ระบบลอคเฟืองท้าย

ไม่ว่าจะเป็นนักขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ มือใหม่ หรือมือเก๋า การเลือกใช้ระบบลอคเฟืองท้ายให้เหมาะสมกับการใช้งาน ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเลือกใช้ชุดเฟืองท้ายที่ตรงกับสไตล์การขับขี่ ย่อมนำมาซึ่งความคุ้มค่า และความได้เปรียบในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ดีกว่า หากจะให้แบ่งแยกระบบลอคเฟืองท้ายที่นิยมใช้งานสำหรับสาวกผู้คลั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถแบ่งได้ดังนี้   ระบบลอคเฟืองท้าย แบบลิมิเทดสลิพ (LIMITED SLIP DIFFERENTIAL TRANSMISSION LOCK SYSTEM) เป็นระบบลอคเฟืองท้ายที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งในรถยนต์ทางเรียบ และรถยนต์ประเภทออฟโรด สไตล์ครอสส์คันทรี หลักการทำงานของระบบลอคเฟืองท้ายประเภทนี้ จะอาศัยความฝืดของชุดแผ่นคลัทช์ในการทำหน้าที่กระจายแรงหมุนสู่ล้อทั้ง 2 ฝั่งให้สมดุล เมื่อเกิดการหมุนของล้อทั้ง 2 ข้างที่แตกต่างเกิน 100 รตน. เพื่อรักษาการส่งกำลังจากล้อที่หมุนฟรี ถ่ายกำลังสู่ล้อฝั่งที่มีความฝืดของสัมผัสยางที่มากกว่า ส่งผลให้รถสามารถเคลื่อนที่ผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นคง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิด และประเภทของระบบลิมิเทดสลิพ ซึ่งแต่ละแบบจะให้สมรรถนะการส่งกำลังที่แตกต่างกัน เฟืองท้ายแบบลิมิเทดสลิพ จะอาศัยการทำงานของชุดแผ่นคลัทช์ ในการทำหน้าที่ขับชุดเฟืองให้ล้อทั้ง 2 ข้างหมุนเท่าๆ กัน สามารถแบ่งลิมิเทดสลิพ ได้เป็น 3 แบบ ตามคุณสมบัติที่แตกต่างกัน คือ - 1 WAY LSD เฟืองท้ายแบบนี้มักติดตั้งมากับโรงงาน สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีสมรรถนะสูง ต้องการระบบส่งกำลังที่เต็มประสิทธิภาพ ลิมิเทดสลิพชนิดนี้จะจับเฉพาะตอนที่เราเร่งเครื่อง เพื่อถ่ายกำลังลงสู่พื้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งในทันทีที่ถอนคันเร่ง ล้อทั้ง 2 ข้างจะหมุนได้อย่างอิสระ โดยไม่มีการถ่ายแรงจากเฟืองท้ายมาสู่ล้อ - 1.5 WAY LSD หลักการทำงานจะคล้ายในแบบแรก คือ จะทำงานเฉพาะในขณะที่มีการเร่งเครื่องยนต์ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ ในขณะที่ถอนคันเร่งจนหมด ชุดคลัทช์ของเฟืองท้ายชนิดนี้จะยังมีการจับลอคอยู่เพียงเล็กน้อย ล้อจะไม่หมุนอิสระเหมือนแบบแรก - 2 WAY LSD มักได้รับความนิยมในวงการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบซะมากกว่า โดยเฉพาะในวงการรถดริฟท์ที่ล้อวิ่งหมุนฟรีไปตามทแรคโค้งๆ จากการถ่ายกำลังเครื่องยนต์ลงสู่ล้อได้เต็มที่นั่นเอง หลักการทำงานก็เช่นเดียวกับ 2 แบบแรก คือ จับกับล้อทั้ง 2 ข้าง แต่จะจับทั้งจังหวะกดคันเร่ง และยกคันเร่ง ซึ่งเฟืองท้ายประเภทนี้จะมีแรงหน่วงขณะถอนคันเร่งที่มากกว่า 2 แบบ ในลักษณะของการเกิดเอนจินเบรค ไปในตัว ซึ่งในบางครั้งอาจส่งผลให้ท้ายปัดได้ง่าย   ระบบลอคเฟืองท้าย แบบฮับลอค (HUB LOCK OR FREE-LOCK DIFFERENTIAL TRANSMISSION LOCK SYSTEM) เป็นระบบลอคเฟืองท้ายอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ติดตั้งกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ในส่วนของระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ชุดฮับลอค หรือที่ชาวขับ 4 มักเรียกติดปากในชื่อ "ฟรีลอค” หลักการทำงานของชุดลอคเฟืองท้ายประเภทนี้ ซึ่งปั๊มอักษรบ่งบอกตำแหน่งการใช้งานไว้ที่ฝาปิด การทำงานจะไม่ยุ่งยาก เพียงอาศัยการปลดถ่ายกำลังของชุดเพลาขับหน้า จากการออกแบบชุดฝาครอบดุมล้อหน้าให้สามารถบิดปรับการทำงานได้ โดยอาศัยพื้นผิวหน้าสัมผัสภายในชุดฮับลอค ที่มีลักษณะทำมุมเฉียง (TAPER) เมื่อผู้ขับขี่ทำการหมุนปรับตำแหน่งที่ดุมล้อมาอยู่ที่ “LOCK” มุมทแยงของฝาฮับลอคจะกดให้หน้าสัมผัสของปลายแกนเพลาขับหน้า ซึ่งมีลักษณะเป็นฟันเฟือง สามารถถ่ายกำลังไปกดกับร่องสลักที่ดุมล้อมีความแน่นหนายิ่งขึ้น แต่เมื่อปรับตำแหน่งมาอยู่ที่ “FREE” ฮับลอคจะปลดการส่งกำลังจากแกนเพลาให้เป็นอิสระจากดุมขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งผลพลอยได้ของชุดลอคประเภทนี้ นอกเหนือจากการให้หน้าสัมผัสส่งกำลังสู่ล้อที่ดียิ่งขึ้น ชุดฮับลอคยังช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากกำลังการหมุนของล้อหน้ามีอิสระยิ่งขึ้น ไม่ต้องสูญเสียแรงถ่ายผ่านแกนเพลา และชุดเฟืองหน้าให้สิ้นเปลือง เมื่อขับขี่ในระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ การออกแบบการทำงานที่พื้นฐาน แต่ให้ประสิทธิภาพเกินคุ้ม ยังมีระบบลอคเฟืองท้ายที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีก 2 ประเภท ซึ่งจัดได้ว่าเป็นเขี้ยวเล็บขั้นเทพสำหรับนักบู๊จอมลุยสไตล์ออฟโรดนิยมเลือกใช้ นั่นคือ ชุดดิฟฟ์ลอค และแอร์ลอคเคอร์ รู้จักกันดีรึยังว่า ชุดลอคตัวเจ็บทั้ง 2 ประเภท มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างไร แต่ละแบบมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อีกมากที่หลายท่านอาจมองข้าม ฉบับหน้าพลาดไม่ได้