำหน่ายของ โคโลราโด ใหม่ของ เชฟโรเลต์ ที่อยู่ในอันดับ 4 ด้วยยอด 3,146 คัน เทียบกับยอดจำหน่ายที่ โคโลราโด โฉมเดิมทำไว้ในเดือนเมษายนปีก่อน เพิ่มสูงขึ้นถึง 328.6 % ได้ส่วนแบ่งตลาด 9.3 % อันดับ 5 เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากการมาถึงของโมเดลใหม่ ได้แก่ มาซดา บีที-50 พโร ใหม่ เมษายนปีนี้ยอดจำหน่าย 1,848 คัน เทียบกับเมษายนปีที่แล้วที่ยังเป็นยอดจำหน่ายของ บีที-50 โฉมเดิม ปรับตัวสูงขึ้นถึง 173.4 % มีส่วนแบ่งตลาด 5.4 % โดยที่ยอดจำหน่ายรวมทั้งหมดของพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในเดือนเมษายนอยู่ที่ 33,918 คัน เพิ่มสูงขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 22.8 %
ผ่าน 4 เดือนของปี 2555 ไปปรากฏว่ายอดจำหน่ายรวมของพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้ออยู่ที่ 161,928 คันเพิ่มสูงขึ้นกว่า 4 เดือนแรกของปีก่อน 27.4 % โตโยตา นำเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างอันดับที่ 2 อีซูซุ ไม่ถึง 10,000 คัน โดยยอดรวมโตโยตา 59,426 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.7 % อีซูซุ 50,875 คัน ส่วนแบ่งตลาด 31.4 % อันดับ 3 มิตซูบิชิ 20,303 คัน ส่วนแบ่ง 12.5 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 10,494 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % อันดับที่ 5 นิสสัน 6,922 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.3 %
สำหรับพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนเมษายนปีนี้ทำยอดจำหน่ายทวีคูณอีกเดือนหนึ่ง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว มียอดจำหน่ายรวม 4,034 คัน เพิ่มสูงขึ้นถึง 233.9 % โดยแบ่งเป็นยอดจำหน่ายของ โตโยตา 1,931 คัน เพิ่มสูงขึ้น 168.9 % ส่วนแบ่งตลาด 47.9 % อีซูซุ 1,345 คัน เพิ่มขึ้น 458.1 % ส่วนแบ่งตลาด 33.3 % เชฟโรเลต์ 305 คัน เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 3,288.9 % ส่วนแบ่งตลาด 7.6 % ฟอร์ด 161 คัน เพิ่ม 436.7 % ส่วนแบ่งตลาด 4.0 % มิตซูบิชิ 140 คัน ปรับตัวขึ้น 112.1 % ส่วนแบ่งตลาด 3.5 % รวม 4 เดือน พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ มียอดจำหน่ายรวม 17,989 คัน เพิ่มขึ้น 209.8 % เดือนพฤษภาคม โตโยตา คงผ่านหลักหมื่นคันไม่ยากเย็น เพราะถึงเวลานี้มียอดรวม 9,618 คัน ส่วนแบ่งตลาด 53.5 % เกินครึ่งหนึ่งของทั้งตลาด อันดับ 2 อีซูซุ 5,825 คัน ส่วนแบ่งตลาด 32.4 % อันดับ 3 เชฟโรเลต์ 862 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.8 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ 635 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.5 % ฟอร์ด อยู่ในอันดับ 5 ด้วยยอด 483 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.7 %
6,323 คัน เป็นยอดจำหน่ายของรถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเอสยูวี เดือนเมษายนปีนี้ ปรับตัวสูงขึ้นจากเมษายนปีก่อน 46.1 % โตโยตา และมิตซูบิชิ เป็น 2 ยี่ห้อที่แข่งกันเป็นอันดับ 1 ของตลาดนี้ แต่ โตโยตา ดูจะมีภาษีดีกว่าในปีนี้ ทำยอดจำหน่ายไปได้อีก 2,437 คัน เพิ่มขึ้นถึง 168.4 % ส่วนแบ่งตลาด 38.5 % ขณะที่ มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 2,105 คัน เพิ่มขึ้น 49.2 % ส่วนแบ่งตลาด 33.3 % ขณะที่ยี่ห้ออื่นที่มีรถยนต์จำหน่ายอยู่ในตลาดนี้ หมดสิทธิ์ฝันถึงความเป็นเบอร์ 1 หรือเบอร์ 2 ของตลาดอย่างแน่นอน อันดับที่ 3 เป็นของ เชฟโรเลต์ 946 คัน ส่วนแบ่งตลาด 15.0 % อีซูซุ มาเป็นอันดับ 4 ขายได้ 457 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.2 % ฮอนดา อยู่ในอันดับ 5 ด้วยยอด 152 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.4 %
4 เดือนผ่านไป ตลาดรถเอสยูวี มียอดจำหน่ายรวม 26,466 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 38.7 % โตโยตา นำตลาดอยู่ด้วยยอด 11,256 คัน ส่วนแบ่งตลาด 42.5 % ตามด้วย มิตซูบิชิ 8,634 คัน ส่วนแบ่งตลาด 32.6 % เชฟโรเลต์ 3,968 คัน ส่วนแบ่งตลาด 15.0 % อีซูซุ 1,440 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.4 % อันดับที่ 5 ฮอนดา 287 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.1 %
รถอเนกประสงค์ หรือเอมพีวี เดือนเมษายนปิดยอดที่ 2,345 คัน เพิ่มขึ้นจากเมษายนปีที่แล้ว 111.1 % เดือนนี้ ฮอนดา ทำได้ดี แต่ยังไม่ดีพอที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 แทน โตโยตา โดย โตโยตา จำหน่ายได้ 1,087 คันส่วนแบ่งตลาด 46.4 % รวม 4 เดือน โตโยตา ขายได้ 4,436 คัน ส่วนแบ่งตลาด 63.6 % ฮอนดา 994 คัน ส่วนแบ่งตลาด 42.4% ยอดรวม 4 เดือน 1,720 คัน ส่วนแบ่งตลาด 24.7 % ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ ปโรตอน 182 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.8 % รวม 4 เดือน 550 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.9 % ซังยง อยู่ในอันดับ 4 ด้วยยอด 28 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.2 % รวม 4 เดือน ขายได้ 82 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.2 % และซูซูกิ 21 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.9 % รวม 4 เดือนมียอด 76 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.1 % ยอดจำหน่ายรวม 4 เดือนของตลาดรถเอมพีวี มีทั้งสิ้น 6,975 คัน ปรับตัวสูงขึ้น 64.4 %
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86855